24 มี.ค. 2021 เวลา 09:02 • กีฬา
เจาะดีล "หลุยส์ ซัวเรซ" นักเตะเกรดเอ ที่บาร์ซ่าปล่อยให้คู่แข่งแย่งแชมป์แบบฟรีๆ คำถามคือพวกเขาคิดอะไรอยู่?
2
ดีลที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในลาลีกา ประจำฤดูกาลนี้ คือการที่บาร์เซโลน่าปล่อยหลุยส์ ซัวเรซ ให้กับคู่แข่งแย่งแชมป์ แอตเลติโก้ มาดริด
ซัวเรซ ยิงประตูกระจุยให้แอตเลติโก้ ณ เวลานี้ ยิงไป 19 ลูก จากการลงเล่น 25 นัด เป็นรองดาวซัลโวของลีก และช่วยให้แอตเลติโก้ นำเป็นจ่าฝูง อยู่เหนือบาร์ซ่า 4 แต้ม
ว่ากันว่า ถ้าแอตเลติโก้ได้แชมป์ลีกในตอนจบล่ะก็ ต้องขอบคุณสามคำนับให้บาร์ซ่าที่ปล่อยหัวหอกเพชฌฆาตระดับนี้ให้ คือจำนวนประตูที่ซัวเรซยิงได้ในลาลีกา มากกว่าประตูที่อองตวน กรีซมันน์, มาร์ติน เบรธเวท, อันซู ฟาติ และ อุสมาน เดมเบเล่ 4 คนยิงได้รวมกันเสียอีก
2
คำถามที่น่าสนใจคือ บาร์ซ่าคิดอะไรอยู่ ทำไมกล้าปล่อยหลุยส์ ซัวเรซออกไปจากทีม พวกเขาคิดจริงๆหรือ ว่านักเตะระดับซัวเรซหมดสภาพแล้ว?
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไป หลังจากบาร์เซโลน่า แพ้บาเยิร์น มิวนิค 8-2 ในแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลที่แล้ว
กีเก้ เซเตียนโดนไล่ออก ก่อนที่สโมสรจะแต่งตั้งโค้ชคนใหม่คือโรนัลด์ คูมัน โดยนอกจากโค้ชใหม่แล้ว ผู้บริหารบาร์ซ่าอยากจะเปลี่ยนทีมยกเซ็ตเลย พร้อมโละนักเตะชุดเดิมๆ ออกไปจำนวนมาก แล้วดันดาวรุ่งพรสวรรค์เจเนเรชั่นใหม่ขึ้นมาแทนที่
เนลสัน เซเมโด้, อาร์ตูโร่ วิดัล และ อีวาน ราคิติช โดนปล่อยออกไปทีละคน จนมาถึงอีกหนึ่งคีย์แมนสำคัญของทีม นั่นคือหลุยส์ ซัวเรซ นี่เป็นชอยส์ที่สโมสรต้องคิดหนัก ว่าควรจะปล่อยไปดีหรือไม่
4
ตลอด 6 ปีของซัวเรซกับบาร์ซ่า เขายิงได้ 147 ลูกในลาลีกา คือจะดีจะร้าย ซัวเรซไม่เคยยิงในลีกได้ต่ำกว่าปีละ 15 ลูก นั่นแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอมาก
2
อีกทั้งซัวเรซเป็นนักเตะที่แฟนๆชอบ เขามีคนติดตามในอินสตาแกรมมากถึง 40 ล้านคน ดังนั้นการจะปล่อยตัวทิ้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่
1
แต่ปัญหาคือ บาร์เซโลน่ามองว่าซัวเรซอยู่ในช่วงขาลงของอาชีพแล้ว อีกไม่กี่เดือนเขาจะอายุ 34 ปี ซึ่งสำหรับกองหน้า น้อยคนนักที่จะยังเล่นดีตอนอายุ 34 ปี
3
