23 มี.ค. 2021 เวลา 01:21 • ท่องเที่ยว
อินเดียในใจฉัน
วันที่เก้า Jodhpur
เดินทางมาถึงจอฮ์ดปูร์ก็เย็นแล้ว กว่าจะได้เช็คอินก็ทุ่มเลย ก็เดินจากสถานีรถไฟมาอ่ะนะ หลงบ้าง งงบ้าง บางทีก็หลงทิศ ดีที่อินเตอร์เน็ตดีทำให้การท่องเที่ยวสะดวกขึ้น สำหรับคนเที่ยวแบบบัดเจตมันประหยัดมาก ตอนรอรถไฟได้คุยกับคนหลายๆ คน ก็คราวนี้ฉันจองแบบตู้ธรรมดา ผดส.ส่วนใหญ่ก็จะมีฐานะไม่ค่อยดี ก็ได้สัมผัสคนอีกรูปแบบ เจอเด็กน้อยคนนึงน่ารักมาก
นั่งรอรถไฟพร้อมหนุ่มน้อยน่ารัก
บนรถไฟก็ยังได้เจออีกครอบครัวนึงที่ดูวุ่นวายพอตัว มีลูกเล็กมากน่าจะ 8 เดือนได้ แม่แขวนเปลบนรถไฟ ส่วนลูกคนโตน่าจะ 5 ขวบวิ่งไปมาตลอดทาง ฉันเลยซื้อน้ำกับขนมให้ หลังจากนั้นแม่และลูกครอบครัวนั้นก็ย้ายมานั่งตรงข้ามฉัน นั่งจ้องฉันจริงจังมาก จะสื่อสารกันก็ไม่รู้เรื่อง
คืนนี้พักเกสต์เฮ้าส์ที่มี sky bar ซึ่งได้เห็น Mehrangarh fort อยู่ไม่ไกล พรุ่งนี้ฉันจะไปชมล่ะ
Mehrangarh Fort จากด้านบนเกสต์เฮ้าส์
ตื่นเช้าด้วยความตื่นเต้น รีบวิ่งขึ้นไปดาดฟ้าเพื่อที่จะดูบรรยากาศยามเช้า แต่ก็เห็นแต่อาคารสีฟ้าเต็มไปหมด ที่นี่ถูกเรียกว่านครสีฟ้า เนื่องจากอาคารเกือบทั้งหมดในเมืองทาสีฟ้า ซึ่งสีฟ้าคือสีของพระศิวะ (จากข้อมูลที่ได้มา) หลังจากกินข้าวแล้วก็รีบแจ้นไปที่ป้อมเลย บ้านช่องระหว่างทางก็ทำตื่นตาตื่นใจอยู่เหมือนกัน ฉันว่าเมืองนี้มีกลิ่นอายของความน่ารักนะ
ศิลปะบนผนัง
ทางขึ้นป้อมนั่นเป็นเนินตลอดทาง ฉันก็อาศัยกูเกิลแมพ เดินลัดเลาะจนถึง มันว้าวมากเลย
Mehrangarh Fort นั้นถูกสร้างมา 600 แล้ว เป็นหนึ่งในป้อมที่ใหญ่แห่งหนึ่งของอินเดีย สร้างที่ความสูงเหนือจากตัวเมือง 125 เมตร ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยจากข้าศึกศัตรูมาก
ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เห็นแต่ฝรั่งหัวทองเต็มไปหมด แล้วก็มีบริการ Audio guide ให้บริการด้วยนะ
ทางเข้าไปด้านใน
ในนี้มีพิพิธภัณฑ์ที่จัดสถานข้าวของเครื่องใช้ของกษัตริย์ในสมัยโบราณรวมทั้งอาวุธที่ใช้สู้รบ การจัดเก็บนั้นทำได้ดีมาก สะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบ ดีกว่าที่ Red Fort มากมาย
การตกแต่งภายในอลังการมาก
นอกเหนือจากอาคารที่สร้างได้สวยงามปรานีตแล้ว บนความสูงขนาดนี้ยังมีสวนและทะเลสาป เมื่อก่อนที่นี่คงยิ่งใหญ่มากๆ มีวัดอยู่ทางทิศตะวันตกของป้อม จากด้านบนสามารถมองเห็นมุมกว้างของเมือง
มุมจากวัดบนป้อม Mehrangarh
ของที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์
ใช้เวลาอยู่บนนี้น่าจะครึ่งวันได้จากนั้นก็เป็นเวลาที่จะต้องไปเมือง ฉันเดินเข้าซอกออกตรอกเล็กตรอกน้อย จนลืมกินข้าวกลางวันเลย อากาศกลางวันก็ร้อนเล็กน้อย ฉันค่อนข้างโชคดีที่ช่วงไปอินเดียนั้นอากาศเย็นทุกเมืองเลย
หอนาฬิกาคือแลนด์มาร์คของเมือง อยู่ใกล้ๆ กับตลาด
ฉันได้รับคำแนะนำจากเพื่อนให้ไปร้านขายชาที่ขึ้นชื่อของที่นี่ เจ้าของร้านน่ารักและเป็นมิตรมาก ชงชาให้กอนตั้งหลายถ้วยเลย
ถ่่ายรูปที่ร้าน M.V.Spice ใกล้ๆกับตลาด
ขากลับก็ยังเดินดูเมืองต่อ โชคดีที่ฉันชอบการเดินก็เลยเพลิดเพลินกับเมืองนี้มากๆ และตั้งแต่มาเที่ยวอินเดียจนถึงวันที่เก้าแล้วก็เพิ่งได้เห็นบ่อน้ำโบราณเป็นครั้งแรก
มีคนดำผุดน้ำว่ายอยู่ด้านล่าง
ขากลับก็ยังได้เห็นขบวนอะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าคือพิธีกรรมหรืองายอะไรแต่เห็นสาวๆ แต่งตัวสวยๆ ก็ได้แต่เดินตามขบวนไป
ชุดสดใสๆ
ที่นี่นอกเหนือจากวัวแล้วก็น่าจะเป็นหมานี่แหล่ะที่น่าจะศักดิ์สิทธิ์ลองลงมา
หมานอนกันไม่ธรรมดาเลย
เย็นนี้ก็กินข้าวเย็นที่เกสต์เฮ้าส์ ฉันสั่งมาม่าเกาหลีใส่กิมจิ ถ้วยละ INR 180 หรือประมาณ 90 บาท บ้าบอจริง ทำไมฉันต้องมากินมาม่าเกาหลีที่อินเดียด้วยนะ
โฆษณา