“บางคนถูกจุ่มในสีด้าน บ้างก็ในสีแวววาว ในสีน้ำมัน แต่พอนานๆเข้าที่เราเจอคนที่พิเศษ และเมื่อเราเจอ อะไรเหล่านั้นมันก็เทียบไม่ได้”
Movie Recommended : Flipped หวานนักวันรักแรก(2010)
Flipped เป็นพล็อตหนังรักธรรมดาถึงธรรมดาที่สุด หากเรามองหนังเรื่องนี้เป็นเพียงหนังรักวัยรุ่นเรื่องหนึ่ง โดยหนังจะเล่าถึงสองตัวละครหลัก จูลี่ และ ไบรซ์ ซึ่งทั้งสองได้เติบโตมาในครอบครัวที่อยู่บ้านตรงข้ามกัน และมีหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้าหากเรามองให้ลึกลงไป ในความธรรมดานี้เอง หนังได้สอดแทรกความสัมพันธ์ของครอบครัวแบบไม่ธรรมดาเอาไว้อย่างลึกซึ้ง
ส่วนหนึ่งของโปสเตอร์หนัง Flipped
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ไบรซ์ ลอสกี้ ย้ายเข้ามาอาศัย ณ บ้านตรงข้ามกับจูลี่ เบเกอร์ เด็กสาวสุดแปลกประหลาด ที่ออกอาการตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
โดยการเล่าเรื่องของหนังจะเป็นการเล่าสลับมุมมองของสองตัวละครไปมาในเหตุการณ์เดียวกัน ทำให้เราสามารถเข้าใจความคิดของทั้งสองได้ว่าทำไมถึงเลือกที่จะทำเช่นนั้น ซึ่งความน่าสนใจคือการเล่าเช่นนี้เป็นการไปพ้องกับชื่อหนัง Flipped ที่แปลว่าพลิกอีกด้วย
นอกจากนี้คำว่า Flipped(พลิก) ก็อาจสื่อไปถึงความรู้สึกของตัวละคร จากที่ในตอนแรก จูลี่หลงรักไบรซ์ แต่ยิ่งผ่านเหตุการณ์ต่างๆและเธอได้รู้จักไบรซ์มากขึ้น เธอกลับยิ่งรู้สึกว่าเธออาจไม่ได้หลงรักไบรซ์มากเท่าที่เธอคิด ในขณะที่ไบรซ์นั้นกลับรู้สึกต่างกัน! เขากลับเริ่มหลงรักเธอ มันจึงกลายเป็นการพลิกสลับความรู้สึกของตัวละครจากตอนแรกเลยก็ว่าได้
แต่จริงๆแล้วคำว่า Flipped ยังมีความหมายที่เป็นแสลงได้อีกอย่างหนึ่ง คือการการแสดงอาการตื่นเต้น ดีใจ ประหลาดใจ หรืออาการหลุดๆเวลาเจอเหตุการณ์อะไรสักอย่างนั่นเอง อย่างที่จูลี่ ได้กล่าวไว้ในหนัง ในฉากแรกที่เธอเจอกับไบรซ์ว่า
“The first day I met Bryce Loski, I flipped”
เมื่อไบรซ์ย้ายมาอยู่บ้านตรงข้ามกับจูลี่
ในตอนแรกนั้นจูลี่เป็นคาแรคเตอร์ที่สะท้อนความ ‘เกิน’ ของความรู้สึกออกมา เธอหลงรักไบรซ์มากเกินไป จนแสดงพฤติกรรมแปลกๆโดยไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของไบรซ์เท่าไหร่นัก ส่วนไบรซ์ก็ได้สะท้อนความ ‘ขาด’ ที่เขามักจะคิดในแง่ลบ เลือกที่จะปฏิเสธก่อนเสมอ และเลือกที่จะแก้ปัญหาอย่างผิดวิธี ซึ่งการวางคาแรคเตอร์ตรงข้ามกันนี้เองเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้ตัวบทหนัง ทำให้ผู้ชมอยากจะรู้ว่าทั้งสองคนจะมาลงเอยกันอย่างไร
ฉากที่จูลี่แอบดมกลิ่นยาสระผมของไบรซ์(หนึ่งในพฤติกรรมแปลกๆของเธอ)
