Leave the Door Open คือเพลงล่าสุดที่บรูโน มาร์ส ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2021 เพลงนี้เขา Featuring กับ Anderson Paak ภายใต้ชื่อ Silk Sonic
.
การแจมครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยในขณะนี้ (17 มีนาคม 2564) มีผู้เข้าชมในยูทูบแล้วกว่า 40 ล้านคน
.
แต่ก่อนที่ประตูเหมือนดังชื่อเพลงของเขาจะเปิดกว้าง ชื่อเสียง ความสำเร็จ และเงินทองจะไหลมาเทมาสู่บรูโน มาร์ส
.
ทุกคนเริ่มต้นรู้จักกับเขาผ่านเพลงแรก ๆ อย่าง
.
...Billionaire
.
.
.
บรูโน มาร์ส: เขียนอนาคตตัวเองด้วย Billionaire เพลงเปลี่ยนชีวิตเด็กยากไร้ให้กลายเป็นเศรษฐี
.
I wanna be a billionaire so fuckin’ bad. (ฉันโคตรอยากเป็นเศรษฐีมาก ๆ)
.
ประโยคเปิดของเพลง Billionare ที่แต่งและร้องโดย บรูโน มาร์ส (Bruno Mars) นักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน ต้องใช้คำว่า “สวัสดีเรามาจากโลกอนาคต” เพราะวันนั้นที่เขาเขียนเพลงนี้ขึ้นมา เขาอาจจะไม่ได้นึกว่า ฝันของเขาจะเป็นจริง กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ เป็นเศรษฐีร้อยล้านในวันนี้
.
ชีวิตของเด็กยากไร้ที่ขัดเกลาฝีมือตัวเองจนกลายเป็นศิลปินดังระดับโลก มันเริ่มต้นอย่างนี้...
.
บรูโน มาร์ส มีชื่อจริงว่า ปีเตอร์ จีน เฮอร์แนนเดซ (Peter Gene Hernandez) เกิดและโตที่ฮอโนลูลู ฮาวาย บรูโนโตมากับเสียงเพลงและการเอนเตอร์เทนผู้คนมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของบรูโนมีวงเป็นของตัวเอง
.
สมาชิกในบ้าน รวมถึงตัวบรูโนเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกวงดนตรีของครอบครัวตั้งแต่เด็ก เขาเริ่มแสดงบนเวทีกับวงของครอบครัวตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ผู้คนต่างจำเขาได้กับบทบาทเด็กน้อยน่ารัก ตาโตที่แสดงท่าร้องและเต้นเลียนแบบเอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) ความน่ารักของเด็กน้อยบรูโนในวันนั้น ทำให้ในปี 1992 ตอนที่บรูโน่อายุ 7 ขวบ เขาเคยได้รับบทเล็ก ๆ เป็นนักแสดงเลียนแบบเอลวิส ในหนังเรื่อง Honeymoon in Vegas อีกด้วย
.
เส้นทางชีวิตของบรูโน ไม่ได้ง่ายดายและงดงามเหมือนรอยยิ้มที่เราได้เห็นกันบนใบหน้าเขาอย่างทุกวันนี้ บรูโนมีชีวิตในวัยเด็กที่ค่อนข้างลำบาก พ่อกับแม่ของเขาหย่ากันตั้งแต่อายุ 12 เขาอยู่กับพ่อและมีชีวิตที่ค่อนข้างอัตคัดเพราะฐานะและรายได้ของพ่อเขาที่มีไม่มากนัก แต่บรูโนเองก็ยังไม่ละทิ้งความรักที่เขามีต่อดนตรี ด้วยฐานะที่ค่อนข้างยากจน บรูโนจึงไม่มีเงินไปเรียนดนตรีแบบเด็กคนอื่น ๆ เขาจึงเรียนรู้การเล่นดนตรีด้วยตัวเอง จนสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่าง เช่น เปียโน กลอง กีต้าร์ เบส เพอร์คัชชัน
.
พอจบไฮสคูลที่ฮาวาย บรูโนตัดสินใจบินไปที่แอลเอด้วยความหวังจะที่เป็นศิลปินและได้ออกอัลบั้มเป็นของตัวเอง โดยตอนนั้นเขาคิดเพียงแค่ว่า ถ้าเขาไปถึงแอลเอ เขาเพียงไปพบโปรดิวเซอร์มือทองสักคนแล้วร้องเพลงให้เขาฟัง แค่นั้นเขาก็จะได้ออกอัลบั้ม บรูโนเคยให้สัมภาษณ์กับ Rollingstone ไว้ว่า
.
