เพื่อนๆเคยได้ยิน สุภาษิตที่ว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว กันมั้ยครับ ผมมองว่าสุภาษิตนี้ เป็นสุภาษิตที่สอนคนได้ดีมากสามารถใช้ได้กับทุกคนเลย ซึ่งความหมายของสุภาษิตนี้ คือ จิตใจของเรา เป็นสิ่งสำคัญที่เราใช้ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน จิตใจของเราเป็นตัวออกคำสั่งให้ร่างกายทำสิ่งต่างๆ
หากจิตใจเราดี ร่างกายเราก็ดีตามไปด้วย หากจิตใจเข้มแข็ง ร่างกายก็เข้มแข็ง หากจิตใจเรามีคุณธรรม จิตใจก็จะสั่งให้ร่างกายทำในสิ่งที่ดีได้ หากเรามีสุขภาพจิตที่ดี ร่างกายเราก็จะทำในสิ่งที่ควรทำและเป็นประโยชน์ต่อชีวิต ดังนั้นจึงพูดได้เลยว่า หากเรามีสุขภาพจิตเราดี ชีวิตเราก็จะดีตามไปด้วย
ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้มนุษย์มีสุขภาพจิตที่แตกต่างกันออกไป หลักๆมีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อ ได้แก่
1.พันธุกรรมและสารเคมีในสมอง
2. สิ่งแวดล้อมและปฎิสัมพันธ์ทางสังคม ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้เปลี่ยนแปลงและควบคุมได้ยาก ดังนั้นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ดีและง่ายที่สุด คือ
3. นิสัย หากเรามีนิสัยในการพัฒนาสุขภาพจิตไปในทางที่ดีทุกวัน ชีวิตเราก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน
แล้วเราจะสร้างนิสัยสุขภาพจิตที่ดีเพื่อร่างกายและชีวิตที่ดีได้อย่างไร วันนี้ผมมีคำแนะนำดีดีมาเล่าสู่กันฟังครับ
5 นิสัยพัฒนาสุขภาพจิต เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
สังเกตจิตใจของเราเองเมื่อเกิดอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ
ให้สังเกตและรู้เท่าทันในอารมณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้ง อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือการควบคุมของจิตใจ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อชีวิตอย่างมาก ทั้งชีวิตของเราเองและผู้อื่นด้วย เพราะจะทำให้เราเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด เช่น การโมโหอย่างรุนแรง การใช้กำลังอย่างไร้เหตุผล เป็นต้น
ฝึกสังเกตความเป็นไปของร่างกายอยู่เสมอเมื่อเกิดอารมณ์หรือความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะ มีความสุข เศร้า โดดเดี่ยว หรือโมโห ให้เราหยุดชะงักตัวเอง และรับรู้ถึงความเป็นไปของร่างกายในขณะนั้น และให้คิดอยู่กับตัวเอง จะทำให้เรามีสติและรับรู้ตัวเองตลอดเวลาทำให้ไม่อยู่ภายใต้ของอารมณ์หรือความรู้สึก หรือเรียกว่าจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวนั่งเองครับ
เมตตากับตัวเอง
คนส่วนใหญ่มักจะเมตตากับผู้อื่นมากกว่าตนเองอยู่เสมอ และเมื่อเกิดความผิดพลาดมักจะโทษตัวเองมากกว่าความเป็นจริงอยู่บ่อยครั้ง และมักจะเอาความผิดพลาดมาเป็นชีวิตของตัวเอง เข้มงวดกับตัวเองเกินไป และใช้ชีวิตแบบคนที่รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่
สิ่งที่เราควรทำคือเมตตากับตนเองบ้าง ลดความเข้มงวดกับตัวเองลงบ้าง ให้มองดูความจริงเป็นหลัก อย่าปรุงแต่งและใส่ร้ายตนเองให้เลวร้ายกว่าความเป็นจริง หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาจริงๆ คนที่เราควรจะเมตตาและให้อภัยมากที่สุดคือตัวเราเอง
หากต้องการไถ่โทษ เราก็สามารถทำได้ คือ ไถ่โทษตัวเองด้วยการเก็บความผิดลาดนั้นเป็นบทเรียนและพยายามที่จะไม่ทำผิดพลาดอีก เช่นนี้จะทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองและเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่นี่ขึ้น
ยึดมั่นในความเชื่อของตัวเองและให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ
ในข้อนี้ผมขอยกตัวอย่างงความเจ็บปวดทางกายและความเจ็บปวดทางใจเพื่อจะได้เข้าใจง่ายขึ้นนะครับ
ความเจ็บปวดทางกาย เมื่อร่างกายเกิดความเจ็บปวด เราก็จะรับรู้ว่าเป็นอันตรายทันที และเกิดการป้องกันตัวเองในทันที เช่น เมื่อเผลอเอามือไปโดนกาน้ำร้อน เราก็จะดึงมือกลับทันที เนื่องจากร่างกายเห็นว่า กาน้ำร้อนก่อให้เกิดความเจ็บปวดและก่อให้เกิดอันตราย จึงเกิดการป้องกันตัวเองทันทีโดยการดึงมือกลับ
ความเจ็บปวดทางใจหรือความเจ็บปวดทางอารมณ์ เมื่อจิตใจเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี เราจะรู้สึกไปเองว่ามันเป็นอันตราย ทั้งที่จริงแล้วมันไม่เป็นอันตรายในทันที จนกว่าเราไปยุ่งกับมัน ทำให้มันฟุ้งซ่านยิ่งกว่าเดิม เช่น เรารู้สึกไม่ดีกับตัวเองเพราะไม่สามารถลดน้ำหนักได้ทั้งๆที่พยายามอย่างหนัก ความรุ้สึกทางอารมณ์ยังกไม่ก่อให้เกิดอันตรายในทันที แต่หากเราไปย้ำคิดและปรุงแต่งมันให้ฟุ้งซ่านกว่าเดิม แบบนี้เราจะรู้สึกแย่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้จิตใจย่ำแย่และส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย
ยึดมั่นในความเชื่อของตนเองว่า เราสามารถผ่านมันไปได้ เราสามารถแก้ไขมันได้ เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง และให้เวลาพามันไป และให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ แทนการย้ำคิดซึ่งจะทำให้สุขภาพจิตใจแย่ลง
ระบายความรู้สึกและอารมณ์
บางอย่างเมื่อแบกรับไว้ไม่ไหว ก็ควรปล่อยออกมา ไว้ว่าจะเป็นน้ำตาที่เรามักจะเก็บเอาไว้เพราะกลัวคนอื่นหาว่าไม่เข้มแข็ง แต่แท้จริงแล้ว น้ำตาคือการที่เราระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ ทำให้เรารู้สึกเบาลง ได้ระบายเหมือนเริ่มใหม่ และเราจะเข้มแข็งขึ้น หรือคำพูดที่เราจะระบายให้คนที่ไว้ใจฟัง จะทำให้เราลดความอึดอัดลงได้
สุขภาพจิตที่ดีจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี แต่สุขภาพกายก็สำคัญ เพราะ จิตใจที่มั่นคงจะอยู่ในร่างกายที่เข้มแข็ง อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตเลยครับ
วันนี้ผมมีรูปท้องฟ้ามาฝากด้วยนะครับ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ
- 16
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
