25 มี.ค. 2021 เวลา 03:05 • อาหาร
ดอกฟักทองชะลอแก่ ป้องกันโรคตาบอดกลางคืน
ภาพจากผผู้เขียน
ดอกฟักทอง ดอกไม้ที่กินได้ แถมอร่อย มากด้วยวิตามิน
ผมเชื่อว่าหลายคนเคยกิน และอีกหลาย ๆ คนไม่เคยกิน หรือ คิดว่า “เฮ้ย ! กินได้ด้วยเหรอ ? อีหยังว่ะ !
ผมก็คือหนึ่งในนั้น ที่คิดว่ากินไม่ได้ ถ้าเป็นยอดฟักทองจะไม่เถียงสักคำ
ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ชิมดอกฟักทอง ต้องย้อนกับไปในปี ค.ศ. 2019 เพราะผมปลูกฟักทองไว้กินยอด กินก้านใบอ่อน เนื่องจากใช้แกงส้ม ( แกงเหลือง) กับหัวปลาแทนสายบัวนั่นเองครับ
เมื่อผมผู้ชายหน้าตาดี ผู้ซึ่งมีฝีมือในการปลูกพืชผักให้งอกงาม บอกเลยครับฟักทองที่ปลูก แตกยอดเยอะมาก ใบใหญ่เท่าใบบัว ก้านใบอวบอ้วนเท่าสายบัว แถมออกดอกเหลืองอร่ามเต็มสวนหลังบ้าน
ตื่นเช้ามาเดินชมสวน โอ้โห่ ! เหลืองสมชื่อดอกฟักทอง ( บักอึ) แถมดอกตัวผู้ก็ใหญ่ดีจริง ทำให้หมู่แมลง รวมถึงผึ้งบิน หึ่ง หึ่ง หึ่ง ดังสนั่น ส่งเสียงกันทั้งวัน ตกใจเหมือนกันนึกว่าอยู่สวนผึ้ง ที่ไหนได้ สวนผมเองครับผม
ภาพสวนหลังบ้านผู้เขียน
เดินชมดอกไปคิดไป “ดอกเยอะแท้แม่คูณ ยอดก็กินแล้ว ก้านใบอ่อนก็แกงแล้ว เหลือดอกแล้วละทีนี้ แล้วมันกินได้มั้ยวะ”
ไม่รอช้าหาข้อมูลทันทีในมือถือ เข้า Google พิมพ์ว่า “ ดอกฟักทองกินได้ไหม”
OMG 😳 โอ้แม่เจ้าพระเจ้าช่วยขายกล้วยแขก
มีเมนูเยอะมาก ๆ เช่น ดอกฟักทองผัดน้ำมันหอย ดอกฟักทองยัดไส้หมูสับชุบแป้งทอด ดอกฟักทองผัดไข่ ฉู่ฉี่ดอกฟักทองมันกุ้ง และอีกหลากหลายเมนู
ก่อนอื่นเลยผมจะพาทุกคนมาดูลักษณะทั่วไปของดอกฟักทองกันก่อน
ดอกฟักทองจะเป็นดอกไม่สมบูรณ์เพศ อธิบายง่าย ๆ คือ จะมีดอกเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย แยกออกไปแต่ละดอก จะไม่มีดอกที่ผสมทั้งเพศผู้และเพศเมียในดอกเดียวกันครับ
ภาพจากผู้เขียน
การดูเพศจองดอกฟักทองก็ง่ายครับ
โดยสังเกตและแยกเพศของดอกฟักทองได้จาก การดูที่ก้านของดอกฟักทอง ดอกตัวผู้จะมีก้านดอกเล็กเรียว มีเแท่งเกสรแท่งเดียว
ภาพจากผผู้เขียน
ซึ่งแตกต่างจากดอกตัวเมียที่มีรังไข่ ทำให้ก้านของดอกมีขนาดใหญ่กว่า มีลักษณะบวม โปร่งออกมา หรือ สังเกตที่บริเวณเกสรก็ได้นะครับ เกสรเพศเมียจะมีแท่งเกสรหลายแท่งประกบกันอยู่
ภาพจากผู้เขียน
ตอนนี้เราก็รู้และแยกดอกฟักทองออกแล้วนะครับว่าเพศไหน
งั้นเรามาเก็บดอกฟักทองเพศผู้กันครับ เพราะมีเยอะกว่าเพศเมีย
วันนี้ผมจะพาไปทำเมนู “ดอกฟักทองสอดไส้หมูสับนึ่ง ซึ่งต้องจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด แหล่มเลย”
ภาพจากผู้เขียน
