20 มี.ค. 2021 เวลา 08:50 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Midsommar เทศกาลสยอง หนังสยองขวัญที่ไม่จำเป็นต้องมืดเสมอไป
1
หลายๆคนคงคุ้นเคยว่าหนังสยองขวัญต้องมืดๆเพื่อสร้างบรรยากาศความกดดันและน่ากลัว ซึ่งจริงๆแล้วมันก็เป็นสูตรสำเร็จที่หนังสยองขวัญมากมายนำมาใช้กันทั้งสิ้น
“ความกลัวเกิดของมนุษย์เกิดจากความไม่รู้” วลีนี้คงเคยได้ยินกันมาบ้าง เพราะเป็นสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์มาเยอะแล้วว่าอะไรก็ตามที่เราไม่รู้จัก ไม่เห็น มันจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น มนุษย์เราจึงกลัวผี กลัวความมืด กลัวทะเลลึก กลัวความตาย กลัวตกนรก เพราะเรารู้จักสิ่งเหล่านี้น้อยเหลือเกิน พอต้องนึกถึงว่าจะต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้ มันจึงเกิดกลัวขึ้นมา
คนทำหนังผีหรือหนังสยองขวัญต้องรู้จักเล่นกับประสาทสัมผัสและการรับรู้ของคนดูและใช้ประโยชน์จากจุดนี้ เพื่อสร้างความรู้สึกกลัวให้กับผู้ชม จะด้วยการสร้างบรรยากาศหรือการใช้จังหวะทำให้ตกใจก็ตาม
ภาพจากเว็บไซต์ VIONLABS ที่แสดงให้เห็นถึงสีและความสว่างของหนังสยองขวัญทั่วไป
ภาพยนตร์นั้นเป็นสื่อที่มีองค์ประกอบของทั้งภาพและเสียงเป็นส่วนสำคัญ นอกเหนือจากแสดงให้เห็นภาพสยดสยองเลือดสาดที่ทำให้คนดูรู้สึกกลัวและสะอิดสะเอียนแล้ว การทำให้ภาพมืดๆเข้าไว้เพื่อจำกัดประสาทสัมผัสการมองเห็นและเพิ่มประสาทการรับรู้ทางเสียงให้กับผู้ชม และใช้ดนตรีค่อยๆบิ้วร่วมกับภาพที่มืดมองไม่ชัด ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกกลัวให้กับคนดูไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน โดยไม่ต้องโชวภาพน่ากลัวให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว
1
วันนี้เลยจะมาพูดถึงหนังเรื่องหนึ่ง ที่ไม่ได้ใช้วิธีแบบสูตรสำเร็จอย่างที่เราคุ้นเคยกันในการสร้างบรรยากาศที่ไม่น่าไว้ใจให้กับหนัง และในทางตรงกันข้ามกลับมีภาพที่สว่างสดใสแต่ใช้องค์ประกอบอื่นๆเข้ามาสร้างความกลัวให้กับคนดูได้โดยไม่ต้องอาศัยความมืดด้วยซ้ำ เรื่องนั้นคือ Midsommar โดยผู้กำกับ Ari Aster
Midsommar เป็นเรื่องราวของ Dani และ Christian และกลุ่มเพื่อนๆของทั้งคู่ที่ได้เดินทางไปยังประเทศสวีเดนเพื่อไปศึกษาพิธี Hårga ที่หมู่บ้านลึกลับแห่งหนึ่งตามคำชวนของ Pelle เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ซึ่งในหมู่บ้านลึกลับแห่งนี้ที่ทั้งกลุ่มต้องเผชิญกับพิธีกรรมที่แปลกประหลาดเหนือความเข้าใจของพวกเขา และไม่อาจรับรู้ถึงชะตากรรมที่น่ากลัวที่รอพวกเขาแต่ละคนอยู่