นอกจากนั้น ซัวเรซ มีอาการเจ็บบ่อย หัวเข่าเริ่มแสดงอาการเจ็บออดๆ แอดๆ ความเร็วน้อยลงกว่าเดิม ถ้าแนวรุกใช้เมสซี่ กับซัวเรซเล่นด้วยกัน อายุสองคนรวมกันก็เกือบ 70 ปี ซึ่งสโมสรมองว่า ไหนๆก็จะเปลี่ยนโค้ชแล้ว ทำไมไม่โละซัวเรซไปด้วยเลยล่ะ
2
ยิ่งค่าเหนื่อยของซัวเรซ รับสูงสุดอันดับ 2 ของสโมสร เป็นรองแค่เมสซี่คนเดียว การปล่อยออกไป ก็ช่วยลดเพดานค่าเหนื่อยได้อีก มองมุมไหนก็เห็นแต่ประโยชน์
1
โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว แจ้งคูมันว่าสโมสรตัดสินใจแบบนี้ และให้คูมันเป็นคนโทรแจ้งซัวเรซ โดยคูมันคุยกับซัวเรซไม่ถึง 1 นาที คุยฉับๆ เข้าประเด็นทันที โดยยืนยันว่าสโมสรอยากให้ซัวเรซย้ายไปหาทีมใหม่
เมื่อได้ฟังดังนั้น ซัวเรซไม่ขอคำอธิบายใดๆ แต่ตอบกลับไปคำเดียวว่า ถ้าอยากให้ย้าย ก็กรุณาจัดการเรื่องสัญญาให้เรียบร้อยด้วย
สัญญาของซัวเรซกับบาร์ซ่า ยังเหลือร่วมกันอีก 1 ปี แต่ซัวเรซขอสโมสรว่า เขายินดีจะย้ายไป ถ้าหากสโมสร "ไม่คิดค่าตัว" ของเขากับทีมอื่น คือซัวเรซรู้ดีว่า ในวิกฤติโควิดแบบนี้ สโมสรไหนๆ ก็คงไม่อยากควักเงินซื้อนักเตะทั้งนั้น และถ้าหากสโมสรประหยัดเรื่องค่าตัวไปได้ ก็จะได้เอามาโปะเพิ่มให้เขาในส่วนของค่าเหนื่อยแทน
2
ด้วยความที่บาร์ซ่าก็อยากปล่อยซัวเรซเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงตอบตกลง โดยระบุว่า ยินดีจะปล่อยซัวเรซแบบฟรี แต่มีเงื่อนไขนิดเดียว นั่นคือจะมีลิสต์บางสโมสร ที่ไม่อนุญาตให้ย้ายแบบฟรีได้ ซึ่งประกอบไปด้วย เรอัล มาดริด, แมนฯ ซิตี้ และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมงเป็นต้น
ในลิสต์ของบาร์ซ่า ที่ระบุชื่อทีมที่ห้ามเซ็นฟรี ในลิสต์นั้นไม่มียูเวนตุส ทำให้ยูเว่เดินเกมรุกทันที และแสดงเจตจำนงว่าพร้อมรับซัวเรซไปอยู่ด้วย ขณะที่ค่าเหนื่อย ก็พร้อมจ่ายให้ซัวเรซสูงถึง 10 ล้านยูโรต่อปี คือน้อยกว่าที่ซัวเรซได้รับที่บาร์ซ่าเล็กน้อย (13 ล้านยูโร ต่อปี) แต่ก็ถือว่าเป็นระดับที่รับได้
4
ยูเว่ เป็นทีมใหญ่ที่ลุ้นแชมป์ทุกปี นอกจากนั้นพวกเขามีประสบการณ์ในการใช้งานนักเตะอายุเยอะๆ อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้คริสเตียโน่ โรนัลโด้อายุ 33 ปี หรือ อันเดรีย ปิร์โล่ตอนย้ายจากมิลาน ก็อายุ 32 ปี ยูเว่ก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหา ดังนั้นกับซัวเรซ ที่อายุ 33 ย่าง 34 ก็น่าจะใช้งานได้ดีเช่นกัน
2
