แต่ท่านจะไม่มาตรัสในสิ่งที่ทำไม่ได้จริง
เช่น ไม่ว่าอกุศลธรรมใดๆ ก็จงอย่าเกิดขึ้นอีกเลย
.
พอมีมุมมองที่ชัดเจน ว่าอกุศลธรรม อย่างไรก็ต้องเกิด
ตั้งโจทย์ว่า ทำอย่างไรจะแปรให้อกุศลธรรมนั้น
ให้เปลี่ยนเป็นกุศลธรรม หรือเป็นมหากุศลเลยได้
ตรงนี้แหละ ที่เป็นประเด็นของนักเจริญสตินะครับ
.
จุดที่ต้องมอง คือ มีความเข้าใจ
ที่ตรงกับ กลไกการทำงานของธรรมชาติ
.
เมื่อใดก็ตาม อกุศลจิต หรืออกุศลธรรมเกิดขึ้น
แล้วมีสติรู้ว่า นั่นเป็นอกุศล
ตัวสตินั้น จะทำให้จิต แปรเป็นมหากุศลอยู่แล้ว
.
อกุศลธรรม ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นเลย เป็นไปไม่ได้
แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว แล้วมีสติประกอบ รู้ว่าอกุศลธรรมเกิดขึ้น
วินาทีนั้น อกุศลธรรม จะเป็นเครื่องส่งของกุศลธรรม ทันที
.
เมื่อเจออากาศร้อน เดิมที เราจะบ่น
หงุดหงิดว่าเมื่อไหร่จะหายร้อน อยากเข้าห้องแอร์
หงุดหงิดโลก หงุดหงิดผู้คน
.
เปลี่ยนเป็น มีสติ .. ณ จุดที่เกิดความหงุดหงิด
รู้ว่า กำลังหายใจเข้าหรือหายใจออก
และ กำลังหายใจเอาความทุกข์ หรือความสุขเข้ามา
.
แน่นอน ตอนกำลังหงุดหงิด
ย่อมหายใจเอาความทุกข์เข้ามาแน่ๆ
ถ้าตอบจากผู้มีสติตรงความจริง
หรือ รู้ว่าอิริยาบถที่นั่งอยู่นี้
เป็นอิริยาบถแห่งความทุกข์ กระสับกระส่าย
.
โดยการตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ จะได้สติขึ้นมาอย่างไร?
.
จะได้สติ ตรงที่จะรู้ว่า
อาการกระสับกระส่ายก็ดี ร้อนจนหงุดหงิดก็ดี
.. แต่ละลมหายใจ จะไม่เท่าเดิม ..
ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ตัวตน เป็นเพียงภาวะอะไรอย่างหนึ่ง
ที่ก่อตัวขึ้นมา แล้วต้องเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา
.
ครั้งแรกๆ อาจไม่เกิดความต่างอะไรกับชีวิตเลย
เพราะจิตก็ยังหลงเหมือนเดิมว่า
มีตัวเราที่เป็นผู้โมโห มีตัวเราที่เป็นผู้หงุดหงิด
.
แต่พอรู้ไป รู้ไปเรื่อยๆ หลายๆ ครั้ง
ชีวิตจะเริ่มยกระดับมาจากภายใน
ในทันทีที่จิตรู้ว่าโกรธ ว่ามีความเป็นอกุศลขึ้นมา
จะมีความชอบใจ ที่จะได้เห็นความไม่เที่ยงซ้ำอีก
.
พวกที่ดูไม่ได้ เป็นเพราะไปดูตัวโทสะตรงๆ โดยไม่มีเครื่องช่วย
.
ถ้าศึกษาอานาปานสติมาดี
มี (ลมหายใจเป็น) เครื่องช่วยระลึก
ว่าอกุศลธรรม ที่เกิดขึ้น หนาแน่น หรือเบาบาง
แตกต่างกันในแต่ละลมหายใจ เพียงใด
.
ก็จะเห็นทุกครั้ง ว่าโทสะไม่เที่ยง จริงๆ
อกุศลธรรมไม่เหมือนเดิมจริงๆ
.
สติ ที่รู้ว่าไม่เหมือนตัวเดิมจริงๆ นั่นแหละ
จะทำให้ตัวตน ค่อยๆ ห่าง ค่อยๆ หาย ค่อยๆ เบาบางลง
.
สรุป วิธีป้องกันอกุศลธรรมไม่ให้เกิด
เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ต้องเกิด
แต่เกิดขึ้นแล้ว เรารับมืออย่างไร
ทำให้เกิดสติขึ้น แล้วเห็นความไม่เที่ยงของอกุศลได้อย่างไร
ตรงนั้นถึงเป็นโจทย์ที่แท้จริง!