26 มี.ค. 2021 เวลา 12:01 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
🦶🏻 ฝ่าเท้าทำให้มนุษย์ฉลาดกว่าสัตว์อื่นได้อย่างไร?
7
บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Skechers GoWalk Arch Fit
2
1.
ย้อนกลับไปประมาณ 50 กว่าปีที่แล้ว ถ้าถามนักวิทยาศาสตร์ว่า อะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มนุษย์วิวัฒนาการกลายมาเป็นมนุษย์ที่ต่างไปจากลิงอื่นทั่วไป
คำตอบที่เชื่อกันมากในช่วงเวลานั้นคือ
วิวัฒนาการของสมองที่ใหญ่และฉลาดขึ้นกว่าลิงอื่น
สำหรับเหตุผลก็เข้าใจได้ไม่ยาก
เพราะร่างกายของมนุษย์นั้นถือได้ว่า อ่อนแอมากๆเมื่อเทียบกับลิงอื่นๆ
เรามีปากและขากรรไกรที่กัดได้ไม่แรง มนุษย์ที่แข็งแรงที่สุดในโลกไม่สามารถเทียบกำลังกับกอริลล่าทั่วๆไปได้
2
นักวิ่งที่เร็วที่สุดในโลกก็ยังวิ่งช้ากว่าชิมแปนซีทั่วๆไป
ยังไม่นับว่า มนุษย์ไม่สามารถปีนป่ายต้นไม้ได้เหมือนลิงอื่นๆ
ดังนั้นเหมือนว่าสมองจะเป็นอวัยวะเดียวที่ทำให้มนุษย์เอาชนะลิงอื่นๆได้
1
แต่ต่อมาเมื่อมีการค้นพบฟอสซิลของลิงที่เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆก็พบว่าสิ่งที่ทำให้มนุษย์แยกสายวิวัฒนาการมาจากลิงอื่นๆนั้น
ไม่ใช่สมอง .... แต่เป็นการเดินสองขา
4
หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนกว่านั้นคือ
สิ่งที่ทำให้มนุษย์เริ่มแยกสายวิวัฒนาการจากลิงอื่นคือ
เท้าของเรา ....
2
2.
ผมอยากจะเริ่มต้นเรื่องด้วยการให้ลองคลำที่ฝ่าเท้าตัวเองก่อนครับ
จะเห็นว่าเท้าของคนเราไม่ได้แบนราบ แต่มีส่วนที่โค้งที่พอจะเห็นและคลำได้
โค้งหรือ arch (อาร์ค) ที่เห็นได้ชัดสุดคือ โค้งจากหัวแม่เท้าไปที่ส้นเท้า
แต่เท้าเรายังมีโค้งอื่นอีก โค้งที่มองด้วยตาไม่ชัด แต่จะเห็นได้จากการถ่ายภาพ x-ray
3
Arch ที่สองคือ โค้งจากนิ้วก้อยเท้าไปที่ส้นเท้า
Arch ที่สามคือ โค้งจากซ้ายไปขวาของเท้า
2
Arch เหล่านี้แม้ว่าจะซ่อนอยู่ใต้สุดของร่างกายมนุษย์ จนคนส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ
แต่เป็นส่วนที่สำคัญมากที่ทำให้มนุษย์ต่างไปจากลิงอื่นๆทั้งหมด และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้
1
เรื่องราวมันเริ่มต้นขึ้น ประมาณ 7-10 ล้านปีที่แล้วครับ
3.