ในมุมของยูเว่ ตอนนั้นพวกเขาปล่อยกอนซาโล่ อิกวาอินไปเล่นที่เมเจอร์ลีกแล้ว ดังนั้นตามแผน คือการคว้าซัวเรซมาแบบฟรีๆ นี่แหละ จ่ายแค่ค่าเหนื่อยเท่านั้น นับว่าเป็นอะไรที่คุ้มอยู่
3
ยูเว่ กับซัวเรซ ตกลงทุกอย่างกันได้แล้ว แต่ปัญหาเดียวคือในกฎของกัลโช่ เซเรียอา แต่ละทีมจะเซ็นนักเตะ Non-Eu Player ได้แค่ซีซั่นละ 2 คนเท่านั้น ซึ่งยูเว่ใช้โควต้าไปแล้ว คือเซ็นอาร์ตูร์ เมโล่ (บราซิล) และ เวสตัน แม็คเคนนี่ (สหรัฐฯ) ทำให้วิธีเดียวที่ซัวเรซที่เป็นชาวอุรุกวัย จะได้ย้ายมายูเว่ เขาต้องถือพาสปอร์ตของ EU เท่านั้น
2
โชคดีที่ โซเฟีย บัลบี้ ภรรยาของซัวเรซ มีเชื้อสายอิตาเลียนอยู่ นั่นทำให้ซัวเรซได้สิทธิ์ขอสัญชาติอิตาลีได้เป็นกรณีพิเศษ โดยกฎหมายระบุว่า ถ้าซัวเรซ สอบผ่านภาษาอิตาเลียนเบื้องต้นระดับ B1 ก็จะได้รับสัญชาติ
3
ซัวเรซเข้ารับการสอบ แต่ดันมีพิรุธ ข้อสอบ 2 ชั่วโมง แต่ใช้เวลาแค่ 20 นาทีในการทำข้อสอบ นั่นทำให้โดนแฉว่าเขารู้โพยมาล่วงหน้า และทำการโกงข้อสอบ เมื่อโดนแฉขนาดนั้น ชาวเน็ตก็ด่ายูเว่ว่า จะซื้อคนโกงแบบนี้มาจริงหรือ? ซึ่งยูเว่เองต้านทานกระแสสังคมไม่ไหว ต้องประกาศถอนตัวจากการซื้อขายในที่สุด
2
เมื่อยูเว่ถอนตัว คราวนี้ปัญหาที่น่าจะลงตัว ก็ติดขัดจนได้ เพราะบาร์เซโลน่าต้องกลับมาตัดสินใจอีกครั้งว่า หรือจะเก็บซัวเรซไว้อีก 1 ปีก่อน แล้วค่อยปล่อยฟรี หลังซัมเมอร์ปี 2021
1
ซัวเรซแจ้งกับสโมสรว่า ขอเขาอยู่ต่อจนหมดสัญญาได้หรือไม่ จะได้อำลาทีมอย่างสวยๆ ได้มีพิธีเลี้ยงส่ง เหมือนอิเนียสต้า เหมือนชาบี เพราะยังไงเขาก็เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลอันดับ 3 ของสโมสร ว่ากันตรงๆก็คู่ควรกับการได้รับเกียรตินี้ โดยซัวเรซยืนยันว่า จะให้เขารับบทตัวสำรองใน 1 ปีที่เหลือก็ได้ เขาจะไม่ทำตัวมีปัญหาแน่นอน
4
แต่บาร์เซโลน่าตัดสินใจแล้วว่า ยังไงก็ต้องปล่อยซัวเรซให้ได้ เพราะไม่ใช่แค่จะลดค่าเหนื่อยเท่านั้น โดยสื่อสเปนวิเคราะห์ว่าผู้บริหารต้องการลดอำนาจของลีโอเนล เมสซี่ที่มีในสโมสร เนื่องจากซัวเรซ ซึ่งสนิทสนมกับเมสซี่ที่สุด มีพาวเวอร์อย่างมากในห้องแต่งตัว ถ้ากำจัดซัวเรซไปได้ ก็เหมือนตัดแขนตัดขาเมสซี่ไปได้
"ผมคิดว่าสโมสรต้องการกำจัดผม เพราะรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของผมกับลีโอ ผมคิดว่าสโมสรไม่อยากให้เราอยู่เคียงข้างกัน" ซัวเรซเล่า "และสิ่งที่ทำให้ผมเสียใจที่สุด คือสโมสรบอกว่าผมแก่เกินไปแล้ว และเล่นระดับสูงไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะยิ่งถ้าเจอกับทีมใหญ่ พวกเขาไม่เชื่อว่าผมจะเล่นได้ ผมจริงๆผมเข้าใจนะถ้าสโมสรต้องการความเปลี่ยนแปลง แต่ผมก็คิดว่าตัวเอง ควรได้รับการเคารพมากกว่านั้นหรือเปล่า"
