29 มี.ค. 2021 เวลา 11:41 • ความคิดเห็น
“วิชาตัวเบา” ที่นักเดินทางกระเป๋าลากพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้
เคยเจอคณะเด็กนักเรียนม.ต้น คงจะไปแคมป์กัน เดินลากกระเป๋าเดินทางกันเป็นแถว มองแล้วก็นึกว่า สมัยนี้เด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบ back pack กันแล้วสินะ
ในแง่หนึ่ง มันก็สะดวกดี โดยเฉพาะที่ประเทศนี้ที่มีทางลาดให้ลากกระเป๋าได้สบาย ๆ ทุกที่ มดเองถ้าเดินทางในยุโรป ก็ใช้กระเป๋าลากเหมือนกัน
ข้อเสียของกระเป๋าลากคือ เรามักใส่ของลงไปจนเกินความสามารถในการยกแบบสบาย ๆ เพราะมักใช้น้ำหนักในการลากเป็นตัววัด ดังนั้นเมื่อมีเหตุต้องยก ขึ้นรถไฟ ขึ้นบันได จึงต้องใช้แรงมากกว่าปกติจนแขนล้า
สำหรับมดเอง เมื่อครั้งเดินทางแบกเป้เที่ยวคนเดียวร่วมสองเดือนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว สอนการจัดกระเป๋าให้ฝังใจมาจนปัจจุบัน เป้ที่เราต้องใช้มีใบใหญ่ใบเดียวที่อยู่ติดหลัง จะเอาอะไรไปบ้างที่จะครอบคลุมทุกอย่างในการเดินทางสองเดือน
อะไรที่จำเป็น อะไรที่หาซื้อเอาได้ อะไรที่เผื่อเหลือเผื่อขาด อะไรที่ใช้แล้วหมดไป อะไรที่ทิ้งได้ระหว่างทาง ฯ
มดคิดเยอะมากในการจัดกระเป๋าครั้งนั้น ด้วยข้อจำกัดของขนาดกระเป๋า และน้ำหนักที่เราพอจะแบกและเดินทางไกลในบางครั้งได้ไหว ทำให้มดต้องตัดของออกไปเกินครึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเดินทางจริงจึงพบว่า ยังสามารถตัดออกได้อีก
ประสบการณ์แบกเป้ในครั้งนั้น ติดตรึงอยู่ในใจและหลอมให้มดเป็นคน "เบา" ในการใช้ชีวิต จะไปไหนใกล้หรือไกล จะไม่แบกอะไรเกินความจำเป็น แม้ทุกวันนี้มีลูกก็ไม่เคยต้องพะรุงพะรังกับข้าวของลูก
ดังนั้นเวลาเห็นเด็กวัยรุ่นหันมาใช้กระเป๋าลากกันมากขึ้น แม้จะเรียกตัวเองว่า backpacker แต่ถ้าพลาดประสบการณ์การจัดกระเป๋า แล้วยกมันขึ้นหลังเพื่อเดินทางรอนแรมไป ก็พลาดหัวใจสำคัญในการปลด การละ หัวใจของวิชา "ตัวเบา" ไปอย่างน่าเสียดาย
1
นั่งเขียนเรื่องนี้ก็นึกไปถึงละครย้อนยุคสมัยก่อน ผู้คนเวลาจะเดินทางรอนแรม มีเพียงห่อผ้าสะพายไหล่ไปเท่านั้น สมบัตินอกกายไม่ได้พะรุงพะรังมากมายอย่างทุกวันนี้เลย บางทีความเจริญ ความศิวิไลซ์ก็คือกับดักกลลวงที่ทำให้เราแบกทุกสิ่งทุกอย่างจนล้าโดยไม่รู้ตัว
1
🙏❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา