27 มี.ค. 2021 เวลา 12:02 • สุขภาพ
เนปาลขาดแคลนวัคซีนเข็มที่ 2 หลังจากฉีดวัคซีน​เข็มแรกให้กับผู้สูงอายุไปแล้ว!!
ที่มา Nepaltimes.com/ Minola Depula
หลังจากที่เนปาลได้รับการบริจาควัคซีน 1 ล้านโดสจากอินเดีย รัฐบาลเนปาลควักกระเป๋าสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มจำนวน 2 ล้านโดสจาก the Serum Institute of India ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซเนกาในอินเดีย ด้วยความหวังเหมือนหลายๆ ประเทศว่าวัคซีนจะเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์​การระบาดภายในประเทศให้ดีขึ้น
นายกรัฐมนตรีเนปาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขและประชากรร่วมแถลงข่าวโครงการฉีดวัคซันโควิด/ ที่มา Pradeep Raj Onta/RSS
และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของรัฐบาล ประชากรทั้งหมดของกลุ่มนี้จะได้รับวัคซีนครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อย
ปรากฏ​ว่า วัคซีนเดินทางมาถึงเนปาลแค่ครึ่งนึง และตอนนี้มีวิคซีนเหลืออยู่ในสต๊อกแรกแค่ราวๆ 5 แสนโดสเท่านั้น จากสัญญาของรัฐบาลเนปาลกับผู้ผลิตวัคซีนในอินเดียระบุไว้ว่าจะต้องส่งวัคซีนในส่วนที่เหลือภายใน 1 สัปดาห์หลังจากที่ส่งลอตแรกให้รัฐบาลแล้ว ซึ่งวัคซีนลอตแรกมาถึงตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม และลอตที่ 2 ก็ยังไม่ถูกส่งมาให้ตามสัญญา
ใครคือกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนโควิด-19
จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข​และประชากรของเนปาล พบว่าราวๆ 72% ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 อยู่ในช่วงอายุ 55 ปีขึ้นไป
ดังนั้น ประชากรในกลุ่มอายุช่วงนี้จึงเป็นกลุ่มแรกๆ รองจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่จะได้รับวัคซีนโควิด-19
ที่มา: Nepaltimes.com / Monika Depula
รัฐบาลได้แบ่งกลุ่มการฉีดวัคซีนไว้ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้า นักโทษ ผู้สูงอายุในบ้านพักคนชรา นักข่าว สส. และเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งกลุ่มนี้ฉีดไปเมื่อช่วงวันที่ 27 มกราคมถึง 5 มีนาคม จำนวนทั้งสิ้น 438,000 คน และจะได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ในวันที่ 20-24 เมษายน
กลุ่มที่ได้รับวัคซีนกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มประชากรอายุ 65 ปี ซึ่งฉีดไปเมื่อวันที่ 7-15 มีนาคม ที่ผ่านมา และวางแผนไว้ว่าจะฉีดเข็มที่ 2 ช่วงระยะวันที่ 16-30 พฤษภาคม
สรุปกันง่ายๆ ว่า เนปาลมีประชากรทั้งสิ้นกว่า 29 ล้านคน แต่มีวัคซีนเหลือพอสำหรับประชากรไม่ถึง 1% (1 คนฉีด 2 เข็ม)​
ทำไมบริษัทผลิตวัคซีนจึงยังไม่ส่งวัคซีนลอตที่เหลือให้เนปาล
เนื่องจากเนปาลเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพิงอินเดียเป็นอย่างมาก เรียกว่าถ้าเมื่อไหร่เศรษฐกิจ​และค่าเงินของอินเดียเริ่มเหวี่ยง เนปาลก็จะได้รับผลกระทบเป็นเงาตามตัว
