20 มี.ค. 2021 เวลา 04:33 • ประวัติศาสตร์
ทำไมจึงมีการขโมยศพคนตายเกิดขึ้นบ่อยครั้งใน ศตวรรษที่19
เวลานั้นช่างทำให้ยุคสมัยและประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงของมันเมื่อมนุษย์เริ่มการค้นพบและพัฒนาความรู้ทางปัญญาและคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยให้การดำรงชีวิตสบายขึ้น อย่างในช่วงศตวรรษที่19 ที่เป็นยุคแห่งการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆทั้ง การศึกษา เทคโนโลยี วิศวกรรม และอื่นๆ
วันนี้เราจะพาทุกคนไปพบเรื่องที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยเรื่องหนึ่งในยุคนี้อย่างการที่ศพของผู้ตายได้ถูกทำพิธีและถูกนำมาฝังได้ถูกกลับมีการถูกขุดและขโมยออกไปเป็นจำนวนมากและหลายครั้ง ซึ่งเราจะพามาหาที่มาและสาเหตุที่ศพเหล่านั้นทำไมมีการถูกขโมยออกไป
การขโมยศพนั้นมีการเชื่อมโยงกับความก้าวหน้าในการศึกษากายวิภาคศาสตร์และการแพทย์ โดยศพที่ได้ถูกขโมยมานั้นจะนำไปขายให้กับเหล่านั้นศึกษาแพทย์หรืออาจารย์ที่สอน หรือกระทั่งมหาวิทยาลัย เพื่อนำไปใช้ศึกษาและการเรียนการสอน
กายวิภาคศาสตร์ คือ เป็นแขนงหนึ่งของวิชาชีววิทยา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างของสิ่งมีชีวิต คำนี้หมายรวมถึงกายวิภาคศาสตร์มนุษย์,
ภาพประกอบ
ในครั้งแรกที่ทราบว่ามีการขโมยศพเกิดขึ้นโดยนักศึกษาแพทย์สี่คนในโบโลญญาในปี 1319 หลายปีก่อนหน้านี้ศาสตราจารย์ชื่อดังแห่งโบโลญญา Mundinus ได้รื้อฟื้นการศึกษาและการสอนวิชากายวิภาคศาสตร์ เขาทำการผ่าศพในที่สาธารณะซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นของอาชญากรที่ถูกประณาม
ในศตวรรษที่ 17 และ 18 การขโมยศพนั้นเริ่มมีมากขึ้นจนเกือบทั่วโลก มีการลดการประหารชีวิตซึ่งเป็นแหล่งซากศพดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีการขยายตัวของโรงเรียนแพทย์และการศึกษากายวิภาคศาสตร์ในเวลาเดียวกัน
ภาพประกอบ
การกระทำนี้ได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสถาบันหลายแห่งที่เชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นซึ่งถูกชดเชยด้วยประโยชน์ที่การศึกษาทากายวิภาคของร่างกายจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่แพทย์ในการมีองค์ความรู้ที่มากขึ้น
ความต้องการซากศพที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการเริ่มทำธุรกิจขุดและส่งศพโดยจะทำงานเป็นทีมโดยมุ่งเป้าไปที่หลุมศพใหม่เป็นหลักเพราะสามารถขุดออกมาได้ง่ายกว่า โดยพวกเขาจะส่งสายลับไปงานศพซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นผู้หญิงเพื่อสอดแนมหลุมศพและวางแผนในการกำจัดศพ
เป้าหมายเฉพาะคือหลุดศพของคนยากจนเพราะว่ามีจำนวนมากและสามารถเอาออกมาได้ง่ายมากกว่าศพของผู้มีฐานะเนื่องจากจะต้องทำการขุดลงไปมากถึง4ฟุตและการนำขึ้นมาก็ยังมีขั้นตอนที่ใช้เวลานานอีกด้วยและเสี่ยงที่จะถูกพบ
ภาพประกอบ
ซึ่งพอเริ่มมีข่าวออกไปว่าได้มีการขโมยขุดศพจากสุนานไปขายนั้นทำให้เหล่าญาติหรือครอบครัวผู้เสียชีวิตถึงกับต้องมีการเฝ้าหลุมศพทุกคืน หรือการออกแบบโรงศพที่เป็นเหล็ก การสร้างรั้วเหล็กล้อมรอบ หรือสัญญาณเตือน โครงสร้างแท่งเหล็กที่สร้างขึ้นรอบ ๆ โลงศพที่เรียกว่า Mortsafe .จนกลายเป็นเรื่องปกติของชายยุโรปในช่วงนั้น
Mortsafe โดยจะคลอบหลุมศพเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกขุดขึ้นมาหรือ อาจต้องใช้เวลามากในการจะนำศะขึ้นมา
รวมไปถึงการร้องเรียนเพื่อเรียกร้องให้มีกฎหมายที่รุนแรงในการลักขโมยศพเกิดขึ้นเพราะว่าในสมัยนั้นกฎหมายยังไม่มีความรุนแรงมากพอหากผู้ที่กระทำการขโมยศพถูกจับก็ได้รับโทษเพียงแค่เป็นค่าปรับหรือถูกจำคุกเพียงเวลาอันสั้น
ทำไมถึงต้องมีการขโมยศพเกิดขึ้นมาก?
จากข้อมูลที่แอดได้ศึกษามาและรวบรวมนำมาสรุปได้พบว่า ในช่วงยุดสมัยนั้นเทคโนโลยียังไม่มีความก้าวหน้ามากพอและยังอยู่ในช่วงพัฒนาทางด้านการแพทย์ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าในร่างกายของมนุษย์ และการที่ยังไม่สามารถรักษาสภาพศพให้คงสภาพไว้ได้ดีเหมือนอย่างปัจจุบัน จึงทำให้ศพที่ทำการชำแหละหรือผ่าออกมาเสร็จไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ จึงต้องหาศพใหม่ๆที่มีสภาพสมบูรณ์มาแทนอยู่ตลอด นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เหล่านักศึกษาแพทย์ และโรงเรียนแพทย์ในช่วงนั้นจึงต้องการศพเป็นจำนวนมากโดยยอมจ่ายให้กับคนที่สามารถจัดหาศพที่ต้องการให้ได้โดยราคานั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพของศพที่มีความสดใหม่อยู่ ยิ่งพึ่งเสียชีวิตไปราคาก็จะยิ่งสูง จึงมีคนหลายคนที่แอบลักลอบเข้าไปขโมยศพมาขายเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามการขโมยศพยังคงเกิดขึ้นตลอดช่วงปลายศตวรรษที่ 19
ปัจจุบัน ในปี 2549 ชายสี่คนถูกตั้งข้อหาขโมยร่างกาย พวกเขาขายชิ้นส่วนร่างกายที่ได้รับโดยไม่ได้รับความยินยอมจากศพในห้องเก็บศพและสถานที่จัดงานศพในนิวยอร์กซิตี้ ชิ้นส่วนของร่างกายถูกขายเพื่อการปลูกถ่ายและการศึกษาทางการแพทย์
และนี้ก็คือสาเหตุว่าทำไมจึงมีการขโมยศพของผู้ตายเกิดขึ้นมาจนเกิดเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้แต่ก็ได้สร้างความเดือดร้อนและกระทำความผิดเอาไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันเรื่องนี้อาจจะมีการลดลงบ้างแล้วแต่ก็ยังมีคนที่กระทำการแอบลักลอบทำอยู่แต่เปลี่ยนเป็นการขายอวัยวะแทน ซึ่งเป็นธุริจใต้ดินที่ทำกำไรได้มหาศาล
ที่มาแหล่งข้อมูล
โฆษณา