24 มี.ค. 2021 เวลา 03:00 • หนังสือ
นำทีมผ่านวิกฤติ พลิกชีวิตด้วยหลักคิด 10 ข้อ จากหนังสือ The Energy Bus
ครั้งหนึ่งในชีวิตคนเรามักต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ ทั้งในเรื่องงาน เรื่องครอบครัว การเงินหรืออื่นๆ จนบางครั้งคุณอาจรู้สึกเหมือนตกอยู่ในหลุมลึกและไม่รู้จะออกมาได้อย่างไร
.
มันจะดีไหมถ้าอยู่ดีๆ ในวันที่แสนธรรมดา ระหว่างนั่งรถประจำทางไปทำงาน อยู่ดีๆคนขับรถก็บอกคุณถึงหลัก 10 ข้อที่สำคัญที่ทำให้คุณเดินต่อไปได้ ทั้งในเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว
.
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนังสือขายดีที่มีชื่อว่า The energy bus
.
หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายเปรียบเทียบที่เล่าถึง จอร์จ ชายผู้ที่ดูจากภายนอกแล้วมีทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งภรรยาที่น่ารัก ลูกสองคนและหน้าที่การงานที่ดีเป็นหัวหน้าทีมในบริษัททำหลอดไฟ
แต่ภายในลึกๆแล้วจอร์จกำลังสิ้นหวัง ชีวิตครอบครัว และการทำงานกำลังแย่ และพลังหมด ชีวิตถูกทับถมด้วยความคาดหวังที่เกินความเป็นจริงทั้งในส่วนของงานและชีวิตครอบครัว
ขอขอบคุณภาพหนังสือ The Energy Bus จาก amazon.com
.
วันหนึ่งเขาพบว่ารถของเขายางแบน และกำลังจะไปประชุมสาย ซ้ำร้ายยังทะเลาะกับภรรยา เขารู้สึกแย่มากๆ
แต่เรื่องก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาตัดสินใจขึ้นรถประจำทางคันหนึ่งเพื่อไปทำงาน..
คนขับรถบัสมองเขาด้วยรอยยิ้มตั้งแต่ที่เขาขึ้นมาบนรถและยังยื่นมือเข้ามาช่วย ด้วยการให้คำแนะนำ 10 ข้อที่เป็นประโยชน์กับจอร์จมาก ลองฟังคำแนะนำเหล่านี้และเรื่องราวการนำไปประยุกต์ใช้ของจอร์จดู ผมเชื่อว่านี่คงเป็นประโยชน์กับคุณไม่มากก็น้อย
.
1. เราต้องควบคุมชีวิตของเราให้ได้เหมือนคนขับรถบัส
อย่าใช้ชีวิตแบบ passive ตามสถานการณ์ในชีวิตไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตไปวันๆ ทำงานไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ลองมองดูว่าเราอยากเป็นอะไร อยากใช้ชีวิตแบบไหน แล้วเราจะไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร
แต่การที่จะรู้ทิศทางที่จะเดินต่อไปได้ต้องลองดูกฎข้อสอง
.
2. ทัศนคติและโฟกัสจะทำให้เราขับรถบัสของเราไปในทิศทางที่เราต้องการได้
ลองเขียนมุมมองและทัศนคติในชีวิตออกมาดูเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ทั้งในเรื่องชีวิตส่วนตัวและการงาน
ลองใช้เวลาสัก 5-10 นาทีจินตนาการถึงภาพความสำเร็จให้ชัดๆ เหมือนที่นักกีฬาทำ mental rehearsal คือจินตนาการถึงชัยชนะทุกวันก่อนลงแข่งจริง
.
3. พลังบวกคือเชื้อเพลิงของรถบัส
Events + Perception = Outcome
เราเลือกที่จะมองสิ่งที่เกิดขึ้นในมุมดีได้ แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดนั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี เช่น ถ้าเราจำเป็นต้องทำงานเยอะ ก็ให้นึกดีใจว่ามีงานให้ทำ
.
.
4. บอกทุกคนเกี่ยวกับทัศนคติของคุณและลองชวนเขามาร่วมด้วย
ยิ่งมีคนร่วมทางมาช่วยเสริมพลังบวกมาก ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดี
ลอง share vision ของเราให้คนอื่นดู และ vision ของเรานั้นต้องมีพลังมากพอที่จะดึงดูดคนมาร่วมทางด้วยได้
.
5. Save พลังงานของเราไว้ให้ดี อย่าเสียไปกับคนที่เขาไม่อยากขึ้นรถบัสของเรา หรือ ไม่พร้อมจะขึ้น
Gallup poll บอกกับเราว่ามีคนกว่า 22 ล้านคนในอเมริกาที่มีความคิดลบและทัศนคติแย่ๆต่องานที่ทำ ซึ่งทัศนคติลบของคนเหล่านี้คิดเป็นมูลค่าประสิทธิผลการทำงานที่สูญเสียไปถึง 3 พันล้านเหรียญต่อปี
การรายล้อมตัวเองด้วยคนแบบนั้นมีแต่จะทำให้เราถดถอยและเกิดความสงสัยในตัวเอง
.