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียประกาศเปรี้ยงว่าอินเดียงดส่งออกวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดย the Serum Institute of India ให้กับประเทศอื่นๆ ชั่วคราวเนื่องมาจากสถานการณ์​โควิดในประเทศกำลังแย่ลงอย่างมาก
ก็น่าเห็นใจอินเดียอยู่เหมือนกัน เพราะวันที่รัฐบาลประกาศออกมา อินเดียมีรายงานผู้ติดเชื้อภายในวันเดียวอยู่ที่ 53,419 ราย จากเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 12,000 รายต่อวันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์​ (แอดเองคิดว่าตัวเลขจริงอาจจะสูงกว่านี้ เพราะเมื่อผู้ติดเชื้อมากเกินไป บางส่วนน่าจะตัดสินใจไม่ไปโรงพยาบาล)
ฝั่งรัฐบาลเนปาลพอได้ยินคำประกาศงดส่งออกวัคซีนก็ได้แต่ทำตาปริบๆ เอายังไงดีล่ะทีนี้
ถ้าหากเป็นฝันก็ช่วยปลุกฉันซะทีเถอะ
มาตรการขายผ้าเอาหน้ารอด
ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเบื้องต้นคือ กระทรวงสาธารณสุข​และประชากร​ขยับกลุ่มอายุที่จะได้รับวัคซีนในกลุ่มที่ 2 จากอายุ 55 ปีขึ้นไป มาเป็น 65 ปี
ถึงแม้ว่าการขยับอายุของผู้ได้รับวัคซีนเป็น 65 ปี แต่วัคซีนก็จะมีเพียงพอสำหรับการฉีดครั้งแรกเท่านั้น ส่วนการฉีดกระตุ้นภูมิในเข็มที่ 2 ที่ตั้งใจว่าจะฉีดในช่วงวันที่ 16-30 พฤษภาคม​นั้นอาจจะต้องร้องเพลงรอไปก่อนเพราะมีวัคซีนแค่ 5 แสนโดส ซึ่งจะเพียงพอกับกลุ่มแรกที่ฉีดไปเมื่อเดือนมกราถึงต้นมีนาเท่านั้น
และประชากรกลุ่มที่ 2 ที่มีการฉีดวัคซีนไปแล้วมีจำนวน 1.35 ล้านคน......
รัฐบาลเนปาลมีแหล่งวัคซีนสำรองหรือไม่
หลังจากการปรับตารางการฉีดวัคซีน รัฐบาลเนปาลก็จะต้องรีบจัดหาวัคซีนให้กับกลุ่มที่ 2 ที่ได้รับการฉีดเข็มแรกไปแล้ว ถึงแม้จะมีเสียงยืนยันจากบริษัทวัคซีนว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อระบบการสร้างภ​ูมิคุ้มกัน ​ทั้งนี้ก็รัฐบาลเนปาลก็ยังชั่งใจ แต่ทำไงได้ ก็มันไม่มีทางเลือกนี่นา
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือจะต้องรีบหาวัคซีนมาให้ได้เร็วที่สุด
นอกจากวัคซีน 3 ล้านโดสที่(ควรจะ)​มีในมือ (อินเดียบริจาค 1 ล้าน ซื้อเอง 2 ล้านแต่ได้รับตอนนี้แค่ 1 ล้าน) เนปาลก็ยังได้รับวัคซีนจากมกุฎราชกุมาร​ของบาห์เรน​2000 โดสและกว่า 340,000 โดสจาก COVAX หรือ โคแวกซ์ (ย่อมาจาก Covid-19 Vaccines Global Access Facility) เป็นโครงการเพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ระดับโลกที่ในปัจจุบันประเทศกำลังพัฒนา​กว่า 64 ประเทศทำเรื่องจ่อคิวขอวัคซีนจากโคแวกซ์
โคแวกซ์วางแผนว่าจะจะจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับ 10% ของจำนวนประชากรในเนปาล นั่นก็หมายความว่า เนปาลจะได้รับวัคซีนทั้งสิ้นกว่า 13 ล้านโดสจากโคแวกซ์​
พอได้ยินแบบนี้ก็ใจชื้นเลยใช่มั้ยคะ
แต่ว่า.....
