1 เม.ย. 2021 เวลา 10:13 • ประวัติศาสตร์
นาฬิกาดำน้ำของ Seiko เป็นหนึ่งในซีรี่ย์สที่สร้างชื่อเสียง และเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นนี้ เรามาไล่เรียงเล่าประวัติความเป็นมา และไล่ลำดับแต่ละรุ่นของนาฬิกาดำน้ำ Seiko กัน
1
ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960s Seiko ได้มีการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆมาอย่างมากมายต่อเนื่อง
เริ่มตั้งแต่ได้เริ่มเปิดตัว Grand Seiko นาฬิกากลไกความเที่ยงตรงสูง
ต่อมาในปี 1964 ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่ญี่ปุ่น Seiko ก็มีบทบาทเป็นนาฬิกาจับเวลาอย่างเป็นทางการในการแข่งขัน และในปีเดียวกัน Seiko ได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือจับเวลาแบบไขลานรุ่นแรก
เดือนมีนาคม 1969 ก็เปิดตัวนาฬิกาจับเวลาระบบกลไกอัตโนมัติรุ่นแรกในตลาดญี่ปุ่น
และที่เป็นที่กล่าวขวัญมากที่สุดในโลก และเปลี่ยนแปลงวงการนาฬิกาไปตลอดกาล คือ ในเดือนธันวาคม 1969 Seiko ได้เปิดตัว Seiko Quartz Astron นาฬิการะบบควอทซ์รุ่นแรกของโลก (อ่านเรื่องนาฬิกาควอทซ์ได้ที่นี่ https://www.blockdit.com/posts/5ffbeb7821142f0cc95f3b61)
ย้อนไปเล็กน้อยในช่วงทศวรรษที่ 1950s/1960s แบรนด์ดังในสวิสต่างก็แข่งกันทำนาฬิกาดำน้ำที่ดีที่สุดกันอย่างมาก และ Seiko ก็ต้องการกระโดดเข้าร่วมด้วยเช่นกัน
ดังนั้นในปี 1965 เพียง 1 ปีหลังจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิคที่ญี่ปุ่น Seiko ได้เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกออกมาในชื่อรุ่น 62MAS-010 มาในตัวเรือนขนาด 38 mm water resistant 150 เมตร (492 ฟุต) มีขอบ bezel ที่หมุนในสองทิศทางเพื่อจับเวลาในขณะดำน้ำ เดินเครื่องด้วยกลไกระบบอัตโนมัติความถี่ 18,000 bph
Seiko Diver’s 150M 62MAS-010 นาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของ Seiko ที่ผลิตออกมาในปี 1965 รูปจาก https://strapsco.com/the-history-of-seiko-dive-watches/
ถึงแม้ว่าในช่วงกลางทศวรรษที่ 1960s ตลาดนาฬิกาดำน้ำในญี่ปุ่นยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่ Seiko ก็ยังพัฒนานาฬิกาแนวดำน้ำอยู่ตลอด และเพียง 2 ปีหลังจากเปิดตัวรุ่นแรก ก็สามารถเพิ่มความสามารถในการดำน้ำได้เป็น 2 เท่า ในรุ่น Seiko Diver's 300M (6215-010) และมีการออกแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์จนถึงทุกวันนี้ด้วยการขยับเม็ดมะยมมาที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา และมีหลักชั่วโมงเป็นจุดวงกลม
Seiko Diver's 300M (6215-010) มีการปรับรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์มากขึ้น รูปจาก http://www.audemarspiguetreview.com/the-history-of-the-seiko-tuna-the-deep-sea-fish/
และเพียง 1 ปีต่อจากนั้น ในปี 1968 Seiko ได้เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำรุ่นใหม่ในรหัส 6159-7001 ที่พัฒนากลไกเป็นแบบ hi-beat เดินด้วยความถี่ 36,000 bph หรือ 10 Hz เหมือนที่ใช้ใน Grand Seiko ทำให้มีความเที่ยงตรงแม่นยำมากขึ้น
