25 มี.ค. 2021 เวลา 01:07 • บันเทิง
รู้จัก Cancel Culture ดีจริงหรือบ่อนทำลาย
#พลอยเล่าเรื่อง
ถ้าชอบเรื่องราว ช่วยไลค์เพจกันด้วยนะคะ 👍
เราได้ยินชื่อ Cancel Culture หรือ Call-Out Culture ครั้งแรกตอนที่ Eminem ส่งตัวอย่างเพลงใหม่เพื่อตอบโต้คน Gen-Z ที่พยายามจะปฏิเสธการมีอยู่ของแร็พเปอร์ชื่อดัง วัฒนธรรมการคว่ำบาตรนั้นมีมาตั้งนานแล้ว แต่ยิ่งแพร่ระบาดมากขึ้นในยุคโซเชียล มีเดีย ปี 2020 ทวิตเตอร์ร้อนเป็นไฟ เมื่อมีการโต้เถียงกันเรื่องที่เจ.เค โรว์ลิง ออกมาแสดงความคิดไม่เป็นมิตรต่อกลุ่มคนข้ามเพศ และมีการพยายามแคนเซิลนักเขียนผู้ให้กำเนิดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ด้าน เลีย มิเชล อดีตนักแสดงจาก Glee ก็ถูกประณามว่าไม่เป็นมิตรกับเพื่อนนักแสดง ต่อด้วยแอลเลน เดเจเนเรส พิธีกรชื่อดังที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นคนใจดีแบบที่เห็นในรายการทอล์กโชว์ ตบท้ายด้วยข่าวว่าเธอเสียชีวิต
ไม่ใช่แค่กับคนดังเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกระแสคว่ำบาตร หนังการ์ตูนคลาสสิคของวอลต์ ดิสนีย์ก็โดนไปกับเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็น Dumbo, Peter Pan หรือ The Aristocats ที่ถูกกล่าวหาว่ามีภาพลักษณ์ของการเหยียดสีผิว Disney+ สตีมมิ่งน้องใหม่ของวงการต้องกำหนดอายุห้ามเด็กต่ำกว่า 7 ปีชม หนังสืออย่าง Dr.Seuss ก็โดนแบนเช่นกัน เมื่อพ่อแม่รุ่นมิลเลนเนี่ยมมองว่า ตัวละครมีพฤติกรรมที่น่ากังวลอยู่ในหนังสือ
แล้ว Cancel Culture คืออะไร พูดอย่างง่ายๆวัฒนธรรมแคนเซิลนั้น คือ กระแสของการคว่ำบาตร การยกเลิกสนับสนุนบุคคล แบรนด์ ภาพยนตร์ และทุกอย่าง ที่ปรากฏว่ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสม จริงๆเรื่องเหล่านี้ปรากฎมาตลอดในประวัติศาสตร์การมีอยู่ของมนุษยชาติ สังคมจะลงโทษคนที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับระบบของสังคมส่วนใหญ่อยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการลงโทษเท่านั้น
1
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทรนด์ทางโซเชียล มีเดีย ทำให้คนดัง, บริษัท และสื่อต่างตกอยู่ภายใต้การจับตามองแบบประชิดตัวมากขึ้น ทุกๆความเห็น ทุกๆคำพูดที่หลุปากออกไป กลายมาเป็นประเด็นดราม่าได้เสมอ ทั้งๆที่คนๆนั้นอาจจะไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงกับปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้น เช่น เรื่องแนวคิดทางการเมือง สีผิว ชนชั้น หรือเพศสภาพ แค่แสดงความคิดผิดฝั่ง ก็ถูกอีกฝ่ายแบนได้ง่ายๆ จนบางครั้งคนเหล่านั้นที่ถูกแคนเซิลก็เป็นเพียงแค่ผลของความเสียหายที่ไม่ได้ตั้งใจ
แต่ใช่ว่าวัฒนธรรมแคนเซิลจะชนะเสมอไป อย่างเช่นกรณีของ Eminem เมื่อคนรุ่น Gen-Z ที่เกิดตั้งแต่ปี 1997 -2012 นั้นพยายามบอกให้ทั้งโลกแบนหนึ่งนักร้องชื่อดังของยุค โดยต้นเหตุมาจาก Zoomer หรือสมาชิกของเจนแซดคนหนึ่งโพสคลิปลง TikTok บอกว่าเพลง Love the Way You Lie ที่มีริฮานน่ามาร้องคู่ด้วยของเอมิเนมในปี 2010 นั้นมีส่วนช่วยให้ผู้ชายใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง โดยระบุไปที่เนื้อเพลงท่อนที่ว่า “ ถ้าเธอพยายามจะทิ้งฉันไปอีก ฉันจะมัดเธอไว้กับเตียง และเผาบ้านทิ้ง”