ในส่วนของประเด็นสำคัญที่หนังต้องการจะสื่ออาจไม่ใช่แค่ความรักของเด็กหนุ่มสาวเท่านั้น เพราะหนังได้ให้น้ำหนักกับเรื่องราวความสัมพันธ์ของครอบครัวไว้มากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวเบเกอร์ ที่มีปัญหาด้านการเงิน แต่คนในครอบครัวต่างรักและเข้าใจกัน หรือจะเป็นครอบครัวลอสกี้ ที่ดูจะมีฐานะ แต่คนเป็นพ่อกลับมีทัศนคติด้านลบและชอบดูถูกผู้อื่น
ซึ่งคำพูดหลายๆประโยคจากคนในครอบครัวนี้เองเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เด็กทั้งสองเติบโตขึ้น และปรับความรู้สึกให้มาอยู่ที่จุดสมดุลที่สมควรเป็น เช่น ฉากที่พ่อของจูลี่พูดถึง ‘สาระของแต่ละส่วน’ เปรียบความสัมพันธ์ของเธอกับไบรซ์ และสอนให้จูลี่มองภาพรวมของสิ่งๆต่าง ไม่ใช่มองแค่ ‘บางส่วน’ แล้วรู้สึกว่าสิ่งนั้นดีไปหมด(ในที่นี้น่าจะหมายถึงการตัดสินคนจากหน้าตา)
หรือจะฉากที่คุณตาคุยกับไบรซ์เรื่องของจูลี่ หลังจากทะเลาะกับพ่อของเขา ว่าบางคนมีความพิเศษแตกต่าง แต่ความพิเศษเหล่านั้นก็เทียบไม่ได้เมื่อเราได้พบคนพิเศษสำหรับเราจริงๆ
“บางคนถูกจุ่มในสีด้าน บ้างก็ในสีแวววาว ในสีน้ำมัน แต่พอนานๆเข้าที่เราเจอคนที่พิเศษ และเมื่อเราเจอ อะไรเหล่านั้นมันก็เทียบไม่ได้”
ไบรซ์และคุณตาของเขา
แต่ฉากที่ผู้เขียนนั้นชอบเป็นพิเศษ เป็นฉากที่คุณตาสอนไบรซ์ว่า ‘บางครั้งความอึดอัดใจเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น สามารถเยี่ยวยาปัญหาที่ตามมาที่หลังได้’ ช่างเป็นคำสอนที่นำมาปรับใช้ในชีวิตของเราได้จริงๆ
แทนที่จะบอกว่า Flipped เป็นหนังรักวัยรุ่น ผู้เขียนขอบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักครอบครัวที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี เพราะตัวหนังสื่อถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวได้อย่างละเมียดละไมจนอดไม่ได้ที่จะต้องดูซ้ำๆ
ในส่วนของเพลงประกอบเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องพูดถึงอย่างขาดไม่ได้ ด้วยตัวหนังถูกเซ็ตอัพในยุคปลาย50 ทำให้คนที่ชอบฟังเพลงของยุคนี้ต้องชอบอย่างแน่นอน ด้วยจังหวะที่ฟังเพลินเจือความสดใสและหวานละมุนของยุคสมัยนั้นเอาไว้ ทำให้ช่วยส่งเสริมบรรยากาศของหนังได้เป็นอย่างดี
ไบรซ์และจูลี่
สุดท้ายหากใครกำลังมองหาหนังรักไม่หนักสมองมากนัก เพื่อดูกับครอบครัวในวันว่างๆ เรื่อง Flipped ก็เป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่น้อยที่อยากจะแนะนำให้ดู เพื่อเติมความสดใสในวันที่ต้องการการพักผ่อน
สำหรับคนที่สนใจสามารถรอรับชมได้ทาง Netflix Thailand ในวันที่ 1 เมษานี้นะคะ
SaiiKa.
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