ในช่วงปีนั้น Seiko ได้รับจดหมายจากนักดำน้ำมืออาชีพในฮิโรชิม่าว่า การดำน้ำที่ความลึกเกิน 300 เมตร ในแคปซูลดำน้ำและเทคนิคการดำน้ำแบบอิ่มตัว (Saturation diving technique) ทำให้นาฬิกาส่วนใหญ่เสียหาย จากก๊าซ Helium ที่มีการขยายตัวมากขึ้น ดันจนกระจกหน้าปัดแตกออกเสียหาย
ในช่วงนั้นทางฝั่งนาฬิกาสวิสก็มีการพัฒนานาฬิกาดำน้ำของตนให้สามารถกันน้ำได้ลึกขึ้น และแก้ปัญหาก๊าซ Helium ที่เข้าไปในช่วงดำน้ำลึก ด้วยการทำ Helium valve เพื่อระบายก๊าซออก ลดแรงดันภายในนาฬิกาขณะที่ขึ้นสู่ระดับที่ตื้นมากขึ้น
แต่ทางทีมพัฒนา R&D ของ Seiko นำโดยคุณ Ikuo Tokunaga ไม่ได้ทำแบบนั้น ทางทีมของ Seiko ได้พัฒนาการป้องกันก๊าซ Helium ให้ไม่สามารถผ่านเข้ามาในนาฬิกาได้ขณะที่อยู่ในระดับที่ลึกมากขึ้น ซึ่งสามารถลดปริมาณก๊าซ Helium ลงได้ถึง 100 เท่าจากเดิม ด้วยการออกแบบเคสนาฬิกาแบบใหม่ทั้งหมด เป็นต้นกำเนิดของนาฬิกา Seiko Tuna ที่ไม่ได้มีฝาเปิดด้านหลังเหมือนนาฬิกาอื่นๆทั่วๆไป ซึ่งกว่าทีมพัฒนาของ Seiko จะคิดค้นและเปิดตัว Seiko Tuna รุ่นแรกได้นั้น ก็ใช้เวลาพัฒนานานกว่า 7 ปี
ในปี 1975 Seiko ได้เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำลึก 600 เมตรรุ่นแรก ในรหัส 6159-7010 เคสทำจาก Titanium เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแกร่ง ใส่กลไก Hi-beat ระดับสูง ความถี่ 36,000 bph (10 Hz) เข็มเดินเรียบเนียนและมีความเที่ยงตรงสูง และเป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมสายยางเพื่อความสะดวกในการสวมใส่บน wet suit ดำน้ำ
Seiko Tuna รุ่นนี้ได้จดสิทธิบัตรมากกว่า 20 ฉบับในความเป็นครั้งแรกในโลก
เปิดตัวราคาที่สูงถึง 89,000 เยน
Seiko Tuna 600 m 6159-7010 รูปจาก http://www.uniquewatchguide.com/seiko-dive-watches.html
ที่นาฬิการุ่นนี้ได้ชื่อเล่นว่า Tuna เนื่องจากว่า มีการเปิดเครื่องจากทางด้านหน้า เหมือนปลากระป๋องทูน่า ต่างจากนาฬิกาทั่วๆไปที่เปิดจากฝาหลัง นับเป็นการออกแบบที่ฉีกการออกแบบนาฬิกาแบบดั้งเดิมไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่แค่กันน้ำเข้า ยังป้องกัน 'ก๊าซ' เข้าไปข้างในได้อีกด้วย
โดย Seiko Tuna ตัวนี้ มาในขนาดที่ใหญ่มาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 51 mm เป็นการออกแบบนาฬิกาเพื่อจุดประสงค์ที่เฉพาะทางมาก
3 ปีต่อมา ในปี 1978 Tuna กระป๋องก็ได้ใส่ขุมพลังควอทซ์เข้าไปแทนที่กลไกเดิม ในรหัส 7549-7009 ประกอบในเคส Nitride plated titanium (TiN - Tinite) และมีการเคลือบผิวป้องกันรอยขีดข่วนด้วยผง titanium อีกชั้นหนึ่ง แล้วด้วยว่าวัสดุที่ใช้ทำเคสนี้ มีสีออกจะเป็นสีทอง ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบได้ตั้งชื่อเล่นในภายหลังว่า 'Golden Tuna' โดยมีขนาดตัวเรือนที่เล็กลงกว่ารุ่นพี่เล็กน้อยที่ขนาด 48 mm
Golden Tuna 7549-7009 รูปจาก http://www.audemarspiguetreview.com/the-history-of-the-seiko-tuna-the-deep-sea-fish/
Golden Tuna 7549-7009 รูปจาก https://www.jamesbondlifestyle.com/product/seiko-7549-7009-golden-tuna-600m-professional-quartz-diver
อีกหนึ่งภาพจำหนึ่งที่ทำให้ Seiko Golden Tuna 7549-7009 รุ่นนี้โด่งดังมากขึ้น คือ นาฬิการุ่นนี้ได้ไปปรากฏบนข้อมือของ James Bond ที่แสดงโดย Roger Moore ในภาค For Your Eyes Only (1981) แต่ก็ไม่ได้ถือเป็นนาฬิกา 007 ที่เป็น iconic ของภาคนี้
James Bond ที่แสดงโดย Roger Moore ใส่นาฬิกา Golden Tuna ในเรือดำน้ำ ในภาค For Your Eyes Only (1981) รูปจาก https://www.jamesbondlifestyle.com/product/seiko-7549-7009-golden-tuna-600m-professional-quartz-diver
ในต้นปี 1986 Seiko ได้ปรับปรุง Tuna ให้สามารถกันน้ำได้ลึกขึ้น ถึงระดับ 1,000 m และอัพเกรดเครื่องภายในเป็นเครื่องควอทซ์รหัส 7C46 รับประกันแบตเตอรี่อายุยาวนานถึง 5 ปี ในรหัสรุ่น SBDS018 (7C46-7009)
Seiko ได้พัฒนานาฬิกากระป๋องทูน่านี้อย่างต่อเนื่อง มาในรุ่น SSBS018 และอีกรุ่นที่เป็นที่กล่าวขวัญกันคือรุ่น SBBN011 หรือที่เรียกกันว่า 'Darth Tuna' ตัวเคสยังเป็น Nitride coating Titanium อยู่ แต่มาคราวนี้ไม่ได้มีสีทองเหมือนรุ่นพี่แล้ว แต่ได้รับการเคลือบผิวเแบบ DLC-coated titanium (Diamond like coating) ทำให้มีสีดำสนิท แล้วเคลือบอีกชั้นด้วยเซรามิค
Seiko Darth Tuna Ref. SBBN011 รูปจาก http://www.audemarspiguetreview.com/the-history-of-the-seiko-tuna-the-deep-sea-fish/
ย้อนกลับไปเล็กน้อยในปี 1976 Seiko ได้เปิดตัวอีกซี่รี่ย์สหนึ่งของนาฬิกาดำน้ำ ที่ต่างจากตัวระดับมืออาชีพ ในรหัส 6309-704x ในราคาที่ย่อมเยากว่า และระดับการกันน้ำน้อยกว่าที่ 150 เมตร ตัวเรือนขนาด 45 mm ใส่กลไกอัตโนมัติ 6309 มีหน้าต่างวันและวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา เม็ดมะยมที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา กระจกหน้าปัดเป็น hardlex crystal ขอบ bezel หมุนได้สองทิศทาง และด้วยที่ขอบตัวเรือนโค้งคล้ายหลังเต่า ทำให้ Seiko รุ่นนี้มีชื่อเล่นที่ใช้เรียกกันว่า 'Turtle'
Seiko Turtle 6309-7040 รูปจาก https://manofmany.com/fashion/watches/seiko-turtle-prospex-divers-watch-history
Seiko Turtle มีหน้าปัดที่ผลิตออกมาอยู่ 2 แบบ คือ Suwa และ non-Suwa โดยในตัวอักษร 'S' แทนคำว่า Suwa รุ่นที่มี Suwa dial จะผลิตที่โรงงาน Seiko Suwa ในญี่ปุ่น ในช่วงปี 1976-1980 โดยมีสัญลักษณ์ตัว 'S' อยู่ใต้ตัวเลข 150 และมีข้อความ 'Japan 6309-704L T' อยู่ที่ขอบล่างของหน้าปัดข้างๆหลัก 6 นาฬิกา และฝาหลังจะมีตัวอักษร 'Japan A'
Seiko Turtle Suwa VS non-Suwa dial รูปจาก https://wornandwound.com/affordable-vintage-seiko-6309/#:~:text=The%20Suwa%20dial%20was%20used,bottom%20edge%20of%20the%20dial.&text=The%20non%2DSuwa%20dial%20was,the%20symbol%20above%20the%206.