6. เอาเจ้าแวมไพร์ออกไปจากรถ
ในกรณีที่คนลบๆขึ้นมาบนรถเราแล้ว เราก็ต้องลองคุยกับเขา ถ้าเขาไม่ยอมเปลี่ยนก็ต้องปล่อยเขาลงจากรถไป แต่ถ้าปล่อยไปไม่ได้จริงๆ เช่น เขาเป็นหัวหน้าเรา เราก็ต้องเปลี่ยนมาเพิ่มพลังบวกให้ตัวเองมากขึ้นไปอีกเพื่อหักล้างกันแทน
.
7. ความกระตือรือร้นจะส่งต่อออกไปและทำให้มีคนมาขึ้นรถบัสเพิ่มอีกและยังเป็นแรงกระตุ้นคอยขับเคลื่อนคนอื่นๆ บนรถ
เคยเห็นเพื่อนที่คลั่งไคล้วงดนตรี หรืออะไรมากๆไหม เวลาที่เขามีความกระตือรือร้นในเรื่องนั้นๆ และเล่าเรื่องเกี่ยวกับสิ่งนั้นอย่างมีประกายให้เราฟัง บางทีเราจะรู้สึกอินไปด้วย
นั่นแหละคือสิ่งที่แผ่ออกมาจากความกระตือรือร้น
คำว่า enthusiasm มาจากคำว่า entheos ในภาษากรีก แปลว่า ได้รับแรงบันดาลใจ หรือ เต็มไปด้วยพระเจ้า
คนขับรถบัสถึงขนาดบอกว่าคำว่า CEO นั้นแท้จริงแล้วย่อมาจาก CHIEF ENERGY OFFICER
.
.
8. รักผู้โดยสารทุกคน
ด้วยการให้เวลาและการตระหนักถึงการมีอยู่ของพวกเขาและความสำคัญของงานที่เขาทำ คนเป็นผู้นำต้องรู้จักฟังให้ดี และให้ความสำคัญกับคนในทีมทุกคน อย่ามองเขาเป็นแค่ฟันเฟืองชิ้นเล็กๆที่เหมือนๆกันในเครื่องจักร
วิธีให้ความสำคัญที่ง่ายที่สุดคือ การเขียนการ์ดวันเกิดให้แต่ละคนด้วยตัวเอง ไม่ใช้ข้อความอัตโนมัติ
.
9. ให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่ใหญ่กว่า เพราะสิ่งนั้นจะช่วยขับเคลื่อนตัวเราได้เป็นอย่างดี
เช่น ภารโรงของ NASA ที่ตอบคำถามของประธานาธิบดีจอห์นสันไปว่าทำไมเขาถึงเป็นภารโรงที่ดูมีความสุขกับงานและเป็นภารโรงที่ดีที่สุด เพราะเขามองว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหน้าที่แค่ทำความสะอาด แต่มีหน้าที่ในการช่วยส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์
จอร์จเองเมื่อรู้อย่างนั้นก็ไปบอกลูกทีมว่า พวกเขาไม่ใช่แค่พนักงานบริษัทผลิตหลอดไฟแต่เป็นคนส่องสว่างหนังสือเล่มแรกให้เด็กๆได้อ่าน
.
10. ต้องทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความสนุกสนาน และไม่เครียด
ผู้โดยสารคนหนึ่งเล่าให้จอร์จฟังถึงเรื่องราวของทีมวิศวกรสองทีม ทั้งสองมีเป้าหมายในการผลิตเครื่องบินดีไซน์ใหม่ แต่ทีมแรกได้รับคำสั่งว่าพวกเขาจะต้องดีไซน์เครื่องบินที่ดีที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็นมา ส่วนทีมที่สองได้รับคำสั่งว่าแค่ดีไซน์ส่วนประกอบต่างๆขึ้นมาให้เป็นเครื่องบินลำใหม่และไม่ต้องคิดเรื่องภารกิจเบื้องหลังโปรเจคนี้
ผลออกมาอย่างที่คาดคือ ทีมแรกทำได้ดีกว่ามาก
.
.
เพราะพลังบวกเป็นมากกว่าการเดินไปพร้อมกับรอยยิ้ม มันคือการมองโลกในแง่ดีอย่างแท้จริง และเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตที่มีความเชื่อ มีความรัก มีแพชชั่น มีความกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งต่างๆ มันจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต
ลองนำเรื่องราวของจอร์จและกฎ 10 ข้อนี้ไปประยุกต์ใช้ ผมเชื่อว่าคุณจะผ่านปัญหาต่างๆ ไปได้ และสามารถนำชีวิตอุดมสุขของคุณกลับคืนมาได้ในที่สุด
.
“If you have positive energy you will always attract positive outcomes.”
- Steve Backley -
.
จุ้ย-ศรีแก้ว
โฆษณา