เวลาที่เหมาะสมที่จะเก็บดอกฟักทอง คือ ช่วงเช้านะครับ เพราะดอกจะแข่งกันบาน ส่วนช่วงบ่ายถึงเวลาหุบละ
เมื่อเก็บดอกใส่กะละมังเรียบร้อยแล้ว ได้จำนวนที่เราคิดว่ากินอิ่มแน่ เราก็มาทำการตัดแท่งเกสรตัวผู้ออกก่อนนะครับ ถ้าไม่ตัด รสชาติก็จะขมหน่อย เหมือนกินมะระขี้นก แต่ถ้าชอบรสขมก็ไม่ต้องตัดครับ แต่สำหรับผมขอตัดดีกว่า
ภาพจากผู้เขียน
เมื่อตัดแท่งเกสรเพศผู้ออกแล้ว ดอกจะมีลักษณะคล้ายกรวย เราก็เอาหมูสับที่เราหมักไว้เรียบร้อยแล้วยัดใส่ลงไปครับ
แล้วนำกลีบดอกห่อหุ้มหมูสับเอาไว้ จะใช้ไม้จิ้มฟัน ( ไม่ใช้ที) กลัดเอาไว้ก็ได้ หรือ ไม่กลัดก็ได้ เอาเป็นว่า ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้หมูสับหก
ภาพจากผู้เขียน
ผมคิดว่าหลายคนคงอยากถาม “ แล้วหมูสับหมักกับอะไรบ้าง ?” บอกตรง ๆ นะครับผมทำกับข้าวไม่เก่ง แต่พอถูไถบอกเครื่องหมักสไตล์ผมได้ครับ
สูตรหมักหมูสับสไตล์คนหล่อที่ทำอาหารไม่เก่ง แต่ปลูกผักเก่งมาก คือ
1.หมูสับติดมันหน่อย ๆ 500 กรัม
2.รากผักชี 3 ราก
3.กระเทียม 3-5 กลีบ
4.พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา หรือ 1 ช้อนโต๊ะ (แล้วแต่ชอบ)
5.น้ำมันงา 1 ช้อนชา
6.ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
7.รสดี 2 ช้อนโต๊ะ
รสชาตินี้ผมชอบ ส่วนท่านใดว่าไม่เข้มข้น เติมตามปริมาณที่ท่านชอบได้เลยครับ สูตรอาหารไม่ตายตัว ดัดแปลงไปตามความชอบ
(ไม่มีภาพประกอบนะครับ ลืมถ่าย อิอิ 😜)
มาเริ่มทำการหมักกันครับ โดยการเอาครกและสากมาตั้ง โดยใช้ผ้ารองที่ฐานครกไว้ด้วย กันเสียงดังสะเทือนทั้งบ้านเวลาตำ
เอารากผักชี กระเทียมใส่ครก ใช้สากในมือ ตำให้ละเอียด ตักใส่หมูสับที่เตรียมไว้ นำน้ำมันงา ซีอิ๊วขาว รสดี และพริกไทยป่น ใส่ไปพร้อมกันเลย
แล้วใช้มือของเราทั้ง 5 นิ้วที่ผ่านการล้างทำความสะอาดแล้ว ขยำคลุกเคล้าทั้งหมดให้เข้ากันดี จนเป็นเนื้อเดียวกัน นวด ๆ สัก 5นาที
(ส่วนท่านใดจะนวดทั้งวันเลย อันนี้ผมว่าไปร้านนวดเถอะครับ เพราะเมื่อย)
หลังจากนั้นผมก็นำหมูสับลงไปผัดในกระทะที่ตั้งไว้ร้อนพร้อมน้ำมันพืชนิดหน่อย ผัดให้หมูสุกไม่ต้องสุกมาก แล้วนำไปยัดใส่ดอกฟักทองที่เตรียมไว้จนหมูหมด
ภาพจากผู้เขียน
ทุกอย่างพร้อมเรียงใส่จานสวยงาม รออะไรละครับ นำหมอนึ่งที่เรียกว่า ซึ้งนึ่ง ตั้งไฟแรงในช่วง 3 นาทีแรก เพื่ออุ่นเครื่อง หลังจากนั้น นำดอกฟักทองที่สอดไส้หมูสับและห่อดอกแล้ว จัดเรียงในหม้อนึ่ง ลดไฟจากแรงมาที่ ไฟกลาง แล้วปิดฝา
หมั่นมาเช็คบ่อย ๆ นะครับ เพราะหมูเราสุกอยู่แล้ว เรานึ่งให้ดอกฟักทองสุดเท่านั้นเอง อย่านึ่งนานดอกจะเละไม่อร่อย
ระหว่างรอ ก็มาตำน้ำจิ้มซีฟู้ดต่อเลยครับ อันนี้ก็เป็นสูตรของผมอีกแล้ว เครื่องปรุงก็ไม่มีอะไรมาก