ขณะที่หน้าปัด non-Suwa จะถูกผลิตมาในระหว่างปี 1980-1988 จะไม่มีตัวอักษร 'S' อยู่เหนือหลัก 6 นาฬิกา อีกทั้งข้อความที่เขียนอยู่ที่ขอบล่างของหน้าปัดจะเขียนว่า '6309-704X T MOVT AND DIAL JAPAN CASED HONG KONG' แล้วก็ใช่เลยตามที่เขียน รุ่นหลังนี้ประกอบที่ฮ่องกง
ในปี 1990 Seiko ก็ได้เปิดตัว 'Dive comp.' รุ่นแรกของโลก ในชื่อ 'Scuba Master' รหัส M726-5A10 ซึ่งมี water sensor และ depth sensor ซึ่งแสดงเวลาดำน้ำ และระดับความลึกได้พร้อมๆกัน นอกเหนือแค่การบอกเวลา
Seiko Scuba Master รูปจาก https://www.catawiki.com/l/24503437-seiko-scuba-master-diver-computer-no-reserve-price-ref-m726-5a10-unisex-1990-1999
ในช่วงทศวรรษที่ 1990s Seiko ก็มีการปรับปรุงและพัฒนารูปแบบของนาฬิกาดำน้ำอย่างต่อเนื่องมาตลอด มีทั้ง Baby Tuna เป็นการเอาเอกลักษณ์รูปทรงของ Tuna ตัวใหญ่มาลดขนาดลง ลดความสามารถในการกันน้ำลึกลงเหลือ 300 เมตร
หรือมีการใช้กลไกอื่นเข้ามาใช้ เช่น Kinetic ที่ใช้พลังงานจากโรเตอร์ไปสะสมเก็บเป็นพลังงานไฟฟ้าไว้ขับเคลื่อนนาฬิกา
ความนิยมที่โดดเด่นอีกครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในปี 2000 เมื่อเปิดตัว Seiko 'Monster' ที่มีรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยหลักชั่วโมงเป็นแท่งสี่เหลี่ยม เมื่อมองรวมๆทั้งเรือนจะดูคล้าย 'ฟัน' ในปากของสัตว์ประหลาด โดยรุ่นแรกเปิดตัวในรหัส SKX779
Seiko Black Monster SKX779 the first generation of Monster รูปจาก https://www.fratellowatches.com/tbt-seiko-monster-skx779/#gref
Seiko SKX779 the first Monster ตัวเรือนทำจากสเตนเลสสตีล ขนาด 42 mm หน้าปัดสีดำ เม็ดมะยมอยู่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา ขอบ bezel หมุนได้ทิศทางเดียว พรายน้ำเรืองแสงสว่าง กระจกหน้าปัดเป็น hardlex ใช้กลไกอัตโนมัติ 7S26 เดินด้วยความถี่ 21,600 bph สำรองพลังงาน 41 ชั่วโมง รุ่นนี้มีการวางขายยาวนานตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปี 2012 เป็น Seiko Monster ที่เป็นที่นิยมมากในกลุ่มคนที่ชื่นชอบนาฬิกาดำน้ำของ Seiko