เรียกว่างานนี้เอมมิเนมนั่งอยู่บ้านเฉยๆจู่ๆงานก็เข้าตัว แต่เขาก็ตอบโต้ด้วยการส่งเพลงใหม่ พร้อมโพสเนื้อเพลงลงในทวิตเตอร์ว่า “ผมจะไม่หยุดจนกว่าหัวจะหงอก เพราะว่าพวกเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะแคนเซิลผม” นอกจากนี้คนยุคมิลเลนเนี่ยมหรือ Gen-Y ก็พากันออกมาตบเท้าปกป้องเอมิเนมกันขนานใหญ่ บอกให้คน Gen-Z ไปดูเนื้อเพลงอื่นๆทั้งหมด
จิมมี่ ฟัลลอน พิธีกรรายการชื่อดังก็โดนไปกับเขาด้วยหลังจากมีภาพวีดีโอของเขาทาใบหน้าด้วยสีดำเพื่อเลียนแบน คริส ร็อค ดาราผิวดำ ซึ่งวีดีโอนี้เกิดขึ้นเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว และตอนนั้นฟัลลอนก็ต้องพยายามทำทุกทางเพื่อแจ้งเกิดในวงการ ฟัลลอนต้องออกมาขอโทษต่อสาธารณชนถึงสิ่งที่เขาทำนานมาแล้ว จะเห็นว่าทุกเรื่องกลายเป็นประเด็นดราม่าได้หมด ของเล่นอย่าง Mr.Potato Head ต้องออกมารีแบรนด์ใหม่เป็น Potato Head เพราะถูกมองว่าทำไมต้องระบุเพศ
Cancel Culture ทำให้เกิดสังคมของการไม่ให้อภัย พื้นที่ยืนของคนที่เห็นต่างกับสังคมส่วนใหญ่น้อยลงเรื่อยๆ ทุกคนบนโลกเคยทำผิดพลาด และทุกคนอยากได้รับการอภัย ที่แย่กว่านั้นคือการด่วนตัดสินคนอื่น และไม่พยายามแสดงหาความจริงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พวกมากลากไป เคยมีกรณีของพนักงานรักษาความปลอดภัยผิวดำของโรงเรียนมัธยมแห่งถึงถูกไล่ออกจากงาน เพราะโต้ตอบเด็กนักเรียนผิวดำที่มาเรียกเขาว่านิโกร เพียงแค่บอกกับเด็กคนนั้นว่า “อย่ามาเรียกผมว่านิโกร” ผลของการถูกไล่ออก เขาไม่สามารถเลี้ยงดูลูกทั้ง 4 คนได้ และเสียประกันสุขภาพไป ถึงแม้ว่าสุดท้ายความจริงจะปรากฏและเจ้าตัวได้งานเก่าคืนมา แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอะไรมากมาย
3
อีลอน มัสค์ โพสข้อความว่า “Cancel Cancel Culture” เพื่อบอกว่าเราต้องปฏิเสธวัฒนธรรมคว่ำบาตรได้แล้ว
ทุกวันนี้ทุกคนมีพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็นของตัวเองให้โลกได้รับรู้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสมือถือ วัฒนธรรมแคนเซิลถ้าใช้ให้ถูกต้องก็กลายเป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งสังคมก็กำลังรวมกันทำร้ายชีวิตของคนๆหนึ่งไปโดยไม่รู้ตัว ทางหนึ่ง Cancel Culture กลายเป็นระบบเซ็นต์เซอร์ของสังคม แต่อีกทางหนึ่งคือ การทนรับฟังความเห็นของคนอื่นไม่ได้ โจมตีฝ่ายตรงข้ามที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถูกจำกัดบทบาท สิทธิเสรีภาพของเรากำลังถูกลิดรอน ทั้งๆที่เรามีอิสระที่จะบอกความคิดให้โลกทั้งใบรู้
1
แล้วคุณล่ะ กำลังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมแคนเซิลหรือเปล่า
#พลอยเล่าเรื่อง #CancelCulture #สังคม #วัฒนธรรมแคนเซิล #แบน #คว่ำบาตร
โฆษณา