30 มี.ค. 2021 เวลา 21:45 • ประวัติศาสตร์
สำหรับผู้เป็น คริสเตียน นิกายโปรแตสแตนท์ แบบผมทุกคนครับ สัปดาห์นี้คือสัปดาห์สุดประเสริฐ ทุกสิ่งคือพระพร และพระคุณจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้า
อธิฐานในนามแห่งองค์พระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
🙏♥️🙏♥️🙏♥️
สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์(Holy Week)
โดย ศจ.ดร.ศิริรัตน์ ปุสุรินทร์คำ 28/3/2021
สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้อาจเรียกว่าสัปดาห์ทนทุกข์ให้เราอ่านจากพระธรรมมัทธิว 21-27 เป็นกุญแจช่วงสัปดาห์สุดท้ายของพระเยซูคริสต์
วันอาทิตย์อ่านมัทธิว 21:1-11 พระเยซูเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต
สุดยอดแห่งชีวิตคริสตชนสัปดาห์นี้มีเหตุการณ์สำคัญเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนวันที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายคือวันอีสเตอร์ (Easter)โดยมีเหตุการณ์สำคัญเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ทางตาล(Palm Sunday)หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Triumphanal Entry” หมายถึงพระเยซูทรงดำเนินเข้าสู่เยรูซาเล็มเยี่ยงผู้พิชิต ทรงลา ทรงลูกลา เข้าไปในกรุงเยรูซาเล็ม ประชาชนต่างนำกิ่งปาล์มหรือกิ่งตาล บางคนก็นำเสื้อผ้าของตนปูลาดลงบนพื้นให้พระองค์เสด็จผ่านไป ฝูงชนต่างพากันโห่ร้องสรรเสริญ ประชาชนนำใบปาล์มและใบตาลมาโบกต้อนรับการเข้ากรุงเยรูซาเล็มเหมือนกับเป็นกษัตริย์ประชาชนต่างร้องโฮซันนาแปลว่า ”ขอโปรดมาช่วยเดี๋ยวนี้” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสองพันกว่าปีผ่านมาแล้วในวันนั้นมีคนมากมายมาต้อนรับพระองค์ จากมัทธิว 21:9 ฝ่ายฝูงชนซึ่งเดินไปข้างหน้ากับผู้ที่ตามมาข้างหลังก็พร้อมกันโห่ร้องว่า ”โฮซันนาแก่ราชโอรสของดาวิด ขอให้ท่านผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงพระเจริญโฮซันนาในที่สูงสุด” คำว่า”โฮซันนา”(Hosanna)เป็นภาษาฮีบรูมีความหมายคือ “พระเจ้าขอทรงช่วยเราให้รอด” ชนชาติอิสราเอลใช้คำว่า”โฮซันนา” เพื่อร้องขอการช่วยกู้ให้รอด ซึ่งเล็งถึงพระเมสิยาห์หรือพระผู้ไถ่นั่นเอง เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มคนเหล่านั้นเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ที่มาเพื่อช่วยพวกเขาให้รอด ปลดปล่อยจากโรม และยกชนชาติอิสราเอลขึ้นตามพันธสัญญาที่พระเจ้าได้ตรัสไว้ แต่ที่แท้จริงพระเยซูคริสต์กำลังจะเข้าไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อปลดปล่อยพวกเขาออกจากความผิดบาป พระเยซูคือกษัตริย์ที่มาปลดปล่อยเราจากความทุกข์ จากความผิดบาปและประทานชัยชนะเหนือความบาปให้แก่ผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์