Seiko Monster ยังมีการปรับเปลี่ยนหน้าปัดอีกหลายสีสัน รวมถึงเปลี่ยนกระจกเป็น sapphire ในรุ่นพิเศษ และปรับปรุงเครื่องกลไกล จนล่าสุดใส่กลไก 4R ที่ถือว่าเป็นกลไกที่ดี เที่ยงตรง ทนทานมากที่สุดรุ่นหนึ่งของ Seiko และยังมีรุ่นใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ในปี 2005 ได้ใส่กลไกล้ำยุคเข็มวิสะกดวิญญาณ Spring Drive เข้ามาในนาฬิกาดำน้ำ สังเกตว่า ไม่มีนาฬิการุ่นไหนที่ใช้ชื่อแบรนด์ว่า Seiko (โดยไม่มีคำว่า Grand Seiko บนหน้าปัด) ได้รับเกียรติใส่กลไกขั้นเทพ Spring Drive เลย มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น และเป็นเฉพาะ Marinemaster เท่านั้นอีกด้วย
Seiko Marinemaster SBDB009 ใช้กลไก Spring Drive ที่มีเฉพาะแต่ใน Grand Seiko รูปจาก https://timelessluxwatches.com/reviews/spring-drive-tuna-sbdb009-review/
Seiko มีการปรับปรุงหน้าตารูปร่างของนาฬิกาแนวดำน้ำเพิ่มเติมอีกอย่างต่อเนื่อง ในปี 2004 มีการเปิดตัว 'Samurai' และเปิดตัว 'Sumo' ในปี 2007
ถ้าจะพูดรายละเอียดของแต่ละรุ่น ก็จะเห็นความแตกต่างกันที่ค่อนข้างชัดเจน มีซีรี่ย์สของตัวเองอย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ได้มีการเปลี่ยนสี เปลี่ยนลายหน้าปัด เปลี่ยนกลไก เปลี่ยนรายละเอียดของเข็ม ต่างๆนานา ที่ปรับปรุงให้แต่ละรุ่นของ Seiko Divers มีความแตกต่างกัน ซึ่งในกลุ่มคนที่นิยมชมชอบนั้น ต่างหาแต่ละรุ่น แต่ละสไตล์มาครอบครองตามความชอบกัน ในบางรุ่นมีหน้าตาที่โดดเด่นจนเป็นกล่าวขวัญถึงกันอย่างแพร่หลาย และราคาก็ดีดตัวสูงขึ้นตามความต้องการได้ด้วยเช่นกัน
Seiko Samurai Titanium รุ่นบุกเบิกในปี 2004 รูปจาก https://monochrome-watches.com/seiko-prospex-samurai-2017-collection-srpb49k1-srpb51k1-srpb53k1-srpb55k1-review-price/
สารพันสีสัน หน้าปัด ของ Seiko Sumo รูปจาก https://monochrome-watches.com/the-sumo-gathering-seiko-prospex/
Seiko Black Sumo SBDC001 รูปจาก https://monochrome-watches.com/the-sumo-gathering-seiko-prospex/
Seiko Yellow Sumo Limited Edition ตัวนี้จัดเป็น rare item ตัวหนึ่งของ Sumo ราคาดีดตัวสูงไปมาก หาของยากมากๆ รูปจาก https://monochrome-watches.com/the-sumo-gathering-seiko-prospex/
นาฬิกาแนวดำน้ำของ Seiko นี้เป็นที่สร้างชื่อเสียงอย่างมากให้ Seiko จนในปัจจุบัน ถ้ากล่าวกันถึงแบรนด์นาฬิกา Seiko กันแล้ว ในกลุ่มคนที่ชื่นชอบนาฬิกา ก็มักจะนึกถึงนาฬิกาแนวดำน้ำทั้งสิ้น ทั้งความสามารถที่ล้นเหลือ รูปร่างของตัวเรือนที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ แต่อีกด้านหนึ่ง บางคนก็จะมองว่าเป็นนาฬิกาทรงประหลาด มีขนาดตัวเรือนที่ใหญ่และหนามาก อันนี้ก็แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละคนแล้วกัน
โฆษณา