Podcast..รายการหนึ่งถ้วยกาแฟ..ยิงอีกแล้วที่USA
🥵🥵โศกนาฏกรรมล่าสุดนี้นับเป็นเหตุกราดยิงครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ในรอบสัปดาห์ หลังจากเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 64มีชายผิวขาวบุกไปกราดยิงสปาและร้านนวดในเมืองแอตแลนตาและพื้นที่ใกล้เคียง จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย โดยเหยื่อ 6 รายเป็นผู้หญิงเอเชีย
🥵🥵และเมื่อวันที่22 มี.ค.64 เวลา 15.00 น..ที่เมืองโบลเดอร์ โคฌรลาโด แมริส เฮโรลด์ ผู้บัญชาการตำรวจเมืองโบลเดอร์ ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 10 ศพจากเหตุโจมตีร้าน King Soopers รวมถึง อีริค แทลลีย์ นายตำรวจวัย 51 ปี ซึ่งเป็นคนแรกที่เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดเพียงแค่ราวๆ 2 ไมล์
😍😍ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้สงสัยซึ่งเป็นชายคนหนึ่งที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ แต่อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส
😍😍คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ผ่านสื่อโทรทัศน์เผยให้เห็นชายซึ่งมีหนวดเครา สวมกางเกงบ็อกเซอร์ และไม่สวมเสื้อ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่กุญแจมือและนำตัวไปขึ้นรถพยาบาล โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้ถูกนำตัวมาในสภาพขากะเผลกและมีเลือดไหลโทรม
😍😍ชายคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ KCNC-TV ว่า เขาและภรรยากำลังเดินซื้อของอยู่ในร้าน King Soopers และได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 ครั้ง จึงวิ่งหนีออกไปทางประตูขนของด้านหลังร้านพร้อมกับลูกค้าคนอื่นๆ
😍😍เขาเล่าว่าเสียงปืนดูเหมือนจะดังมาจากทางจุดเช็กเอาต์บริเวณหน้าร้าน
😍😍คลิปวิดีโอซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งนำมาโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เผยให้เห็นร่างผู้เสียชีวิต 2 ศพอยู่ตรงลานจอดรถ ก่อนที่คนถือกล้องจะเดินเข้าไปด้านในร้าน และเห็นอีก 1 ศพนอนอยู่ ระหว่างนั้นได้มีเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด
😍😍ตำรวจยังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลว่าคนร้ายใช้อาวุธชนิดใดในการก่อเหตุ แต่หนังสือพิมพ์เดอะเดนเวอร์โพสต์รายงานว่า ผู้ที่โทร.แจ้ง 911 บรรยายชนิดของปืนว่าเป็น “ปืนไรเฟิลลาดตระเวน” (patrol rifle)
😍😍เจน ซากี เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว ทวีตข้อความว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุกราดยิงครั้งนี้แล้ว
😍😍เมื่อเดือน ก.พ. 2564 ไบเดนเพิ่งจะเรียกร้องให้สภาคองเกรสพิจารณาปฏิรูปแก้ไขกฎหมายอาวุธปืน “โดยใช้สามัญสำนึก”
😍😍😍😍😍😍
😍😍ชายคนหนึ่งก่อเหตุฉี่ใส่ผู้หญิงชาวเอเชียบนขบวนรถไฟใต้ดินที่กำลังมุ่งหน้าสู่เขตควีนส์ของรัฐนิวยอร์ก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการเปิดเผยของตำรวจในวันจันทร์ ที่22 มี.ค.64 เหตุการณ์อันน่าสะอิดสะเอียนที่เกิดขึ้นท่ามกลางความรุนแรงต่อต้านคนเอเชียที่เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐฯ
😍😍พฤติกรรมอันน่าสะอิดสะเอียดนี้เกิดขึ้นตอน 13.30 น.ของวันเสาร์ ที่20 มี.ค.64 ตามเวลาท้องถิ่น โดยชายคนหนึ่งจู่ๆ ก็ควักอวัยวะเพศออกมาบนขบวนรถไฟ จากนั้นก็เริ่มปลดทุกข์ตนเอง
😍😍ตำรวจเล่าว่า ผู้หญิงในวัย 20 ปีเศษๆ อยู่ในอาการหวาดกลัวและย้ายที่นั่ง แต่ชายคนดังกล่าวหันไปหาเธอ แล้วเริ่มฉี่ใส่ที่นั่งบนขบวนรถไฟที่อยู่ติดกับเธอ ส่งผลให้ฉี่กระเด็นใส่ฝ่ายหญิง
😍😍หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวันที่22 มี.ค64 ว่า ตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดอังกฤษกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ผู้ต้องหาถูกจับในข้อหาทำร้ายร่างกายอย่างหนักต่อเหยื่อที่เป็นหญิงสาววัยราว 20 ปีและอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ได้ 28 สัปดาห์ที่แฮริงเกย์(Haringey)และในเวลานี้ได้อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจลอนดอนตะวันออกแล้ว”
😍😍หลังเกิดเหตุพบว่าเหยื่อซึ่งเป็นหญิงสาวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งนี้เธอถูกทำร้ายเมื่อเวลา 18.30 น.ของวันพฤหัสบดีที่17มี.ค.64 ที่ผ่านมาบนถนนแมเนอร์(Manor) ในสแตมฟอร์ด ฮิลล์ (Stamford Hill) ซึ่งเป็นพื้นที่ของชุมชนยิวออร์โธด็อกซ์
😍😍ซึ่งสกอตแลนด์ยาร์ดกล่าวว่า การสอบสวนที่กำลังดำเนินการอยู่จะสันนิษฐานแรงจูงใจก่อเหตุ และในชั้นนี้เชื่อว่าการก่อเหตุไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อื่น
😍😍กล้องภาพวงจรปิดที่จับภาพไว้ได้ที่ได้ถูกแชร์โดยกลุ่มรักษาความปลอดภัยชุมชนโชมริม (Shomrim)แสดงให้เห็นถึง คนร้ายในชุดสีเข็มสวมเสื้อแจ็กเกตที่เข็นรถเข็นชอปปิ้งส่วนตัวส่วนอีกมือหนึ่งถือปลอกหมอนไว้สะกดรอยตามเหยื่อมาอย่างเงียบๆก่อนที่ทิ้งรถเข็นไว้ข้างกำแพงก่อนที่จะโฉบเข้าหาเหยื่อซึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์จากทางด้านหลัง
😍😍คนร้ายได้ใช้ปลอกหมอนที่เตรียมไว้คลุมเข้าที่ศรีษะของเหยื่อเพื่อกันไม่ให้เห็นหน้าก่อนลงมือต่อยไปที่ท้องของหญิงตั้งครรภอย่างไม่ยั้งและหลบหนีอย่างขี้ขลาดไปอย่างรวดเร็ว พื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลตั้งอยู่ในที่ลับตาคน โดยกล้องวงจรปิดริมทางแสดงให้เห็นว่าคนร้ายหลังออกจากประตูมาได้วิ่งสุดฝีเท้าไปพร้อมกับรถเข็น
😍😍โชมริมซึ่งในภายหลังได้ลบคลิปภาพวงจรปิดออกไปกล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “หญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ของเธอปลอดภัยจากเหตุถูกทำร้ายอย่างป่าเถื่อนที่ได้มีการใช้ปลอกหมอนคลุมศรีษะก่อนลงมือทำร้ายด้วยการชกไปที่ชกไปที่ท้องของเธอจำนวนไม่กี่ครั้ง”
😍😍ประธานกลุ่มโชมริมกล่าวถึงเหยื่อหญิงสาวว่าเธอมีความรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
References
รอยเตอร์
เดอะการ์เดียน
นิวยอร์คโพสต์