วันจันทร์อ่านมัทธิว 21:12-46 พระเยซูทรงชำระพระวิหาร พระเยซูทรงสาปต้นมะเดื่อ เกิดปัญหาเรื่องสิทธิอำนาจของพระเยซู คำอุปมาเรื่องบุตรสองคน และคำอุปมาเรื่องสวนองุ่นและคนเช่า
วันอังคารมีข้อสงสัยว่าใครเป็นผู้ให้สิทธิอำนาจแก่พระเยซู พระเยซูทรงสอนในพระวิหาร และพระเยซูทรงรับการชโลมที่เบธานี
วันอังคารอ่านมัทธิว 23-25 พระเยซูโต้แย้งกับผู้นำศาสนา
วันพุธ อ่านมัทธิว 26:14-16 การวางแผนร้าย ยูดาสตกลงอายัดพระเยซู
วันพฤหัสบดี(Maunday Thursday)อ่านมัทธิว 26:17-75 พระเยซูทรงประทานปัสกาการเลี้ยงอาหารมื้อสุดท้ายกับสาวก(Last Supper)ที่ห้องชั้นบน เมื่อรับประทานแล้วทรงตั้งมหาสนิทโดยให้สาวกรับประทานขนมปังและน้ำองุ่น(Lord’s Supper)เป็นเครื่องหมายถึงพระกายและพระโลหิตของพระองค์ พระเยซูให้กำลังใจสาวก หลังจากนั้นพระเยซูกับเหล่าสาวกไปอธิษฐานในสวนเกทเสมเนทั้งคืน วันนี้ให้มีการสาธิตการกินปัสกาคือขนมปังไร้เชื้อ ผักขม ผลไม้บด น้ำเค็ม และมีการรับประทานมหาสนิท
วันศุกร์ประเสริฐ(Good Friday)อ่านมัทธิว 27 พระเยซูทรงถูกทหารจับ ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการถูกตรึงบนไม้กางเขน ถูกทรมาน ถูกเยาะเย้ย และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ที่พระองค์ทรงแบกกางเขนออกจากกรุงเยรูซาเล็มไปถูกตรึงกางเขนที่ภูเขากลโกธาตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึงเวลาบ่าย 3โมง กลโกธาซึ่งแปลว่า ”กระโหลกศีรษะ” พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนที่แห่งนี้ตรงตามพระคัมภีร์เพราะภูเขาลูกนี้มีรูปร่างลักษณะเหมือนกับกระโหลกศีรษะของมนุษย์ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีลูกตาสองข้างและยังมีจมูกอีกด้วย กลโกธานั้นอยู่ไม่ไกลจากกรุงเยรูซาเล็มเป็นที่ประหารนักโทษอุจกรรจ์ เขามีจุดประสงค์ให้ฝูงชนได้เห็นเพื่อประจานให้ประชาชนดูการลงโทษนี้ ที่นี่ยังมีอุโมงค์ซึ่งเจาะลึกเข้าไปตรงกับการบันทึกในยอห์น 19:41-42”สถานที่ซึ่งพระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนนั้นมีสวนแห่งหนึ่งและในสวนนั้นมีอุโมงค์ฝังศพใหม่ที่ยังไม่เคยฝังใครมาก่อน เนื่องจากวันนั้นเป็นวันเตรียมของพวกยิวและอุโมงค์ก็อยู่ใกล้ๆ เขาจึงวางพระศพพระเยซูไว้ที่นั่น” โดยอุโมงค์เป็นของโยเซฟชาวอริมาเธีย “หลังจากนั้นโยเซฟชาวอริมาเธียซึ่งเป็นสาวกลับๆของพระเยซู เนื่งจากกลัวพวกยิวจะมาขอพระศพพระเยซูจากปีลาตและปีลาตก็อนุญาต โยเซฟจึงมาอัญเชิญพระศพของพระองค์ไป” (ยอห์น 19:38) อุโมงค์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เขาได้เจาะลงไปในหินที่เชิงเขา ลักษณะอุโมงค์มีรูปแบบเป็นของชาวยิวที่มีฐานะมั่นคงร่ำรวยเพราะภายในมีถึง 2 ส่วนเมื่อลอดประตูเข้าไปส่วนแรกเป็นบริเวณสำหรับให้ผู้ร้องไห้โศกเศร้าเสียใจอยู่เพื่อพบปะกัน ส่วนที่ 2 เป็นห้องที่เจาะลงไปในหินมีลักษณะเป็นแท่นสำหรับวางพระศพให้เรา ใคร่ครวญเพลง “กลโกธา”
