25 มี.ค. 2021 เวลา 13:06 • ท่องเที่ยว
เรื่องเล่าจากรถไฟ
ช่องว่างแต่ละคัน
ตลอด4 ปีที่ผมได้เรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตผมค่อนข้างผูกพันกับรถไฟเพราะมหาวิทยาลัยของผมใกล้สถานีรถไฟในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องเดินเป็นระยะแต่ไม่ไกลมาก ต้องข้ามสะพานลอยจนกว่าไปถึง ส่วนใหญ่ผมจะกลับบ้านเดือนละครั้ง ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านที่พิษณุโลกเป็นเวลาสองถึงสามวันและกลับกทม. รถไฟแต่ละชั้นมีความแตกต่างกันทั้งความรู้สึก บรรยากาศที่แตกต่างกัน รวมไปถึงคนที่ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันในแต่ล่ะครั้ง ในแต่ละการเดินผมใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง มีเพื่อนถามผมบ่อยมากว่าทำไมไม่เดินทางวิธีอื่นอยากเช่น รถทัวร์หรือเครื่องบิน ผมมั้งจะตอบเพื่อนว่า ในส่วนของรถทัวร์ผมค่อนข้างที่จะเมารถถึงขั้นสูงสุด แทบไม่อยู่นิ่งไม่ได้และสงสารคนที่นั่งข้างๆ ผมมาก ส่วนเครื่องบินแต่ล่ะการเดินทางค่อนข้างค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ถ้าไม่ใช่ช่วงโปรโมชั่นของสายการบิน
ชั้น3 สภาพของชั้น3นั้นจะเป็นชั้นที่เป็นชั้นมีที่นั่ง 4 ที่ ข้างละ2ที่นั่งเผชิญกันเราไม่สามารถรู้ไดเลยว่าใครจะมาน้่งใกล้เรา แต่ละขบวนของชั้น3 จะมีที่นั่งที่แตกต่างกันทั้ง เบาะนุ่นๆแบบยางหรือจะเป็นเบาะพลาสติกที่นั่ง ที่ผมไม่ชอบกับสิ่งนี้เลย ก้นปวดตลอดเวลาที่นั่งเบาะนี้ มีพัดลมและหน้าต่างที่ช่วยชีวิตเราในวันที่อากาศร้อนเหมือนนรก แต่บางครั้งผมก็แรงจนหัวเราแทบหลุด แต่ละคันก็จะมีห้องน้ำ 2ห้อง คนที่นั่งใกล้ห้องน้ำก็จะได้กลิ่นนิดหน่อย (หรืออาจมาก) มีบริการอาหารแบบทั่วถึง เราสามารถเข้าถึงอาหารประจำจังหวัดโดยไม่ต้องลงจากรถไฟ จะมีลุงป้าที่ค่อยมาเวียนมาขายทุกสถานี การที่ผมไปกลับกรุงเทพ-พิษณุโลก หลายครั้งมากจนผมจำหน้าป้าๆลุงๆได้ และจำได้ว่าสถานีอยุธยาต้องกินไอศกรีม ก็เวียนๆกันไปเช่น น้ำ ลูกชิ้น สายไหม ผลไม้ (ราคาก็จะเพิ่มจากที่เราเคยซื้อทั่วไปพวกเราเคยกิน เช่น น้ำ)
ส่วนใหญ่ผมเดินทางกับชั้น3 ค่อนข้างบ่อยกว่าชั้นอื่น ส่วนใหญ่ผมเดินทางกลับจากพิษณุโลกผมจะเดินทางขบวนที่เดินทางเวลากลางคืนเพื่อที่จะได้ถึงที่พิษณุโลกในช่วงเช้า ถ้าผมจะกลับกทม.ผลจะเดินทางตอนเช้าเพื่อให้ถึงกทม.ตอนบ่ายไม่ก็เย็น
ผมจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งการที่เราจะจองตั๋วแต่ล่ะครั้งต้อดูทิศทางของแต่ว่านั่งตรงไหนจะโดนแดด แต่ส่วนใหญ่ผมนั่งตรงไหนผมก็จะโดนแดดเสมอ เพราะการเดินทางของผมที่ใช้เวลา5-6ชั่วโมงเดินทางตอนเช้า ตอนบ่ายก็ต้องโดด ถ้าโชคดีหน่อยอากาศเต็มใจวันนั้นอาจจะไม่มีแดด การเดินทางตอนกลางคืนสำหรับผมค่อนข้างมีปัญหามาก เพราะการนั่งหลับไม่สนิท ผมมั้งจะสะดุ้งตื่นตลอดเวลา
สำหรับเรื่องที่ผมยังจำได้ไม่เคยลืม สำหรับชั้น3 คือวันนั้นเป็นวันสงกรานต์วันที่15 ผมก็จะกลับไปที่กทม. ผมมั่นใจมากว่ามีที่นั่งสำหรับผมเพราะว่าผมได้ซื้อตั๋วจองล่วงหน้า วันนั้นผมได้ขันและนั่งในที่ที่ผมควรจะนั่งจากเลขที่ที่นั่งที่แสดงบนตั๋ว วันนั้นผมจำได้ว่าคนไม่มีที่นั่งเยอะมากมีทั้งยืนและนั่งพื้นเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมายของตน ทุกคนยอมที่จะเมื่อยเพื่อให้ให้มีที่ในการเดินทาง ก่อนถึงสถานี่ถัดไปจากพิษณุโลก ก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว ผมยังจำได้ว่าคนที่นั่งข้างๆผมนั้นมีเลขที่นั่งตั๋วเหมือนผม ผมเลยดูผมเห็นตัวเลขบนตั๋วแสดงวันเดินทางวันที่ 14 เมษายน ผมเลยบอกเจ้าหน้าที่ว่า "เดี๋ยวผมหาตั๋วก่อนนะครับ" ทั้งที่ผมรู้ผมหาเจอแล้วแต่ผมไม่กล้าบอกเจ้าหน้าที่ ผมเลยเดินออกจากที่นั่งขณะที่ถึงสถานี บางกระทุ่ม แล้วลงจากรถไฟผมค่อนข้างสับสนนิดๆ พอผมลงผมก็รีบไปซื้อตั๋วรถไฟใหม่ก่อนตั๋วรอบที่จะไป กทม.ขบวนที่จะไปเลย แต่ขบวนทีผมได้ต้องยืนในการเดินทางและมาถึงอีก 2 ชั่วโมง ต้องซื้อตั๋วอย่างไม่มีทางเลือก ผมต้องใช้ชีวิตอย่างช้าๆ ในสถานีนั้น มันเป็นสถานที่ผมค่อนข้างคุ้นเคยมาก เพราะเป็นสถานีที่ยังอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก ผมเดินทางมาบ่อยๆกับแม่ตอนเด็กๆ เพราะต้องมาหาตากับยาย
ท้ายสุดผมก็ได้ไป กทม.โดยการยืนตลอดเส้นทาง ผู้คนที่ยืนกันจนเต็มขบวนเพื่อกับไปที่ กทม.ผมจะจำเหตุการณ์นี่ตลอดไป
การรอขบวนต่อไปหลังจากที่ผิดพลาด
โฆษณา