1
สีเหลือง น้ำเงิน เขียว โทนสีหลักของเรื่อง Midsommar
เรื่องย่ออ่านดูแล้วก็เหมือนเป็นเนื้อเรื่องหนังสยองขวัญตามสูตรปกติ ซึ่งถ้าเราอ่านแค่นี้เราก็อาจจะจินตนาการได้ว่าภาพของหมู่บ้านที่เกิดเรื่องราวสยองขวัญนี้มันก็คงมืดๆน่ากลัวๆเหมือนหมู่บ้านผีสิงทั้งหลายที่เราเคยๆเห็นกันมา
แต่ด้วยความที่พิธี Hårga นั้นจะถูกจัดขึ้นกลางฤดูร้อนในประเทศสวีเดน ภาพของเรื่องราวส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งนี้จึงเป็นตอนกลางวันกลางแดดอันอบอุ่นของฤดูร้อนแทบจะตลอดทั้งเรื่อง
การที่จะทำหนังสยองขวัญที่มีภาพลักษณ์สดใสนั้นเป็นเรื่องยากและท้าทายอย่างแน่นอน
เมื่อขาดเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างบรรยากาศน่ากลัวๆอย่างความมืดไปแล้วนั้น ทีมสร้างเรื่องนี้จึงใช้องค์ประกอบอื่นๆเข้าช่วยอย่างเต็มประสิทธิภาพแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเสียงสวดภาษาที่ไม่เข้าใจ เสียงดนตรีแปลกๆจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านและเสียงสวดมนต์ชวนขนลุก ไปจนถึงการแสดงของเหล่าตัวละครชาวบ้านที่สร้างความอึดอัดและไม่น่าไว้ใจ ทั้งหมดนี้ประกอบรวมกันสร้างความน่ากลัวออกมาได้โดยแทบไม่ต้องอาศัยบรรยากาศมืดทึมเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม จุดน่าสนใจอีกจุดนึงนอกจากเรื่องของการไม่ยอมใช้บรรยากาศมืดๆมาสร้างความน่ากลัวแล้ว การใช้สีก็มีจุดน่าสนใจอยู่เหมือนกัน ซึ่งถ้าจะพูดถึงอาจจะต้องมีการเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องอย่างเลี่ยงไม่ได้
****เนื้อหาต่อไปนี้จะมีภาพที่น่ากลัวและการ Spoil เนื้อเรื่องของ Midsommar****
เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับสีในเรื่องนี้คือการใช้งานสีในทางที่เป็นเหมือน Visual Cues ถึงความตายที่คอยกระตุ้นความกลัวในตัวละครออกมา สีที่พูดถึงในที่นี้คือสีเหลืองและสีฟ้า
ตอนต้นเรื่องเราจะได้รู้ว่าน้องสาวของ Dani ตัวละครหลักของเรานั้น มีปัญหาโรคซึมเศร้าและพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง จนสุดท้ายก็ทำสำเร็จแต่ที่คาดไม่ถึงคือเธอได้ใช้วิธีรมควันทั้งตัวเองและรวมไปถึงพ่อแม่ด้วย ทำให้ท้ายที่สุด Dani จึงเสียทั้งน้องสาวและพ่อแม่ไปในคราวเดียวกันจากเหตุการณ์นี้
ในฉากช่วงที่หน่วยกู้ภัยเข้าไปพบศพคนในบ้านนั้นเราจะเห็นสีที่โดดเด่นมากๆคือสีเหลืองและสีฟ้า ซึ่งฉากนี้มีความยาวพอสมควรทำให้คนดูเริ่มสังเกตเห็นความโดดเด่นของสองสีนี้ได้อย่างชัดเจน