“ข้าได้เข้าไปถึงที่กลโกธา
โดยได้แบกเอาความผิดบาปของข้า
ที่นั่นข้าสำนึกว่าโลกนี้หมดหวัง
จนได้พบทางแห่งกลโกรธา
ที่กลโกธาข้ายินเสียงอ้อนวอน
ได้เห็นพระพักตร์เต็มด้วยความเมตตาที่
ที่นั่นเป็นที่พ้นภัยให้แก่คนบาป
ข้าจึงเข้าไปด้วยน้ำตานองหน้า
ที่นั่นข้าได้พบความรักของพระองค์
รับทุกข์ทรมานเต็มด้วยบาดแผล
ลำธารแห่งความกรุณาชำระข้า
ภาระหนักบาปผิดก็หลุดสิ้นไป
แน่นอนพระองค์รับความเจ็บปวดแทนข้า
เจ้างูร้ายก็หมดอำนาจของมัน
ความสันติสุขหลั่งไหลเข้าในใจข้า
ข้าจึงสรรเสริญพระองค์เป็นนิตย์”
วันศุกร์ประเสริฐจึงเป็นวันพระตาย สมาชิกที่โบสถ์แต่งกายชุดสีดำไว้ทุกข์แสดงความเศร้าโศกเสียใจ อดอาหาร คริสเตียนร่วมใจระลึกถึงทุกสิ่งที่พระเยซูกำลังทำ พระเยซูทำงานจวบจนวาระสุดท้ายบนไม้กางเขน
“เหตุฉะนั้นพระเยซูก็ได้ทรงทนทุกข์ทรมานภายนอกประตูนครเช่นเดียวกัน เพื่อทรงชำระประชาชนให้บริสุทธิ์ด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง”(ฮีบรู 13:12)
จัดนมัสการพระเจ้าตอนบ่ายสามโมงใคร่ครวญเจ็ดวาทะบนไม้กางเขน(The Seven Last Words of Jesus on the Cross)
0. โอพระบิดาขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร(ลูกา 23:24)
0. เราบอกความจริงแก่เจ้าว่าวันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม(ลูกา 23:43)
0. หญิงเอ๋ยจงดูบุตรของท่านเถิดจงดูมารดาของท่านเถิด(ยอห์น 19:26-27)
0. เอลี เอลี สบักธานี พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทิ้งข้าพระองค์เสีย(มัทธิว 27:46)
0. เรากระหายน้ำ(ยอห์น 19:28)
0. สำเร็จแล้ว(ยอห์น 19:30)
0. พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์(ลูกา 23:46) เราระลึกถึงพระเยซูถูกจับกุมและถูกพิจารณาคดี ช่วง 24 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนที่พระเยซูจะสิ้นพระชนม์เป็นช่วงเวลาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ในช่วงเวลานั้นเราได้รู้ว่าพระเยซูทรงอธิษฐานเผื่อเราในสวนเกทเสมเน ช่วงเป็นเวลาของความรักอัศจรรย์ที่สุดเพราะเราไม่ว่าเราจะเป็นคริสเตียนมานานเท่าใดความยิ่งใหญ่ของการตายอันล้ำค่าของพระเจ้าก็ไม่มีวันที่จะลดน้อย หรือจืดจางลงได้เลย การตรึงและการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนที่กลโกธา แต่พระกิตติคุณไม่อาจขาดเรื่องกางเขนได้โดยเด็ดขาด เพราะถ้าไม่มีกางเขนนั้นแล้วก็ไม่มีพระกิตติคุณ แน่นอนในฐานะคริสเตียน เราทุกคนควรสำแดงกางเขนให้เห็นในชีวิตเราในฐานะผู้ตายแล้วกับพระคริสต์และเป็นขึ้นมาร่วมกับพระองค์ เพื่อรับใช้พระองค์ด้วยความถ่อมใจด้วยความถ่อมใจ และการฝังพระศพของพระเยซูที่อุโมงค์ในสวน
พระเยซูคริสต์ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนสิ้นพระชนม์และทรงถูกบรรจุไว้ในอุโมงค์
