อย่างไรก็ตาม ท่าทีของบรรดาแบรนด์ต่างชาติไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรมากนัก
จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สหภาพยุโรป (EU), สหรัฐฯ, อังกฤษ และแคนาดา
ได้ออกมากำหนดมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน
ในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์ในซินเจียง
ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์
และมีการนำแถลงการณ์ของแบรนด์ต่าง ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ มาเผยแพร่ปลุกกระแสชาตินิยมในจีนให้ร้อนระอุ
หนึ่งในแบรนด์ที่โดนทัวร์ลงอย่างหนัก คือ H&M
ซึ่งออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อสถานการณ์อุยกูร์ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
จนถูกแบนจากทุกช่องทางของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน
ไม่ว่าจะเป็น Tmall, Taobao, JD.com และ Pinduoduo ขณะที่คนดังชาวจีนที่ร่วมงานกับทางแบรนด์ก็เตรียมจะฉีกสัญญาที่ทำกับแบรนด์ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม H&M ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ออกมาตอบโต้ว่า บริษัทไม่ได้ต้องการแสดงจุดยืนทางการเมืองใด ๆ
และ H&M ยังคงเคารพผู้บริโภคชาวจีนเหมือนอย่างเคย และมุ่งมั่นที่จะลงทุนและพัฒนาระยะยาวในประเทศจีน
เช่นเดียวกับ Nike, Adidas และ Uniqlo ก็กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ หลังออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนในทำนองเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า หวังอี้ป๋อ ถานซงอวิ้น ดารานักแสดงดาวรุ่งชื่อดัง
ออกมาประกาศยุติความร่วมมือทั้งหมดที่มีกับแบรนด์ Nike โดยให้มีผลทันที
ขณะที่ วิกตอเรีย ซ่ง นักร้องและนักแสดง จะยกเลิกสัญญากับทาง H&M
และคาดว่าจะมีดาราจีนอีกหลายคนที่ร่วมงานกับแบรนด์ต่างชาติออกมาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นกัน
ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับแบรนด์ Dolce & Gabbana
จากประเด็นโฆษณาการใช้ตะเกียบคีบอาหารอิตาลี
ที่ทางผู้ก่อตั้งยึดมั่นในอุดมการณ์ของตนเอง และใช้คำที่เปรียบเสมือนกับการดูถูกวัฒนธรรมของประเทศจีน
จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และส่งผลให้ “ยอดขายเกือบทั้งหมด” ในประเทศจีนหายไปอย่างรวดเร็ว