27 มี.ค. 2021 เวลา 02:35 • ธุรกิจ
คำแนะนำ 7 ข้อในการทำธุรกิจแฟชั่นให้ประสบความสำเร็จ
กลับมาพบกันในตอนที่ 2 ของรายการ Addict Talk; SME ADvisor by dtac business โปรเจกต์ที่ Ad Addict ได้ร่วมมือกับ dtac business จัดเป็นรายการ Facebook Live Session ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ ถึงปัญหาในแวดวงธุรกิจ SME แบบเจาะลึกแบบจัดเต็ม 6 ครั้ง! ด้วยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์และเทคนิคดีๆ เพื่อให้เพื่อนๆ ได้นำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ
[Addict Talk SME #2 by dtac business]
และในตอนที่ 2 นี้ (24 มีนาคม 2021) เรื่องที่เราได้พูดคุยและแบ่งปันความรู้กันก็คือเรื่องของ "สินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย" ซึ่งเราได้รับเกียรติจากผู้ประกอบการสาวสวยอย่างคุณ “แอ๊นท์ - เสาวนิตย์ ณัฐวรวโรตม์“ Influencer และเจ้าของแบรนด์ As Above
พร้อมกับ 2 กูรูเจ้าเดิมทางฝั่งธุรกิจคุณ “แดน จาก dtac business” และคุณ “บี - สโรจ เลาหศิริ Head of Marketing Transformation and Marketing Strategy จาก Bluebik Group” ที่จะมาร่วมแบ่งปันข้อมูลความรู้และเครื่องมือในการตอบสนองความต้องการในการทำธุรกิจที่หลากหลายจาก dtac Business มาแนะนำด้วยนะ
ทั้งนี้แอดได้สรุปเนื้อหาสำคัญออกมาเป็นหลักการทั้ง 7 ข้อในการทำธุรกิจแฟชั่นให้ประสบความสำเร็จ ให้เพื่อนๆ ได้ไปลองสำรวจว่าธุรกิจของเรายังขาดข้อไหนอยู่ จะได้รับรู้ถึงวิธีการปรับตัวและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบและเหตุผล จะมีคำแนะนำข้อไหนที่ตรงกับสถานการณ์ของธุรกิจเพื่อนๆ บ้าง ไปดูกันเลย
(1) ต้องบริหาร Perceived Value ให้ดี
การบริหาร Perceived Value หรือก็คือการบริหารคุณค่าที่ผู้บริโภคคาดว่าจะได้รับกับคุณค่าที่แบรนด์ส่งมอบให้ ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่คุณสามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่ การถ่ายภาพ Product, การดีไซน์, การเลือกวัสดุของสินค้า, การใส่จุดเด่น, การใช้พรีเซนเตอร์, และคุณภาพของงานแฟชั่น ฯลฯ
ทั้งหมดนี้คือปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหาร Perceived Value ทั้งหมดเลย หากคุณสามารถส่งมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ จะส่งผลให้แบรนด์ของคุณมีจุดยืนทางการตลาดที่แข็งแกร่ง อย่าง As Above ที่มีการใส่ใจทั้งในเรื่องของการเลือกวัสดุและรายละเอียดของสินค้าที่มีคุณภาพรวมไปถึงการสร้างเอกลักษณ์ในระดับสูง การทำความเข้าใจลูกค้าและตอบสนองด้วย Data ทั้งหมดนี้คือ Perceived Value ของแฟชั่นแบรนด์
(2) ทำ Personalization Shopping Experience
ในส่วนนี้คือการดูแลประสบการณ์การซื้อขายสินค้าของเราเป็นรายบุคคล เช่น หากมี Store ให้เยี่ยมชมสินค้าก็ต้องมีพนักงานขายในการทำหน้าที่ให้บริการลูกค้าแบบรายบุคคล, การจัดรูปแบบร้านและออกแบบการบริการต่างๆ ที่ตอบโจทย์ Personalization จนก่อให้เกิด Experience ที่ดีต่อลูกค้า มันจะทำให้แบรนด์ของเรามีความแตกต่าง
และอีกส่วนก็คือแบรนด์ที่ทำการขายผ่านช่องทางออนไลน์ การให้บริการที่ดี การตอบคำถามและให้คำแนะนำในสินค้า หรือโปรโมชั่นที่มอบ Experience ที่ดีต่อลูกค้าในช่องทางนี้ในรูปแบบที่เหมาะสมตาม Personalization คือสิ่งที่จะทำให้แบรนด์ของเรามีเอกลักษณ์มากขึ้นได้เช่นกัน
(3) ซื่อสัตย์ ซื่อตรงและจริงใจต่อลูกค้า
Honest, Openness & Realness อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ มันคือความจริงใจในการให้ข้อมูลคุณภาพ ของสินค้าอย่างตรงไปตรงมาให้กับลูกค้า
หรือการแสดงทัศนคติบางอย่างที่จริงใจของเราผ่านทางการขายหรือกระบวนการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โฆษณา, การส่งต่อความจริงใจผ่านพนักงาน, หรือแม้แต่การแนะนำสินค้าระดับที่อยากให้ลูกค้าได้รับคุณค่าที่สินค้านั้นมอบให้ ไปจนถึงการแสดงข้อมูลจริงๆ ไม่ได้มากเกินไป ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจและไว้ใจในแบรนด์ของเรานั่นเอง
(4) ต้องมี Fashion Supply Management
ในส่วนนี้คือการบริหารในส่วนของ Stock เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการทั้งในเรื่องของคุณภาพและเวลาที่เหมาะสมในการได้รับสินค้าจากเรา รวมไปถึงเรื่องของการบริหาร Demand และ Supply ให้มีความสมดุล จนเกิดการบริการที่ตรงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้าง Experience ที่ดีต่อลูกค้า จนอาจทำให้เรามีความแตกต่างจากคู่แข่งได้ด้วยเช่นกัน
(5) เปิดให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์
ข้อนี้ไม่ใช่ว่าจะให้ลูกค้ามาเป็นคนออกแบบสินค้านะฮ่าๆ แต่มันคือการสร้างการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ของเรา ทั้งข้อดีข้อเสีย เพื่อที่เราจะได้นำข้อมูลเหล่านั้นไปพัฒนาสินค้าชิ้นต่อไปที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
โดยวิธีการนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับลูกค้าดำเนินไปในทิศทางที่ดี ลูกค้าจะรับรู้ถึงความใส่ใจของแบรนด์ที่พยายามตอบสนองความต้องการของพวกเขา ไม่ว่าจะผ่านการ Inbox โดยตรงหรือผ่าน Community ที่มีการพูดคุยของคนที่ชื่นชอบในแบรนด์กับเจ้าของแบรนด์นั่นเอง
(6) แบรนด์ต้อง Fresh ตลอดเวลา
ธุรกิจแฟชั่นคือธุรกิจแห่งการเข้าไปอยู่ในยุคสมัย เป็นธุรกิจที่คุณต้องตามสมัยเป็นธุรกิจร่วมสมัย นี่คือหน้าที่ของการที่คุณเป็นธุรกิจแฟชั่น
และยิ่งความเร็วของโลกทุกวันนี้ทำให้ความชอบของคนมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากๆ สิ่งสำคัญที่แบรนด์แฟชั่นต้องทำก็คือการเข้าถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้เร็วที่สุด เพื่อการสร้าง Design ใหม่ๆ ที่ตอบสนองต่อความชอบที่เปลี่ยนไปของผู้คนให้เร็วที่สุดด้วย
(7) ใช้ Tool ที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
ด้วยความทีสินค้าแฟชั่นนั้นมักจะมีการอัปเดตของใหม่อยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการทำการตลาดเพื่อนำเสนอสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าเดิมหรือลูกค้าใหม่ จึงเป็นอีกสิ่งสำคัญที่คนทำแบรนด์แฟชั่นไม่ควรมองข้าม
1
โดยทั้งนี้ในปัจจุบันก็มี Tool ที่สามารถใช้ในการส่งข้อมูลเหล่านี้ไปได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น SMS, Location Bases Services การส่งข้อความไปยังพื้นที่ต่างๆ, Contextual Marketing Platfrom แพลตฟอร์มที่ช่วยสื่อสารการตลาด ได้ถูกที่ถูกเวลาตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น
หรือถ้าหากเพื่อนคนไหนที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเลือกใช้ Tool อะไรที่จะเหมาะสมกับลักษณะของแบรนด์ ก็สามารถโทรปรึกษาทาง dtac Business ได้ที่เบอร์ 1431 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาให้เรารู้ว่าธุรกิจของเราควรใช้ Tool แบบไหนเพื่อให้ธุรกิจของเราร่วมสมัยมากขึ้น
ทั้ง 7 ข้อนี้ก็นับว่าเป็นหลักการที่จะทำให้ลูกค้านั้นมีประสบการณ์กับแบรนด์ของเราในทุกแง่มุมได้เป็นอย่างดีจนเป็นที่จดจำ และสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ต่อให้มีคนที่ Copy สินค้าของเราไปได้ แต่ก็ไม่สามารถทำในสิ่งที่แบรนด์ของเราสามารถทำได้ รวมไปถึงนี่คือวิธีการพื้นฐานทั้งหมดที่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ และส่งเสริมให้แบรนด์แฟชั่นเป็นที่น่าสนใจจนนำไปสู่ความสำเร็จได้นั่นเอง
และในครั้งหน้าเพื่อนๆ คนไหนที่ได้ฟังการแนะนำและตอบคำถามจากรายการนี้แล้วมีความสนใจในแวดวงธุรกิจ ก็สามารถติดตามรายการ Live Addict Talk; SME ADvisor by dtac business ครั้งต่อไปได้ในวันที่ 7 เมษายน เวลา 15.00 กับธุรกิจ ‘ท่องเที่ยว’ งานนี้ใครสายเที่ยวห้ามพลาด!
และเพื่อให้ได้รับข้อมูลการแก้ปัญหาและสาระความรู้สำคัญในการทำธุรกิจ SME สามารถลงทะเบียนได้ที่ >> www.bit.ly/AAD-Business-Kit << เพื่อ
1. รับชุดเครื่องมือกดสูตร SME
2. ส่งคำถามเพื่อขอคำปรึกษาจากการทำธุรกิจ SME
3. รับสรุปเนื้อหาสำคัญจาก Live Session ทั้ง 6 ครั้ง
โฆษณา