มนุษย์ทำบาป(โรม 3:23) แต่พระเจ้าทรงรักมนุษย์จึงส่งพระคริสต์ลงมา(ยอห์น 3:16) วันศุกร์ประเสริฐ จึงเป็นวันที่พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อคนบาปอย่างเรา( 1 เปโตร 3:18)
วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์(Holy Saturday)เป็นวันเงียบ แต่งกายสีดำใช้เวลาอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์ อยู่อย่างสงบในบ้าน เตรียมดอกไม้สำหรับไปเยี่ยมหลุมศพบรรพชนแห่งความเชื่อ
ตลอดสัปดาห์แห่งการทนทุกข์ของพระเยซูคริสต์ให้ปฏิบัติดังนี้
1.สำรวมใจ ภาวนาใคร่ครวญในความเงียบระลึกถึงการทนทุกข์ของพระเยซูคริสต์โดยอ่านจากพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม(มัทธิว มาระโก ลูกาและยอห์น)
2.สำรวจ สำนึกผิดและสารภาพผิด ที่ได้กระทำทั้งในความคิด คำพูดและการกระทำที่เป็นเหตุให้พระองค์ต้องทนทุกข์และสิ้นพระชนม์
3.สงบนิ่งจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า ยอมให้พระองค์สร้างจิตใจและสร้างชีวิตใหม่ เพื่อที่จะเป็นขึ้นมาพร้อมกับพระเยซูคริสต์ในวันอีสเตอร์โดยเป็นคนใหม่โดยพระองค์
วันอาทิตย์เป็นวันอีสเตอร์ (Easter Sunday)หลายคนรู้จักวันนี้ แต่อาจจะรู้จักไม่มากเท่าวันคริสตมาสหรือวันวาเลนไทน์เป็นวันประวัติศาสตร์โลกไม่ใช่วันสำคัญเฉพาะคริสต์ชนเพราะการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูและการเป็นขึ้นจากความตายของพระองค์นั้นเป็นไปเพื่อคนทั้งโลก ทุกชนชาติ ทุกศาสนาทุกยุคทุกสมัย คืนพระชนม์ของพระเยซูเพราะว่าพระองค์ไม่ใช่แค่ร่างที่สลบแล้วฟื้นขึ้นมา แต่สิ้นพระชนม์แล้วจริงๆแล้วเป็นขึ้นมาใหม่ คำว่าเป็นขึ้นมาใหม่มีปรากฏถึง79ครั้ง เป็นขึ้นมาจากความตาย เป็นขึ้นมาสู่ชีวิต เป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย ล้วนแต่มีความหมายของการทิ้งสภาพชีวิตเก่าอย่างสิ้นเชิงแล้วแทนที่ด้วยชีวิตบริสุทธิ์ใหม่ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือที่บัญญัติคำศัพท์นี้ไว้ให้เราชัดเจน และพระกายนี้คือกายทิพย์เป็นต้นแบบที่เราจะได้รับเช่นกัน เมื่อพระองค์เสด็จกลับมารับเราอีก ตัวอย่างในโรม 10:9 “คือว่าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและเชื่อในจิตใจของท่านว่าพระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตายท่านจะรอด” และใน 1โครินธ์ 15:3-4 “เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์และทรงถูกฝังไว้แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น” และมีเหตุการณ์บันทึกว่าพระองค์เป็นขึ้นมาแล้วมีอุโมงค์ว่างเปล่า มารีย์ชาวมักดาลาพบพระเยซูในสวน หลังจากนั้นมีบันทึกในพระคัมภีร์พระเยซูทรงปรากฏกับสาวก 2 คน ระหว่างทางไปเอมมาอูส และพระเยซูทรงปรากฏกับสาวก 11 คน
โฆษณา