เคยถามตัวเองกันไหม... ว่าทำงานไปเพื่ออะไร?
#บอกเล่ากราฟฟิก
ขอฟันธงได้เลยเลยว่า 70-80% หรืออาจจะคิดเป็น 90% ด้วยซ้ำไม่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ และดูเหมือนว่าเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวไม่ได้ผิดเพี้ยนไปเลยแม้แต่น้อย
บางคนอาจจะมีตอบที่ตายตัวอยู่แล้วนั่นคือ "เงิน" ปัจจัยหลักที่ไม่ว่าใครก็หนีเรื่องนี้ไม่ได้ แม้แต่ตัวฉันเองก็ต้องดิ้นรนทำงานเพื่อแลกมาด้วยเงินเดือนเช่นกัน
ก่อนจะไปพูดลงลึกกันถึงเรื่องต่อไปขอแสดงความยินดีกับ 20-30% ที่เหลือด้วย ที่ชีวิตเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะนอกจากจะได้ทำงานที่ตัวเองชอบแล้ว ความสุขในชีวิตก็คงจะเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
คนกลุ่มนี้แม้ว่าจะเจออุปสรรคในหน้าที่การงานขนาดไหน หรือไม่ว่าเงินเดือนจะสวนทางกับรายจ่ายในแต่ละเดือน แต่เขาเหล่านั้นก็คงจะยิ้มสู้กับมันได้อยู่ดี
ลองตัดภาพไปที่กลุ่มคนในจำพวกแรกสิ หากว่าเงินเดือนก็น้อย แถมยังต้องทนทำงานที่ตัวเองไม่ถนัดอีก คนเหล่านั้นคงทนทำงานได้ไม่นานก็คงจะหางานใหม่และรีบหาในสิ่งที่ตัวเองถนัดทำจริงๆ
แต่.. ชีวิตมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเสมอไป ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเหมือนกลุ่มคนที่สอง หรือต่อให้ได้งานที่ชอบแล้วก็ใช่ว่าจะแฮปปี้กับงานซะเมื่อไหร่ ทั้งหมดที่พูดมานั้นเกิดขึ้นจริงกับคนทุกประเภททั้งนั้น
ก่อนอื่นลองมาถามตัวเองดูก่อนสิว่า คุณคาดหวังอะไรกับงานที่ทำอยู่บ้าง?
หลายคนอาจจะลิสต์ออกมาได้เป็นสิบๆ ข้อ บางคนก็อาจจะมี 2-3 ข้อ แตกต่างกันไป เพราะอย่าลืมว่า เป้าหมายของชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งเป้าหมายของบางคนอาจจะยิ่งใหญ่มากถึงขั้นหารายได้จากงานประจำให้ได้ 1ล้านแรกภายใน 1ปี นั่นก็ย่อมไม่ผิดถ้าจะมีคนคิดวาดฝันในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเอาไว้
ลองมาดูกันถึงเป้าหมายหลักๆ ของการทำงานที่เป็นหัวข้อใหญ่ๆ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องนึกถึงเรื่องเหล่านี้เป็นอันดับแรก เช่น...
