The Girl on the Train 2021
ถ้าจะเปรียบหนังเรื่องนี้เป็นอาหาร เราได้ลิ้มลองรสชาติแบบอาหารฝรั่งมาแล้ว(Emily Blunt แสดงนำ) คราวนี้ ลองมาลิ้มชิมรสแนวอินเดียบ้าง หลายคนอาจจะรีบคิดว่า มันจะสนุกเรอะ มา เรามาว่ากัน
ความได้เปรียบของหนังเรื่องนี้คือ นิยายเขียนมาดีมาก ขนาด Stephen King ยังชมว่า “หลอนดีหวะ” การวางเงื่อนงำ ที่คาดเดายาก ของ Paula Hawkins นักเขียนชาวอังกฤษที่ถูกยกระดับขึ้นมาเทียบ Gillian Flynn แห่ง Gone Girl ที่วางบทบาทสตรีที่ต้องตกมาเป็นเหยื่อ มาเป็นผู้ล่าบ้าง
หนังปูพื้นให้เราเห็น Mira หญิงผู้แหลกสลาย จากทนายดาวรุ่งที่จับมาเฟียเข้าคุก แต่ชีวิตหักเห ประสบอุบัติเหตุทางรถ ทำให้เธอเสียลูกที่อยู่ในท้อง แถมสมองเธอกระทบกระเทือนจนเกิดภาวะหลงลืมความจำในระยะสั้น จนเธอหันมาดื่มเหล้า จนติด สามีขอหย่า สุดท้าย สิ่งที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้ คือการนั่งรถไฟ มองสภาพความเป็นอยู่ของผู้คน จากสายตาของเธอที่เป็นผู้สังเกตการณ์ จนเธอไปโฟกัสอยู่กับสาวนางหนึ่ง ที่ดูมีชีวิตเปี่ยมสุข มีสามีที่น่ารัก และที่สำคัญคือ บ้านหลังนั้น เป็นบ้านหลังแรกที่เธอเคยใช้ชีวิตอยู่กับอดีตสามี เธอนั่งสังเกตการณ์ชีวิตของหญิงสาวอยู่บนขบวนรถไฟทุกวันจนมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น และสิ่งผิดปกตินี้ นำเธอเข้าจุดเลวร้ายที่สุดในชีวิต
ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ทำให้คิดถึงหนังระทึกขวัญคลาสสิก Rare Window 1954 ของ Alfred Hitchcock ที่ตัวเอกของเรื่อง (James Stewart) รับบทเป็นช่างภาพที่ขาหัก ต้องรักษาตัวอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ เขาคลายความเหงาด้วยการเฝ้าสังเกตเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พร้อมจินตนาการไปอย่างสนุกสนาน จนนำไปสู่การฆาตกรรมที่เราต้องมานั่งลุ้นกันตอนท้ายเรื่อง
ถึงแม้หนังจะสร้างได้ไม่เป๊ะเท่าหนังฝรั่ง แต่ความตั้งใจทุ่มเทของทีมงาน ทำให้หนังออกมาดูสนุก ถึงแม้ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นอินเดีย แต่หนังถ่ายทำที่ลอนดอน ใช้โลเคชั่นตามท้องเรื่องในนิยาย (เวอร์ชั่นฝรั่งใช้โลเคชั่นที่นิวยอร์ค) แต่ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกแปลกแยก ว่าตำรวจอินเดีย มาทำอะไรในลอนดอน เรียกว่าบทหนังทำให้เราอินกับเนื้อเรื่องจนไม่เกิดความรู้สึกต่างถิ่น ที่ผ่านมามีแต่นำเอาหนังจากประเทศอื่นๆมาดัดแปลงเป็นหนังฝรั่ง มาคราวนี้ดูหนังฝรั่งจับมาแปลงเป็นอินเดียบ้างครับ
T-talk ให้ 3ดาวครึ่ง ครับ
ชมได้ทาง Netflix ครับ