ในวันที่บรรพบุรุษของเรายังปีนป่ายบนต้นไม้เหมือนลิงอื่นๆ นั้น เท้าบรรพบุรุษของมนุษย์ ก็เหมือนเท้าลิงอื่นทั่วไป คือ เป็นเท้าที่มีหน้าตาคล้ายมือของเราซื่งเท้าแบบนี้กับการเกาะยึดกิ่งไม้ต่างๆ
3
แต่เมื่อประมาณ 7-10 ล้านปีที่แล้ว ภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิเฉลี่ยมีค่าลดลงอย่างต่อเนื่องหลายล้านปี ทำให้ป่าที่บรรพบุรุษเราอาศัยอยู่หดเล็กลง
เชื่อกันว่าบรรพบุรุษของเราน่าจะเป็นลิงที่ปกติอาศัยอยู่ชายขอบของป่า ดังนั้นเมื่อป่าหดเล็กลง บรรพบุรุษของเราจึงถูกบีบให้ลงมาเดินหากินบนพื้นดินในทุ่งหญ้า
1
หรือพูดง่ายๆคือ บรรพบุรุษเราต้องเดินหากินสองขามากขึ้น
เมื่อต้องเดินสองขาเป็นระยะทางไกลๆ เท้าที่เดิมวิวัฒนาการเพื่อปีนป่ายต้นไม้ จึงไม่มีประสิทธิภาพมากนัก เป็นแรงบีบให้เกิดการวิวัฒนาการปรับตัวให้เท้าเหมาะกับการรับน้ำหนักระหว่างเดินสองขามากขึ้น
1
เดินไกลขึ้น เท้าจึงวิวัฒนาการมาให้เหมาะกับการเดินมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆที่เกิดขึ้นกับเท้า มีอยู่สองอย่างด้วยกัน
หนึ่ง คือ นิ้วเท้าของมนุษย์สั้นลง เพราะนิ้วที่สั้นจะทำให้เดินได้มีประสิทธิภาพกว่า ต่างไปจากนิ้วมือที่ยาวซึ่งช่วยให้จับหรือกำสิ่งต่างๆได้ดี
1
หัวแม่เท้าเปลี่ยนมามีความยาวเท่ากับนิ้วเท้าอื่นๆ และเป็นพระเอกในการรับน้ำหนักร่างกายระหว่างที่เราเดิน เพราะน้ำหนักตัวเปลี่ยนมาตกเข้าใกล้แกนกลางลำตัวมากขึ้น ทำให้บรรพบุรุษเราเดินได้นิ่ง ต่างจากลิงที่น้ำหนักตัวจะตกไปฝั่งนิ้วก้อย เวลาเดินจึงตัวเอียงไปทางซ้ายทีขวาที
8
สองคือ กระดูกเท้าของบรรพบุรุษเราเริ่มมีสิ่งที่เรียกว่า arch หรือโค้งเกิดขึ้น ซึ่งกระดูกเท้าร่วมกับกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นจะผูกและเรียงตัวกันเหมือนคันธนูที่วางคว่ำโดยโค้งของคันธนูหันขึ้นด้านบน เวลาเดินแต่ละก้าวน้ำหนักจะถูกกดลง บนโค้งนี้ ทำให้โค้งถูกดัดให้เหยียดตรงขึ้นและพร้อมจะดีดกลับเมื่อแรงกดถูกย้ายไปที่เท้าอีกข้าง

ดังนั้น arch ทั้งสามของเท้าจึงทำหน้าที่เหมือนสปริง ที่คอยช่วยผ่อนแรงเราขณะเดิน โดยจะแปลงหรือรีไซเคิลน้ำหนักร่างกายเราออกมาเป็นแรงดีดที่ทำให้เราเดินได้สบายขึ้น
5
โดยปกติเมื่อ arch ของเราทำงานได้ดีเราจะไม่เห็นว่า arch เหล่านี้ทำงานมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเราไปเดินหรือวิ่งบนทรายซึ่งทำให้ระบบสปริงเหล่านี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ เราจะเห็นว่ากำลังที่ต้องใช้เพื่อเดินจะต้องเพิ่มขึ้นอีกมาก
1
4.
1
เมื่อมนุษย์เดินและวิ่งบนสองขาได้มั่นคงและเร็วขึ้น วิถีการหากินก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จากการเดินหรือยืนเพื่อเด็ดผลไม้ ก็มาสู่การเดินไปตามทุ่งหญ้าหรือวิ่งตามนกแร้ง เพื่อหาซากสัตว์อื่นที่สัตว์อย่างสิงโตหรือหมาไนกินเหลือทิ้งไว้
การกินเนื้อสัตว์และไขมันภายในโพรงกระดูกเพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายมนุษย์ได้รับอาหารที่มีแคลอรี่ ไขมันและโปรตีนมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สมองที่ทรงพลังวิวัฒนาการเกิดได้ง่ายขึ้น
2
ยิ่งเมื่อรวมไปกับการที่บรรพบุรุษของมนุษย์นำไฟมาใช้ทำให้อาหารเปลี่ยนสภาพไปจนย่อยและดูดซึมได้ง่ายขึ้น บรรพบุรุษของมนุษย์จึงมีระบบทางเดินอาหารที่เล็กลงได้ เมื่อทางเดินอาหารเล็กลง ก็เป็นการประหยัดพลังงานของร่างกายมากขึ้น พลังงานที่ประหยัดได้นี้ก็สามารถนำไปใช้เลี้ยงสมองมากขึ้น ทำให้บรรพบุรุษสามารถมีสมองที่ใหญ่และกินพลังงานมากขึ้นได้
2
หรืออาจจะสรุปแบบง่ายๆได้ว่า หลังจากที่บรรพบุรุษของมนุษย์เริ่มเดินและวิ่งสองขา ก็สามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ (ในแง่ของการให้พลังงาน) มากขึ้น ต่อมาเมื่อใช้ไฟ้ทำอาหาร ทำให้ระบบย่อยอาหารวิวัฒนาการเล็กลงได้ พลังงานที่ประหยัดขึ้นนี้ จึงสามารถนำไปเลี้ยงสมองที่วิวัฒนาการใหญ่ขึ้นเรื่อยๆได้
4
โดยการเปลี่ยนแปลงที่เหมือนโดมิโนล้มต่อกันเป็นทอดๆนี้ ถือได้ว่าเริ่มต้นขึ้นมาจากการวิวัฒนาการของเท้า
3
5.
สิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตแบบมนุษย์ปัจจุบันมีส่วนทำให้ arch เราไม่แข็งแรง เพราะ arch ก็เหมือนกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นทั่วไป คือ ยิ่งใช้งานยิ่งแข็งแรง แต่สิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตแบบมนุษย์ปัจจุบันต่างไปจากโลกยุคดึกดำบรรพ์มาก
คนที่มีวิถีชีวิตแบบล่าสัตว์หาของป่า แค่การเดินเพื่อให้มีอาหารพอกิน มีน้ำพอดื่ม โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงจะเดินประมาณ 10 กิโลเมตรต่อวัน ส่วนผู้ชายจะเดินประมาณ 14 กิโลเมตรต่อวัน แล้วไม่ได้เดินตัวเปล่า แต่มักจะแบกของ หรืออุ้มลูกไว้ด้วย
มนุษย์เราเดินเท้าเปล่ามาตลอด
เชื่อว่ามนุษย์ใส่รองเท้าครั้งแรกไม่น่าจะเกิน 40,000 ปีที่แล้ว
5
แต่ด้วยความที่มนุษย์ยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่ได้เดินมากเช่นนั้น งานส่วนใหญ่ของเราจะทำขณะนั่งโต๊ะ และเราก็ไม่ได้เดินบนพื้นดินนุ่มๆ แต่เราเดินบนพื้นซีเมนต์ พื้นไม้ พื้นหินขัด ทำให้เราใส่รองเท้าที่ช่วยลดแรงกระแทกและการเสียดสีที่จะเกิดขึ้นกับผิวหนังบริเวณฝ่าเท้า
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้ Arch ของหลายคนไม่พัฒนาหรือไม่แข็งแรงมากนัก
1
อีกปัจจัยสำคัญคือ อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ยุคปัจจุบันยืนยาวกว่าคนยุคดึกดำบรรพ์มาก หรือพูดง่ายๆว่า จริงๆแล้วในอดีตมนุษย์ไม่ได้วิวัฒนาการมาเพื่อจะมีชีวิตยืนยาวเท่าที่เราเป็นกันอยู่ในปัจจุบัน (ยาวเกินวัยสืบพันธุ์ไปมาก) ซึ่งแน่นอนว่าเมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นก็ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ทำให้ arch ของคนสูงอายุมีแนวโน้มที่จะไม่แข็งแรงเหมือนเดิม
Arch ที่อ่อนลง ก็อาจจะเทียบได้กับสปริงที่อ่อนยวบลง ทำให้การเดินต้องใช้แรงจากกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ มากขึ้น
6.