4
ชอยส์ของซัวเรซตอนนี้เหลือไม่มากนัก ถ้าเขาอยากได้เงินเยอะเท่าเดิมก็ต้องย้ายไปลีกจีน หรือไม่ก็อาจไปจบการค้าแข้งที่ลีกบ้านเกิด ซึ่งทั้ง 2 ชอยส์ เป็นอะไรที่เขาไม่ต้องการเลย แต่จะอยู่ต่อ ฝั่งบาร์ซ่าก็ไม่เอาอีก
ระหว่างที่ซัวเรซกำลังปวดเฮดอยู่นั้น ก็มีข้อเสนอจากสโมสรใหญ่ ที่ยื่นเข้ามาให้พิจารณาอย่างได้จังหวะพอดี สโมสรนั้นคือแอตเลติโก้ มาดริด
เมื่อยูเวนตุส คว้าตัวซัวเรซไม่ได้แล้ว พวกเขาเลยต้องหาซื้อกองหน้าคนใหม่แทน และตัดสินใจติดต่อไปที่แอตเลติโก้ เพื่อดึงตัวอัลบาโร่ โมราต้า ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วมาอยู่ด้วยอีกครั้ง
1
ยูเว่ ให้ข้อเสนอยืมตัว 1 ปี ค่ายืม 10 ล้านยูโร และมีอ็อปชั่นซื้อขาด 45 ล้านยูโร นั่นทำให้แอตเลติโก้ มาดริด ที่ไม่ค่อยพอใจความคมในการจบสกอร์ของโมราต้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พร้อมปล่อยออกไปโดยไม่คิดมาก
คราวนี้เมื่อกองหน้าหายไป 1 คน ทำให้แอตเลติโก้ มาดริดเหลืองบประมาณที่จะดึงตัวหัวหอกตัวท็อปเข้ามาเสริมทัพ 1 คน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ จึงกระโดดเข้าร่วมวง ในการไล่ล่าซัวเรซด้วยอีกคน
ปัญหาของแอตเลติโก้นั้น ในรอบ 5-6 ปีหลังสุด พวกเขาเป็นทีมเกมรับอันดับ 1 ของลีกก็จริง แต่จุดอ่อนคือเกมรุกที่ยิงได้น้อยมาก แต่ละซีซั่นยิงได้ราวๆ 50-60 ลูกเท่านั้น ตรงข้ามกับ เรอัล มาดริด กับบาร์เซโลน่าที่ยิงกันไปเกือบร้อย ดังนั้น ถ้าจะถามว่าทำไมแอตเลติโก้ ไปไม่ถึงแชมป์ลีก คำตอบก็ชัดเจนคือกองหน้าตัวเป้า ยังผลิตประตูได้น้อยเกินไป
1
ซิเมโอเน่ เป็นโค้ชที่ชื่นชอบซัวเรซมานานแล้ว ครั้งหนึ่งเขาเคยออกปากชมซัวเรซว่า "อัจฉริยะ มหัศจรรย์ แข็งแรง เล่นได้อย่างก้าวร้าว และเล่นดีเสมอในจังหวะสำคัญ นี่คือกองหน้าเบอร์ 9 ที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะนึกออก" ดังนั้นเมื่อมีโอกาสที่จะได้ตัวซัวเรซมาอยู่กับทีม เขาไม่ยอมพลาดโอกาสแน่นอน
2