1 ในผู้ผลิตรายใหญ่ที่จัดหาวัคซีนให้กับโคแวกซ์คืออินเดียค่ะ ดังนั้นเมื่อการตัดสินใจของรัฐบาลอินเดียออกมาแบบนี้ โคแวกซ์ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย อ้าว พายเรือในอ่างชัดๆ
อย่างที่เราทราบกันดีว่าอินเดียคือผู้ผลิตวัคซีน​รายใหญ่ที่สุดในโลก และ the Serum Institute of India ก็เป็นผู้ผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกาซึ่งเป็นวัคซีนยอดฮิตของประเทศกำลังพัฒนาที่อาจจะเข้าถึงวัคซีนได้ยาก (รวมไปถึงเนปาลด้วย)​ เพราะคุณสมบัติของวัคซีนที่ง่ายต่อการจัดเก็บและการขนส่งที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่เมื่อเจอปัญหาจากการที่รัฐบาลอินเดียยับยั้งการส่งออกวัคซีนที่ผลิตโดย the Serum Institute ของอินเดีย ดังนั้นโคแวกซ์​เองก็ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ตามที่ได้เล่าให้ฟังข้างต้นค่ะ
ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลอินเดียจะเปลี่ยนใจให้ส่งออกวัคซีน​ได้แล้ว เพราะเราเองก็ยังไม่รู้ว่าประสิทธิภาพ​ของวัคซีน​อาจจะลดลงไปเรื่อยๆ (บางงานวิจัยบอกว่าเพิ่มขึ้น)​ หากการฉีดกระตุ้นในเข็มที่ 2 ยังต้องเลื่อนไปไม่มีกำหนดแบบนี้ค่ะ
ข้อมูลจากเวปไซต์​แอสตราเซเนกา และระยะเวลาการฉีดวัคซีน​ทั้ง 2 เข็ม
ข้อมูล ณ ​วันที่ 25 มีนาคม 2564 โดยระบุว่าการวิเคราะห์​ประสิทธิผลขั้นพื้นฐาน​ของวัคซีน​จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 32,449 คน โดยที่ 190 คนติดเชื้อแบบมีอาการ และรวมกลุ่มตัวอย่างอีก 49 คนจากการวิเคราะห์​ก่อนการวิจัยจะสิ้นสุด (interim analysis) โดยที่ผู้ร่วมวิจัยจะได้รับวัคซีนและยาหลอก (placebo)​ ในอัตราส่วน 2:1 (ยาหลอกหรือการรักษาปลอมที่ดูคล้ายยาแต่ไม่ใช่ยาเพื่อดูว่าผลที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการรักษา​จริงๆ ไม่ใช่ความคาดหวังต่อการรักษา)​
ที่มา Reuter
ผลลัพธ์​หลัก (Primary endpoint) แสดงให้เห็นว่าประสิทธิผลในการป้องกันอาการจาก Covid-19​ อยู่ที่ 76% (ช่วงความเชื่อมั่นอยู่ที่ 68% - 82%) หลังจากที่ได้รับวัคซีนทั้ง 2 เข็มเป็นเวลา 15 วันหรือหลังจากนั้น โดยที่ระยะห่างระหว่างวัคซีนทั้ง 2 เข็มอยู่ที่ 4 สัปดาห์ โดยที่ประสิทธิผลของวัคซีน​จะแตกต่างกัน ขึ้นกับอายุของผู้รับวัคซีนด้วย วัคซีนจะมีประสิทธิผล​อยู่ที่ 85% เมื่อฉีดให้ผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป (ช่วงความเชื่อมั่นอยู่ที่ 58% - 95%)
หน่วยบริการสุขภาพแห่งชาติ หรือ NHS ของอังกฤ​ษ​ก็ออกคำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน​ของแอสตราเซเนกาเอาไว้ว่าสามารถฉีดวัคซีน​เข็มที่ 2 ได้ในระยะเวลา 77 -​84 วัน หรือราวๆ 11-12 สัปดาห์ ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลที่รัฐบาลเนปาลได้รับจากผู้ผลิตวัคซีน
ทางฝั่งแคนาดาที่ได้รับผลกระทบเนื่องมาจากวัคซีน​มีไม่เพียงพอเช่นกัน คณะที่ปรึกษาด้านภูมิคุ้มกันแห่งแคนาดา Canada's National Advisory Committee on Immunization (NACI) ได้ออกประกาศวันเดียวกันกับที่อินเดียงดส่งออกวัคซีนว่า ทางคณะที่ปรึกษา​เห็นว่าเราสามารถเลื่อนระยะเวลาการฉีดวัคซีน​เข็มที่ 2 ออกไปได้ถึง 4 เดือนเพราะการฉีดวัคซีน​เข็มที่ 1 คือการสร้างภูมิคุ้มกัน​ ส่วนเข็มที่ 2 คือการกระตุ้นภูมิ และในช่วง 1-2 เดือนหลังจากฉีดเข็มแรกคือช่วงที่ภูมิคุ้มกันมีสูงที่สุด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรีบกระตุ้นภูมิ ดังนั้นการเลื่อนระยะเวลาฉีดออกไปน่าจะเป็นวิธีการที่ดีเหมือนกัน
แต่ทั้งนี้ NACI ก็ปิดท้ายว่า ทั้งหมดนี้เป็นข้อเสนอนะจ๊ะ ไม่ได้บังคับให้ทุกคนต้องทำตามจ๊ะ
ก็.... Take your own risk กันไปค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา