Blockdit Logo (Mobile)
อยากเล่า
•
30 มี.ค. 2021 เวลา 04:54 • ปรัชญา
SMART GOAL คืออะไร
Goal Setting Strategy - SMART GOAL เป็นเครื่องมือที่ยังคงได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีการตั้งเป้าหมายเพื่อประสบความสำเร็จที่เข้าใจง่ายและใช้ได้จริง วันนี้เลยอยากชวนทุกคนลองมาตั้ง Smart Goal เพื่อตั้งเป้าหมายให้ชีวิตกันดูสักครั้งค่ะ โดยเริ่มจากสิ่งง่ายๆ และเรื่องเล็กน้อยก่อน ซึ่งการตั้งเป้าหมายแบบนี้จะสามารถให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะมันจะมีตั้งแต่การเลือกเป้าหมายให้เหมาะกับตัวเอง สามารถวัดผลได้ แล้วก็เช็คได้ว่าเป้าหมายเรามีความเป็นไปได้มากแค่ไหน และสามารถทำได้จริงหรือเปล่า สุดท้ายเป็นเรื่องของระยะเวลานั่นเอง ซึ่งหลักของ SMART GOAL นั้น มีรายละเอียดไล่ไปตามตัวอักษรแต่ละตัว อะไร ยังไง กันบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
S -Specific ความเฉพาะเจาะจง (simple, sensible, significant)
เริ่มแรกเลยคือการตั้งเป้าหมายที่เจาะจง หรือเป็นแบบเฉพาะลงรายละเอียดลงไปเลย โดยการระบุถึงสิ่งที่จะทำและผลของมันอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่ตั้งผิวเผินอย่างการจะตั้งใจทำงานเท่านั้น แต่ควรเป็นสิ่งที่ลงรายละเอียดได้ เพราะยิ่งเป้าหมายของเราความจำเพาะเจาะจงมากลงไปเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น อย่างเช่น ปีนี้จะทำเรื่องขอเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการให้ได้ หรือจะเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เกี่ยวกับงานก็ได้อย่างเรื่องการจัดการอารมณ์ของตัวเอง เช่น ปีนี้จะใจเย็นและโกรธให้น้อยลง ซึ่งผลชี้วัดหรือหนทางอาจจะเป็นถ้าเรารู้สึกโกรธ ก็จะนับ 1 - 10 ก่อนทุกครั้งนั่นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วเราควรตั้งเป้าหมายให้ตัวเองครอบคลุมทุกอย่างในชีวิตคือ ด้านการเงิน ด้านการงาน ด้านความสัมพันธ์ ด้านตัวเอง Self Care ด้านสุขภาพ และสุดท้ายคือด้านการพัฒนาตัวเองค่ะ โดยเริ่มจากเป้าหมายเล็กน้อย แล้วค่อยขยับขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อเรารู้สึกภูมิใจทุกครั้งเมื่อทำเป้าหมายนั้นได้สำเร็จ
M - Measurable ตรวจวัดได้ (meaningful, motivating)
เมื่อเรารู้แล้วว่าเป้าหมายของเรามีอะไรบ้าง และหนทางไปสู่เป้าหมายเหล่านั้นคืออะไร สิ่งต่อมาที่ขาดไม่ได้เลยคือ การวัดผลความคืบหน้าของเรื่องนั้น ๆ ซึ่งการที่ต้องมีเครื่องมือวัดผลก็เป็นเพราะว่า เราจะได้รู้ว่าเมื่อไรที่เราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ถึงเป้าหมายและประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นเราจะได้สร้างเป้าหมายต่อไป ขอเสริมอีกนิดว่าทางที่ดี ควรซอยย่อยแผนที่ตั้งไว้แล้วค่อยๆ ทำมันไปทีละนิด วัดผลไปทีละอัน เริ่มจากความสำเร็จเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปในเป้าหมายใหญ่ๆ ได้อย่างมีความสุข
A - Attainable ทำได้จริง (agreed, achievable)
