คงเคยได้ยินคำพูดที่บอกว่า "ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด" หรือเปรียบกับธรรมชาติ "ถ้าอยากอยู่รอดต้องอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร" และถ้าในเชิงธุรกิจ "ผู้ที่ฉลาดมักจะอยู่รอด" แม้แต่การใช้ชีวิต "คนรวยเท่านั้นที่จะอยู่รอด"
จริงๆแล้วธรรมชาติสอนเรามาเป็นล้านๆ ปีมาแล้วว่า "ผู้ที่ปรับตัวเก่งเท่านั้น ถึงเป็นเป็นผู้ที่อยู่รอด"
ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งเหมือนไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ ไม่ใช่ผู้ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร อย่างเช่นเสือบางชนิดที่กำลังจะสูญพันธุ์ ไม่ใช่คนที่ฉลาดมักพลาดจากการลืมตัวเชื่อมั่นในตัวเองเกินไป หรือแม้แต่คนรวยที่ใช้เงินไม่เป็นก็อาจจะแย่ได้
ในปัจจุบัน ณ ตอนนี้ที่อยู่ในสภาวะโควิท ยิ่งทำให้เห็นภาพที่ชัดเจน ต่อให้เป็นคนเก่งคนฉลาดทำงานดีแค่ไหน ขนาดเป็นถึงนักบินก็มีสิทธิ์ตกงานกันได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นคนรวยมีธุรกิจใหญ่โต ก็มีสิทธิ์ต้องปิดตัวลงไปก็เยอะ ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหน เจอปัญหาแล้วคิดสั้นไปก็ไม่น้อย จริงๆแล้วโควิทยังไม่ใช่ปัจจัยหลักที่แท้จริง เป็นแค่ตัวเร่งปฏิกิริยาเท่านั้นเอง แต่ของจริงคือการเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็วมากจนอาจจะตามไม่ทันต่างหากที่น่ากลัว
เมื่อวิวัฒนาการมีการพัฒนาแบบทวีคูณ จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด ใน 10 ปีที่แล้วผ่านมาจนทุกวันนี้จากหลักล้านเป็นสองล้าน X.... และเทคโนโลยีมาแทนที่คนมากขึ้น อาชีพที่คิดว่ามั่นคงในอดีตก็จะเริ่มไม่มั่นคง กำลังคนก็จะไม่จำเป็นกับงานอีกต่อไป งานที่ต้องทำซ้ำๆเดิมๆก็ไม่จำเป็นต้องจ้างคน แม้แต่แพทย์เก่งๆแค่คนเดียวอาจจะผ่าตัดรักษาคนได้ทั่วโลก
ดังนั้น ตั้งแต่นี่ไปการเริ่มปรับตัว เป็นสิ่งที่ต้องกระทำได้แล้ว ในตัวบุคคลหนึ่งคนต้องมีทักษะความสามารถที่มากกว่าหนึ่ง โดยเฉพาะความสามารถส่วนตัว งานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล เช่น การทำอาหาร ศิลปะ งานฝีมือ ฯลฯ ที่อยากได้ผลงานแบบนี้ ก็ต้องทำโดยคนนี้เท่านั้น หรือในด้านเทคโนโลยี เราต้องพัฒนาตัวเองให้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งผู้ควบคุมเทคโนโลยี แทนที่จะทำงานไปวันๆในตำแหน่งที่จะถูกแทนที่ในอนาคต
ทางที่ดีต้องเร่งมองหาธุรกิจหรือช่องทางหารายได้ด้วยตัวเอง ที่ไม่ใช่การเป็นลูกจ้างหรือพนักงาน ชะตาชีวิตต้องไม่ถูกกำหนดด้วยนายจ้าง หาอาชีพที่กำหนดรายรับตัวเองได้ ต่อให้ได้น้อยแต่ก็สามารถเลี้ยงตัวเองได้ตลอด ดีกว่าได้เงินมากๆแต่พอวันนึงอยู่ดีๆก็ตกงานซะงั้น ไม่มีเงินไม่มีรายได้อะไรเลย
ในตอนที่ยังไม่เกิดปัญหาอยากให้รีบสร้างแผนตั้งรับในชีวิต "อย่ารอให้เกิดวิกฤตแล้วค่อยมาแก้ปัญหา" มันอาจจะเหนื่อยมากขึ้นแต่ก็ต้องทำ นี่คือคำแนะนำหรือจะถือได้ว่าเป็นคำเตือนก็ได้ คุณจะเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ตัวคุณ
ส่วนใครที่มักจะสะกดจิตโทษชะตาตัวเองด้วยข้อจำกัดที่ว่า แล้วจะทำอะไร จะทำได้ไหม จะเริ่มต้นยังไง ไม่มีเงินทุน ถ้าสนใจอยากให้แนะนำต่อ กดติดตามและคอมเม้นเป็นกำลังใจ เพื่อให้ทราบถึงผลตอบรับ แล้วจะมาแนะนำวิธีการให้ฟังต่อนะครับ.....
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