1
แต่มนุษย์เราก็ใช้สมองที่วิวัฒนาการมาจนฉลาด คิดค้นเทคโนโลยี เพื่อมาแก้ไข้จุดบกพร่องต่าง ๆ ของร่างกายเราได้ ตัวอย่างเช่น เราใส่แว่นสายตาเพื่อแก้ไขปัญหา สายตาสั้น สายตายาว ที่พบได้มากในมนุษย์ปัจจุบัน
2
เช่นเดียวกัน รองเท้าบางรุ่นก็มีการเสริม arch เพื่อมาช่วยการทำงานของ arch ธรรมชาติที่อ่อนแอลงของมนุษย์ยุคปัจจุบันบางคน ซึ่ง Arch เหล่านี้อาจจะช่วยให้หลายคนรู้สึกว่าเดินได้สบาย และเดินได้นานขึ้น (แต่ก็ไม่ทุกคน)
และหนึ่งในรองเท้าที่ผมอยากนำเสนอก็คือ ผู้สนับสนุนบทความของเรา
1
Skechers เป็นรองเท้าที่มีชื่อเสียงในแง่ของการเป็นรองเท้าที่ใส่สบาย โดยเฉพาะในรุ่น Go walk ที่ออกแบบมาเพื่อให้เบาสบาย เหมาะกับการเดินไกลๆ หรือชีวิตประจำวันที่แอคทีฟด้วยเทคโนโลยีโฟม ‘Ultra Go’ ที่ให้ความนุ่มสบาย ยืดหยุ่นไปกับสรีระเท้า
1
เสริมด้วย ‘Comfort Pillar’ ใต้พื้นเพื่อช่วยรองรับในแต่ละก้าวเดิน ส่วนหน้าผ้ามีหลากหลายรูปแบบทั้ง engineered mesh ที่โปร่ง เบา และ knit ที่ให้กระชับเท้าเหมือนใส่ถุงเท้า
ล่าสุด Skechers Go walk arch fit เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อมาจาก ตระกูล Go walk ที่มีชื่อเสียง Arch Fit คือเทคโนโลยีในแผ่นรอง insole ที่ออกแบบให้มีส่วนโค้งรองรับอุ้งเท้าเป็นพิเศษ แตกต่างจากแผ่น insole แบบ Goga Mat ในรุน่ Go Walk อื่นๆ มีความยืดหยุ่น ไม่แข็งกระด้าง ใส่ได้กับทุกรูปเท้าไม่จำเป็นต้องเป็น คนที่มีอาการ overpronation เท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้การเดินในชีวิตประจำวันสบายมากขึ้น
แต่การจะรู้ว่ารองเท้าที่มี arch เหมาะกับเท้ากับเราหรือไม่วิธีที่ดีสุดวิธีหนึ่งคือ
การคงต้องไปทดลองสวมใส่เดินด้วยตัวเองครับ
1
ขอบคุณ Skechers GoWalk Arch Fit ที่ให้การสนับสนุนบทความนี้
Skechers Thailand Online Store
#SkechersTH #GoWalkArchFit
ไม่อยากพลาดการแจ้งเตือนเมื่อมีโพสต์หรือบทความใหม่ๆ
Add Line เพื่อรับการแจ้งเตือนต่างๆได้ที่นี่ค่ะ
🔔 Line: @chatchapolbook
โฆษณา