อีกหนึ่งสิ่งที่ควรระวังเลยก็คือ การตั้งเป้าหมายให้มีความเป็นไปได้ เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่การวาดฝันและ ไม่ไกลเกินตัวไป เช่น เรามีรายได้เดือนละ 30,000 บาท แต่อยากตั้งเป้าว่าภายใน 3 เดือนจะเก็บเงินให้ได้ 1 ล้าน แบบนี้มันก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ยากหรือไม่มีทางเป็นไปได้เลย ซึ่งการตั้งเป้าหมายที่ดีนั้น ต้องดูว่าทรัพยากรและเวลาที่เรามีอยู่นั้น มีความสอดคล้องและเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลยคือ ความมุ่งมั่น ความพยายามที่จะทำให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายได้มากน้อยขนาดไหน เพราะการตั้งอะไรที่มันเกินตัวมากไป เมื่อถึงเวลาแล้วมันไม่ได้เป็นไปตามแบบที่เราคาดหวัง จะยิ่งทำให้เราผิดหวังและหมดกำลังใจในการจะทำสิ่งอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต
R – Relevant ทบทวนว่าสิ่งนั้น ‘ใช่’ จริง ๆ หรือไม่ (realistic, reasonable, results-based)
เมื่อเราวางทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ อย่าลืมถามตัวเองว่าเป้าหมายที่ตั้งมาทั้งหมดนั้น มันเกี่ยวข้องกับเราจริง ๆ มีความเป็นไปได้จริงหรือเปล่า เราทำไปเพื่ออะไร ไม่ใช่การตั้งเป้าหมายไว้สำหรับคนอื่น เช่น ไปตั้งเป้าหมายว่าเพื่อนจะต้องลดน้ำหนัก หรือน้องจะต้องมีเงินเก็บเท่านั้นเท่านี้ เพราะการที่เราตั้งเป้าหมายนั้น มันต้องเกี่ยวข้องและเป็นเรื่องสำหรับตัวเอง นอกจากนี้ต้องถามตัวเองให้ได้ว่า ทำไมถึงอยากทำมันให้ทำเสร็จ ทำไปเพื่ออะไร และมันคือสิ่งที่ใช่จริง ๆ หรือไม่ ถ้า สามารถตอบตัวเองได้แล้วละก็ลุยกับเป้าหมายได้เลย
T -Timely มีการกำหนดเวลา (time-limited, time/cost limited, time-sensitive)
สุดท้ายนี้การตั้งเป้าหมาย หรือการทำอะไรสักอย่างทางที่ดีที่สุด คือหนีไม่พ้นเรื่องของกำหนดเวลาที่ต้องมีให้กับมัน โดยเราจะต้องตอบคำถามได้ว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้นี้จะต้องประสบความสำเร็จเมื่อไหร่ เพราะหากเราไม่กำหนดเวลาเราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า วันเวลาไหนจะต้องทำอะไร และจะไม่รู้สึกว่าต้องเร่งด่วนในการทำ บางคนอาจถึงขั้นไม่มีแรงจูงใจในการทำเลยด้วยซ้ำนะคะ ดังนั้นการตั้งเป้าหมายที่ดีจะต้องมีระบุระยะเวลาที่ชัดเจน ซึ่งจะต้องไม่ยาวนานจนเกินไป และจะต้องไม่รวดเร็วจนเกินไปเช่นกันค่ะ และอย่าลืมว่าเมื่อไรก็ตามที่เป้าหมายเราสำเร็จ อย่าลืมที่จะให้รางวัลตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อทำให้ตัวเองมีกำลังใจในการจะทำเป้าหมายต่อไปนั่นเอง
หลายคนอาจจะมองว่าการตั้งเป้าหมายในปีใหม่หรือการทบทวนบทเรียนจากปีก่อนหน้า เป็นสิ่งที่เราควรทำในสัปดาห์สุดท้ายปลายปีหรือสัปดาห์แรกต้นปีเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราควรมีการวัดและประเมินผล การทำตามเป้าหมายของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ตอบโจทย์กับสิ่งที่เราต้องการหรือไม่ หรือเราควรปรับปรุงแก้ไขย่างไรบ้าง นอกจากนี้ เราทุกคนก็มีโอกาสและสามารถที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ให้กับตัวเองได้อยู่เรื่อย ๆ ลองดูนะคะ แต่อย่าลืมว่าเมื่อไรก็ตามที่เป้าหมายเราทำไม่สำเร็จ สิ่งสำคัญคือ ห้ามต่อว่า และดูถูกตัวเอง แต่ขอให้ลุกขึ้นมาทำมันให้สำเร็จ สู้ ๆ นะคะ ^^
โฆษณา