แอตเลติโก้ พร้อมจ่ายค่าเหนื่อยราว 9 ล้านยูโรต่อปี ซึ่งซัวเรซโอเค ได้น้อยลงหน่อย แต่ยังได้เล่นในลีกคุณภาพสูงสุด ได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกต่อ แถมไม่ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอะไรมากด้วย ไม่ต้องเรียนภาษาใหม่ แค่ย้ายเมืองเท่านั้น นี่เป็นอ็อปชั่นดีที่สุดที่เขาจะหาได้แล้ว
4
"การโดนปฏิบัติราวกับขับไล่จากบาร์เซโลน่าทำให้ผมรู้สึกแย่ ดังนั้นตอนที่แอตเลติโก้ ติดต่อเข้ามา ผมไม่มีอะไรต้องลังเลใจเลย" ซัวเรซกล่าว
1
ทุกอย่างลงตัวหมด และดูเหมือนจะตกลงกันได้ง่ายๆ เพราะตามที่บาร์ซ่าเคยสัญญาไว้ คือจะยอมปล่อยซัวเรซแบบฟรี ถ้าสโมสรนั้นไม่อยู่ในลิสต์ต้องห้าม และแอตเลติโก้ มาดริด ก็ไม่ได้มีชื่ออยู่ในลิสต์ด้วยตอนแรก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ดีลจะลุล่วง โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสรได้ยับยั้งการซื้อขายเอาไว้ และประกาศว่าจะไม่ยอมให้ซัวเรซย้ายไปแบบฟรีๆ
2
บาร์โตเมวอธิบายว่า ในปี 2013 บาร์ซ่าเคยพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง นั่นคือปล่อยดาบิด บีญ่าให้กับ แอตเลติโก้ ซึ่งปรากฏว่า บีญ่ายิงประตูรัวๆ จนทำให้แอตเลติโก้ แย่งแชมป์ลาลีกาจากบาร์ซ่าไปได้เฉยเลย แถมยังช่วยแอตเลติโก้ อัดบาร์ซ่าตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกอีกต่างหาก
ดังนั้น ถ้าปล่อยซัวเรซแบบทีมไม่ได้อะไรเลย ทีมอาจเสียค่าโง่แบบตอนบีญ่าได้ นั่นทำให้บาร์โตเมว จึงเพิ่มชื่อแอตเลติโก้ไปใน "ลิสต์ต้องห้าม" อีกทีม เป็นการตัดสินใจที่กะทันหันมาก ซึ่งแน่นอนว่า ทำให้แผนของแอตเลติโก้สะดุดมาก คือต้องมานั่งคิดอีก ว่าถ้าต้องจ่ายค่าตัวด้วย ยังจะเอาซัวเรซอยู่ไหม
ซัวเรซเองก็ผิดหวัง เขาจะกลับตัวก็ไม่ได้ จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึง อยู่บาร์ซ่าต่อก็ไม่ได้ ส่วนแอตเลติโก้ ถ้าต้องจ่ายเงินก็อาจจะเปลี่ยนใจไม่เอาก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเขาอาจจะเหลือตัวเลือกแค่ลีกจีน หรือไม่กลับบ้านเกิดไปเลยแค่นั้น
1
ถึงจุดนี้ แอตเลติโก้ ก็ต้องชั่งใจว่าซัวเรซสำคัญกับแผนในการทำทีมแค่ไหน จะยอมจ่ายเงินให้บาร์ซ่าไหม เพราะอย่าลืมว่าสโมสรก็ยังต้องจ่ายค่าเหนื่อยแพงๆให้ซัวเรซด้วยนะ
หรืออีกวิธีคือตัดใจจากซัวเรซไปเลย แล้วไปเซ็นตัวอื่นที่ค่าเหนื่อยถูกๆแทน ซึ่งสุดท้าย อันเดรีย บาตร้า ผู้อำนวยการกีฬา และ ซิเมโอเน่ ก็ตัดสินใจได้ว่า "เอา" ดังนั้นจึงยอมจ่ายเงินให้บาร์ซ่า 6 ล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวเลขที่บาร์ซ่าต้องการ
3
เคสนี้ทำให้ซัวเรซ แค้นผู้บริหารของทีมมาก ที่คำพูดไม่เป็นคำพูด เกือบจะทำให้เขาพลาดย้ายไปแอตเลติโก้ แต่ถ้ามองในมุมของบาร์ซ่า ที่ทำธุรกิจนั้นพวกเขาจะยอมเสียกองหน้าดีๆไปเป็นหอกข้างแคร่ฟรีๆได้ไง ยังไงก็ต้องขอเงินสักก้อนก็ยังดี
2
สุดท้ายการย้ายทีมจึงลุล่วงในที่สุด ซัวเรซกลายเป็นสมาชิกใหม่ของแอตเลติโก้ มาดริด ส่วนฝั่งบาร์ซ่าเองก็ได้ปล่อยนักเตะค่าเหนื่อยแพงสมใจ ดูแล้วจะเป็น win-win situation อยู่เหมือนกัน
1
แต่จุดที่ซัวเรซยอมรับว่าผิดหวัง คือการแยกทางกันแบบไม่ค่อยให้เกียรติ ดูทิ้งๆขว้างๆ คืออย่างน้อยเขาก็ทำแชมป์ให้กับทีมได้มากมาย ดังนั้นจึงคาดหวังการอำลากันที่สวยกว่านี้
หลังการย้ายเสร็จสิ้น ลีโอเนล เมสซี่ โพสต์ข้อความว่า "นายสมควรได้รับการอำลาที่เหมาะสมมากกว่านี้ หนึ่งในนักเตะที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร นี่คือคนที่ช่วยทีมชนะมากมาย และผลงานส่วนตัวก็ยอดเยี่ยม นายไม่ควรโดนขว้างทิ้งแบบนี้ แต่ความจริงคือกับสโมสรแห่งนี้ ไม่มีอะไรจะทำให้ฉันประหลาดใจได้อีกแล้วล่ะ"
4
บทสรุปของเรื่องนี้ ก็เข้าใจในมุมของบาร์ซ่าเหมือนกัน พวกเขาอาจคิดว่าซัวเรซอยู่ต่อไป อาจมีผลเสียมากกว่าผลดี นักเตะที่อายุ 34 แล้ว น้อยคนที่จะเล่นได้สุดยอดเหมือนเดิม ดังนั้นสู้เอาสล็อตของซัวเรซไปให้นักเตะคนอื่นยังจะดีกว่า ก็เลยต้องตัดใจโละ
แต่ในมุมของซัวเรซ เขาก็คิดว่า เฮ้ย ตัวเองก็ไม่ได้ฟอร์มดร็อปขนาดนั้น ยังไงก็ยิงได้ปีละ 20 ลูกอยู่แล้ว เขาคิดว่าตัวเองเล่นได้สบายๆ แต่พอโดนขับไล่แบบนั้น มันก็ทำให้รู้สึกเสียศักดิ์ศรีเหมือนกัน ยิ่งกลายเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากจะทำผลงานให้ดีที่สุดกับแอตเลติโก้ เพื่อตบหน้าคนที่เฉดหัวเขาออกจากทีม
1
ถามว่าใครตัดสินใจถูก ก็น่าคิดดี เพราะถ้าหากแอตเลติโก้ มาดริดได้แชมป์ ก็ชัดเจนว่าบาร์ซ่าคิดผิด ที่ส่งอาวุธให้คู่แข่งเอามาทำร้ายตัวเอง แต่ถ้าสุดท้ายบาร์ซ่าแซงแอตเลติโก้ได้แชมป์ ก็อาจพูดได้เหมือนกันว่า การปล่อยซัวเรซทิ้ง คือการตัดสินใจที่ดีที่สุด เพราะถ้าเก็บซัวเรซไว้ก็อาจไม่ได้แชมป์แบบนี้ก็ได้
3
ดังนั้น คำถามว่า บาร์เซโลน่าขายซัวเรซให้แอตเลติโก้ มาดริด เป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิด ผลลัพธ์ตอนท้ายฤดูกาลเท่านั้น ที่จะเป็นคำตอบ
#SUAREZ
โฆษณา