“ตอนนั้นผมเด็กมาก ผมคิดแค่ว่า ผมต้องไปฮอลลีวูด ไปร้องเพลงให้ใครสักคนฟัง แค่นั้นผมก็จะได้เล่นที่แมดิสันสแควร์ การ์เดนแล้ว”
.
แต่ชีวิตการเป็นศิลปินมันไม่ได้ง่ายแบบที่บรูโนน้อยคิดไว้ หลังจากที่เขามาฮอลลีวูดเขาเคยเซ็นสัญญากับค่ายโมทาวน์ (Motown records) และ เวสต์ไซด์ อินเดเพนเดน (Westside independent) แต่ก็ไม่ได้ออกอัลบั้ม บรูโนต้องตั้งวงเป็นของตัวเองและเล่นเพลงคัฟเวอร์ของศิลปินคนอื่น ๆ และตระเวนเล่นดนตรีทั่วแอลเอ เพื่อเลี้ยงปากท้องตัวเอง การที่เขาได้มีโอกาสเข้าไปเซ็นสัญญาที่โมทาวน์ และ เวสต์ไซด์ อินเดเพนเดน นั้นไมได้สูญเปล่า มันทำให้เขาได้เริ่มรู้จักกับกลุ่มโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงในฮอลลีวูดมากขึ้น และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บรูโนได้มีโอกาสเขียนเพลงให้ศิลปินดัง ๆ มากมายเช่น Long Distance ที่ร้องโดย Brandy และเพลงฮิตอย่าง Fuck You ที่ร้องโดย Cee Lo Green
.
ตอนบรูโนย้ายมาอยู่ที่แอลเอ และเลี้ยงชีวิตของตัวเองด้วยการร้องเพลงคัฟเวอร์ของศิลปินต่าง ๆ พร้อม ๆ ไปกับการพยายามหาทางออกอัลบั้ม เขาเคยเล่าว่า บริเวณที่เขาอาศัยอยู่ มักจะมีคนจรจัดมาถ่ายอุจจาระไว้ที่กลางถนนตรงลานจอดรถ “มันบ้ามากเลยที่มีคนทำแบบนั้น และไม่มีคนมาเก็บกวาดทำความสะอาดมันด้วย (กลิ่น)นั่นเป็นเครื่องย้ำเตือนผมทุกเช้าที่ผมตื่น ว่าผมกำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน” นั่นเป็นอีกหนึ่งประโยคที่บรูโนเคยเล่าไว้ว่าเขาเคยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ก่อนที่จะเป็น บรูโน มาร์ส อย่างทุกวันนี้
.
ปี 2010 บรูโนได้ปล่อยเพลงแรกของเขาต่อสาธารณชนสักที นั่นคือเพลง Nothin’ on you เป็นเพลงที่เขาไปฟีเจอร์ริงกับศิลปินฮิปฮอปชาวอเมริกัน อย่าง B.o.B. และตามมาติด ๆ กัน เพลงที่สองที่บรูโนได้มีโอกาสไปร้องฟีเจอร์ริงให้กับศิลปินแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง Travie McCoy(ทราวี แมคคอย)คือ เพลง Billionaire ทั้งสองเพลงนี้บรูโนได้ร่วมเขียน ร่วมโปรดิวซ์แถมเรียกได้ว่าได้ร้องเป็นเมนหลักของทั้งสองเพลง ด้วยเนื้อหาของเพลงที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมา เมโลดี้ที่จำง่าย ฮุคเป็นฮุค ทุกคนร้องตามได้ บวกกับเสียงร้องของบรูโนที่เป็นเอกลักษณ์น่าฟัง ทั้งสองเพลงนี้ดังเป็นพลุแตก มียอดวิวเป็นหลายร้อยล้านวิวบนยูทูบ แถมยังส่งให้ชื่อของบรูโน มาร์สปรากฎอยู่บนบิลบอร์ดชาร์ตของทั้งฝั่งอเมริกาและอังกฤษในปีเดียวกันนั้นเอง
.
ฉากหน้าของคำสำเร็จ แน่นอนว่ามันไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบใด ๆ บรูโนเคยเล่าถึงเรื่องแรงบันดาลใจของเขาตอนแต่งเพลง Billionaire ว่าตอนแต่งเพลงนี้บรูโนอยู่ที่ลอนดอน และกำลังเดินไปแลกเงิน โดยบรูโนยื่นเงิน 500 ดอลลาร์ ให้พนักงานและพนักงานยื่นเงินกลับมาให้บรูโนเป็นเงิน 200 ปอนด์ บรูโนเคยให้สัมภาษ์ไว้ว่า ตอนนั้นเขางงมาก ทำไมยื่นเงิน 500 ไปกลับได้แค่ 200 กลับมา ทุกอย่างที่อังกฤษดูแพงไปหมดสำหรับเขา ตอนนั้นชีวิตของบรูโนมีแต่ความกังวลไปหมดทุกเรื่อง ทุกอย่างที่เขาซื้อล้วนแล้วแต่ต้องคิดทบทวนให้ดีก่อนว่าจำเป็นต้องใช้หรือต้องซื้อจริง ๆ เขาถึงจะซื้อมัน
.