****เงินเดือน แน่นอนว่าเรื่องเงินเป็นเรื่องที่ทุกคนมองเป็นอันดับแรก แต่ทว่าในหัวข้อนี้ก็ต้องดูองค์ประกอบโดยรวมไปถึงเรื่องสวัสดิการที่ในแต่ละองค์กรมีให้
ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดประจำปี ประกันภัยหรือประกันอุบัติเหตุ หากเป็นในส่วนของพนักงานขาย เงินเดือนแยกกับเงินค่าเดินทางหรือเปล่า
มีค่าโอทีไหมหากต้องทำงานเกินเวลาที่กำหนด รวมไปตลอดจนวันลาพักร้อนและสวัสดิการอื่นๆ นอกเหนือ ในที่นี้ต้องดูไปที่ตัวองค์กรนั้นๆ ด้วย
***สังคมในองค์กรตลอดจนการเดินทาง ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจะไปที่ไหนสักที่ เราย่อมต้องมีสังคมให้พบปะพูดคุยบ้างเป็นธรรมดา การมีเพื่อนร่วมงานที่ดี หัวหน้าที่ดี ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง
นอกจากจะทำให้เรามีความสุขกับการทำงานแล้วนั้น ยังจะสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นส่วนตัวหรือเสนอไอเดียใหม่ๆ ได้ตามต้องการ
ส่วนเรื่องของการเดินทาง 90% คนส่วนใหญ่จะเลือกหางานที่เดินทางสะดวก ยิ่งสามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS หรือจะเป็น MRT ก็ตาม นั่นจะสามารถประเมินเวลาของการเดินทางและค่าใช้จ่ายได้คร่าวๆ ในแต่ละวัน
หากเราต้องไปฝ่าฟันอุปสรรคจากการเดินทางเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง แม้ฐานเงินเดือนจะสูง แต่ทว่าหากต้องเดินทางไปกลับแบบนี้ตลอดทั้งปี ไม่นานก็คงจะหาวิธีประหยัดเวลา
หรือตัดจบปัญหาด้วยการมาหาที่พักอยู่ใกล้ๆ กับที่ทำงานก็เป็นได้ เป็นต้น
**การเติบโตของสายงานและประสบการณ์จากในองค์กร สถานที่ทำงานแห่งแรกของทุกคนที่เลือกรับงานมานั้นย่อมมาจากการอยากเริ่มหาประสบการณ์ใหม่ๆ ประสบการณ์จากสายงานที่เลือก
หรือไม่แม้แต่การเข้ามาเพื่อพัฒนาทักษะสกิลของตัวเองให้ดีขึ้น และนั่นมันจึงโยงไปถึงเรื่องการอัพฐานเงินเดือนและตำแหน่งด้วย
การที่ได้ประสบการณ์ที่ดีติดตัวไปย่อมสามารถไปต่อยอดได้เยอะ หรืออาจจะแตกแขนงแยกย่อยไปได้หลายสายงานด้วยเช่นกัน
*สุดท้ายและท้ายสุดคือตัวคุณนั่นแหละ เมื่ออ่านมาจนถึงตอนนี้หลายๆ คนก็คงจะตอบตัวเองได้แล้วว่าตัวเองอยากที่จะทำงานไปเพื่ออะไรเป็นอันดับแรกๆ และหลายๆ คนก็คงยังคงถามตัวเองอยู่ด้วยคำถามแบบเดิมซ้ำๆ ว่าเราทำงานไปเพื่ออะไร?
แน่นอนว่า หากคำตอบของคุณคือ "เพื่อเงิน" เพียงอย่างเดียว สองข้อที่เหลือคุณจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวอะไรได้เลย เพราะนั่นหมายความว่า สมองคุณได้ปิดตายทักษะหรือการที่จะพัฒนาตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่จะสื่อเลยก็คือ การทำงานย่อมมาจาก Passion และ Passion ก็มีผลโดยตรงกับทั้งตัวเราและงานที่จะทำ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงต่อกันเป็นทอดๆ หาตัวเองและความต้องการตของตัวเราให้พบ
ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าคุณทำงานไปเพื่ออะไร หรือว่าที่จริงแล้วคุณแค่อยากจะใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ ได้เงินมาก็ใช้ มีหนี้ก็จ่าย อยากได้อะไรก็ซื้อ ไม่มีก็อด ชีวิตวนลูปแบบเดิมซ้ำๆ
ถ้ากำลังเป็นแบบนี้อยู่ ลองคิดใหม่ทำใหม่ ปรับ Mindset ตัวเองด่วน
แล้วลองถามตัวเองอีกครั้ง ว่าคุณทำงานไปเพื่ออะไร?
#บอกเล่ากราฟฟิก
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