1.พริกขี้หนูสวน สีเขียว สีแดง 20 ดอก (ซื้อในตลาด ก็ยังเป็นพริกขี้หนูสวนนะครับ ผ่าม)
2.กระเทียม 🧄 3 กลีบ
3. น้ำมะขามเปียก 3-4 ช้อนโต๊ะ
4.มะนาว 1 ลูก
5.น้ำตาลมะพร้าว (ปริมาณตามชอบ)
6.น้ำปลา หรือ ซีอิ๊วขาว
7.ผงปรุงรส รสดี
8. ครกและสาก
ภาพจากผู้เขียน
ผมก็จะนำพริกขี้หนูสวนทั้งสีเขียวและสีแดง กระเทียม ใส่ลงไปในครก แล้วจับสากให้ถนัดมือโขลกด้วยแรงขนาดกลาง จนพริกและกระเทียมแหลกละเอียด แลดูเป็นเนื้อเดียวกัน
หันมาตักน้ำตาลมะพร้าวใส่ลงไป ตามด้วยน้ำมะขามเปียก เหยาะน้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว แล้วแต่ชอบตามลงไป โรยด้วยรสดี แล้วคนให้เข้ากัน ชิมรสชาติที่ชอบ ชอบเปรี้ยวนำ ก็บีบมะนาวเพิ่มลงไป รสชาติที่ผมชอบ คือ เผ็ด 🥵เปรี้ยว หวานเค็ม ได้รสชาติที่ถูกใจ ตักใส่ถ้วยรอดอกฟักทองและหมูสับสุก
ภาพน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ
เอะ ! เสียงอะไรดัง กุ๊กกั๊ก ๆ เหมือนอะไรกระทบกระเทือนกัน อ้าวเฮ้ย ! ฝาซึ้งนึ่งถูกไอน้ำดัน มันบอกว่า “ของข้างในสุกแล้วโว้ย ! กินได้”
ปิดแก๊สอย่ารอรี แล้วตักดอกฟักทองสอดไส้หมูสับนึ่งใส่จาน จัดให้สวยงาม เสริฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด เป็นอันเสร็จสิ้นเมนูนี้
ภาพตอนเสร็จสมบูรณ์ไม่มี เพราะเมนูนี้ กินเพลินจนลืมถ่ายรูป
เนื่องจากไม่คิดว่าจะมาเขียนเล่าให้ใครฟัง แค่นั่งกินก็ฟินจนลืมแล้วครับผม
ลองไปทำกินกันดูนะครับ ใครที่ได้กินดอกฟักทอง ผมบอกเลย นอกจากอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วย วิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ที่สูงเช่นเดียวกับยอด ยังช่วยบำรุงร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยในการชะลอแก่ ชะลอวัย ไม่พอ ยังช่วยบะรุงสายตา และป้องกันโรคตาบอดกลางคืนได้ดีมากด้วยครับผม
ไม่อยากแก่ก็ปลูกฟักทองไว้กินเอง กินได้ตั้งแต่ยอด ก้านใบอ่อน ดอก รวมถึงผลฟักทองด้วย คุ้มครับผม
ใครปลูกไม่เก่ง ปลูกอะไรก็ตาย ปรึกษาผมได้ เพราะผมคือ หนุ่มหล่อผู้เชี่ยวชาญเรื่องพืช
ผู้เขียน ✍️
Tiki Sydney ผู้หญิงที่ชอบแทนตัวเองว่า “ผม” สาวใต้สะตอพลัดถิ่นจากกระบี่สู่แดนจิงโจ้ ออสเตรเลีย 🇦🇺
ย้ายแผ่นดินอยู่ แต่การเป็นเกษตร ไม่เคยเปลี่ยนแปลง การชอบปลูกผักเอง ทำให้ต้องศึกษาเพิ่มเติม สุดท้ายได้เป็น
ตัวแทนจำหน่าย ทั่วโลก นิวทริแพลนท์ สารอาหารอินทรีย์ที่พืชต้องการ
สั่งเลย
ซื้อเลย
กดตรงนี้เลย
เฟสบุ๊คส่วนตัว: Angkana Da Fonseca Goncalves
หรือ ทางไลน์
ความบันเทิงคลายเครียดใน TikTok
โฆษณา