“ผมไม่มีแม้แต่เงินจะกินข้าวเช้า ผมต้องรอจนถึงเที่ยงผมถึงจะเริ่มกินมื้อแรกของวันได้... ผมคิดนะ ถ้าผมเป็นเศรษฐี แบบรวยเป็นพันล้าน ผมจะกินซีเรียลที่ทำจากเพชรมันซะเลย” และนั่นเป็นแรงบันดาลใจให้บรูโน มาร์สเขียนท่อนที่ร้องว่า
.
I wanna be a billionaire so fuckin’ bad. Buy all of things I never had. (ฉันโคตรอยากเป็นเศรษฐีมาก ๆ ฉันจะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันไม่เคยมี)
.
ดูเหมือนว่าในวันนี้ ทุก ๆ อย่างมันเป็นไปแบบที่เขาฝัน ตอนนี้เขาไม่ต้องร้องเพลงคัฟเวอร์ของคนอื่นอีกต่อไป แต่เขามีเพลงดังมากมาย เช่น Just the Way You Are, Grenade, Uptown Funk, Versace on the Floor, 24k Magic, The Lazy Song และ That’s What I Like เขาได้ออกอัลบั้มของตัวเองถึง 3 อัลบั้มและทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก และในปี 2015 บรูโนได้ซื้อบ้านราคา 6.5 ล้านดอลลาร์ในแอลเอ ในย่านที่ดาราฮอลลีวูดหลายคนอยู่ เช่น จอร์จ คลูนีย์ นี่น่าจะเรียกได้ว่าชีวิตของเขาเป็นไปตามเนื้อเพลงที่เขาเขียนคือ “เขาได้ซื้อของทุกอย่างที่เขาไม่เคยมี”
.
นอกจากเรื่องเงินทองแล้ว บรูโนก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในอาชีพนักร้อง นักแต่งเพลงของเขา ในระยะเวลา 10 ปีที่เขาอยู่ในวงการเพลง เขากวาดไปถึง 10 American Music Awards, 7 Billboard Awards, 11 Grammy Awards และอีก 3 Brit Awards (และยังมีรางวัลอื่น ๆ อีกเป็นร้อยรางวัล) และในปี 2014 เขาได้ขึ้นโชว์พักครึ่งระหว่างเกมส์ Super Bowl โชว์ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหลักไมล์อาชีพที่ศิลปินอเมริกันใฝ่ฝันจะไปให้ถึง
.
นอกจากจะรวยเป็นร้อยล้านแล้ว ในเพลง Billionaire บรูโน่เคยเขียนไว้อีกว่า ถ้าเขารวยเขาอยากจะขึ้นปกนิตยสาร Forbes แบบตอนที่นิตยสารนี้วางขายบนแผง จะมีหน้าเขายิ้มอยู่บนบนปก Forbes ถัดจากนิตยสารข้าง ๆ ที่เป็นรูป ควีน(เอลิซาเบ็ธที่ 2) และ โอปราห์ วินฟรีย์ (Operah Winfrey) และถึงแม้ว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ขึ้นปก Forbes แต่นิตยสาร Forbes ก็เคยไปสัมภาษณ์เขาและเขียนถึงเขาหลายรอบ จนกระทั่งปี 2017 นิตยสาร Forbes ออกฉบับพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปี ได้ทำหน้าพิเศษขึ้นมาโดยออกแบบให้เหมือนปก และมีหน้าบรูโน มาร์ส อยู่บนนั้น โดย Forbes เคยเปิดเผยว่า “เพื่อทำให้ความฝันของบรูโน มาร์สเป็นจริง”
.
ใครจะไปรู้ว่าเพลงที่บรูโน มาร์สเขียนให้ตัวเองในวันนั้น มันเป็นเหมือนการลิขิตอนาคตตัวเอง เพราะทุกวันนี้เขาได้ทุกอย่างตามที่ตัวเขาเขียนไว้ในเพลง Billionaire และก็เป็นเพลง Billionaire นี่เองที่ทำให้เขาได้ทุกอย่างที่เขาเขียนเอาไว้ในวันนั้น
.
.
เรื่อง: มณีเนตร วรชนะนันท์
.
.
#Brainfood #Culture #BrunoMars #Billionaire #Repost