ในภายหลังจากที่ทั้งคณะเดินทางมาที่สวีเดนแล้วภายในหมู่บ้านลึกลับแห่งนี้แล้วพบกับพิธีกรรมประหลาดๆซึ่งหนึ่งในช่วงที่สะเทือนขวัญที่สุดของเรื่องคือช่วงที่ผู้อาวุโสของหมู่บ้านต้องเข้าร่วมพิธีสิ้นสุดอายุขัยแล้วโดดหน้าผาฆ่าตัวตายลงมา ผู้สูงอายุทั้งสองนั้นอยู่ในชุดสีฟ้า และเมื่อโดดลงมาตายนั้น ภาพที่ Dani เห็นมันทำให้ Dani นึกย้อนถึงเหตุการณ์ตอนที่ตัวเองเสียทั้งครอบครัวไปนั่นเอง ในฉากนี้เราจึงได้เห็นการใช้งาน Visual Cues เป็นทั้งการบอกใบ้และเชื่อมโยงกับความตายที่ตัวละครจดจำได้นั่นเอง
ภาพหลอนจากความฝันของ Dani ที่จับเชื่อมโยงการตายของครอบครัวกับเหตุการณ์ฆ่าตัวตายของผู้อาวุโสในหมู่บ้านลึกลับ
อีกจุดหน้าสังเกตคือภายในหมู่บ้านลึกลับแห่งนี้จะมีอาคารทรงสามเหลี่ยมสีเหลืองหลังหนึ่งตั้งโดดเด่นอยู่ โดยที่ชาวบ้านบอกว่าอาคารหลังนี้เป็นเขตต้องห้าม ห้ามเข้าไปเด็ดขาด แต่ความโดดเด่นของอาคารนี้ก็ชวนสงสัยกับทั้งตัวละครและคนดูมาตลอดทั้งเรื่องว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในกันแน่
จนในท้ายเรื่องเราจึงรู้ว่าอาคารนี้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีสำคัญในการใช้บูชายันในตอนท้ายเรื่องนั้นเอง ซึ่งความตายของเครื่องสังเวยที่โดนเผาไปพร้อมกับอาคาร ซึ่งเป็๋นอีกหนึ่งความตายที่เกิดขึ้นและได้มีการบอกใบ้เพื่อเชื่อมโยงเอาไว้ด้วย Visual Cues ของสีเหลืองและฟ้าอย่างที่ได้ยกตัวอย่างไว้
1
โดยรวมจะเห็นได้ว่าเรื่องนี้มีวิธีการใช้สีในแบบที่ผ่านการคิดมาอย่างดีมาก โดยหย่อนสีที่สำคัญๆเอาไว้กับทั้งเสื้อผ้าและฉากโดยใช้เป็นสีหลักในการออกแบบอยู่เรื่อยๆ ซึ่งทั้งสีเหลืองและฟ้านี้ไปได้ดีกับสีที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติในฉากอย่างสีเขียวของทุ่งหญ้าและต้นไม้ ทั้งหมดทั้งมวลจึงสร้างภาพที่มีความ Pastel สดใสเหมือนอยู่ดินแดนในฝัน ตัดกับความน่ากลัวของผู้คนและพิธีกรรมได้อย่างดีเลยทีเดียว
ถึงจุดนี้ถ้าใครที่เป็นคอหนังสยองขวัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสยองขวัญที่มีแนวทางการนำเสนอไม่เหมือนใครและอยากหารสชาติที่แปลกใหม่จากหนังแนวนี้ ผมแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าควรไปหา Midsommar ดูด้วยตัวเองเพื่อสัมผัสกับความสยองขวัญได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
1
ใครที่ชอบบทความแบบนี้ สามารถกดติดตามเพจ Color In Story ไว้ได้ครับและยิ่งถ้าแชร์ไปให้เพื่อนๆใน Social ต่างๆมาอ่านและพูดคุยกันได้ยิ่งดี หลังจากนี้จะมีบทความเกี่ยวกับการใช้สีในภาพยนตร์หรือซีรีส์แต่ละเรื่องที่มีความน่าสนใจกันอีกหลายๆเรื่องอย่างแน่นอน
โฆษณา