2 เม.ย. 2021 เวลา 03:16 • บ้าน & สวน
ต้นไม้ใหญ่ ถือเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับพื้นที่สีเขียวที่จะต้องเป็นจุดเด่นที่ทำให้คุณต้องสะดุดตา แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ช่วยเสริมให้สวนของคุณสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือ ‘หญ้า’ สีเขียวต้นเล็กๆ แต่กลับเป็นส่วนที่สวนขาดไม่ได้
หญ้าเป็นพืชคุมดินสีเขียวที่อยู่บนโลกใบนี้มาอย่างยาวนาน มีหลากหลายพันธุ์และหลากชนิด หญ้าบางอย่างหากไม่ได้รับการดูแลก็อาจจะถูกกำจัดและถูกมองว่าเป็นวัชพืช เช่น หญ้าตามท้องทุ่งนาทั้งหลาย แต่หญ้าบางอย่างก็เป็นที่นิยมสำหรับผู้ชื่นชอบและต้องการพื้นที่สีเขียวในการพักผ่อน
หญ้าที่เราเห็นในสวนต่างๆ เคยสังเกตกันไหมว่ามีลักษณะที่ต่างกัน บางชนิดเป็นใบใหญ่กว้าง บางชนิดเป็นใบเรียวเล็ก ความเข้าใจผิดเรื่องหนึ่งสำหรับการปลูกหญ้าคือเมื่อปลูกแล้วไม่ต้องดูแลมาก เดี๋ยวหญ้าก็โตเอง แต่อย่างที่เราเคยบอกว่า การดูแลต้นไม้สักต้นก็เหมือนกับการดูแลสัตว์เลี้ยง หญ้าก็เหมือนกัน เราจะเลี้ยงแบบตามใจไม่ได้ เราต้องเข้าใจความต้องการพื้นฐานของหญ้าแต่ละชนิด หญ้าแต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสียอย่างไร พื้นที่แบบไหนควรปลูกหญ้าชนิดนั้น เพื่อจะได้ดูแลง่ายๆ และทำให้สวนของคุณเป็นสวนที่เริ่ดได้ไม่แพ้ใคร
หญ้าที่นิยมปลูกเป็นสนามหญ้าในประเทศไทยมี 3 ชนิด ได้แก่ พันธุ์ญี่ปุ่น, พันธุ์นวลน้อย และพันธุ์มาเลเซีย
พันธุ์ญี่ปุ่น (Japanese Lawngrass)
สำหรับหญ้าพันธุ์ญี่ปุ่นเป็นหญ้าที่มีต้นกำเนิดมาจากพื้นที่ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น แต่เป็นพืชที่สามารถทนในสถาพอากาศที่ร้อนได้ด้วย เป็นต้นหญ้าที่ขึ้นชื่อว่าอึดทนต่อทุกสภาพอากาศและทนต่อการเหยียบย่ำได้ดี จึงเหมาะกับการปลูกเป็นสวนหย่อมใช้พื้นที่ไม่มากนัก และเหมาะกับการปลูกใกล้ทางเท้า เพราะควบคุมไม่ให้บุกรุกทางเท้าได้ดีกว่าหญ้าชนิดอื่น แต่ข้อเสียคือเป็นต้นหญ้าที่มีความแข็งทำให้ตัดแต่งต้องใช้แรงมาก และไม่เหมาะกับการใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นเพราะใบที่เรียวเล็กจะทำให้ถูกตำก้นได้ง่าย
การดูแลหญ้าญี่ปุ่น
โดยทั่วไปแล้วหญ้าญี่ปุ่นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ชนิดใบกว้าง และใบกลม ซึ่งประเภทใบกลมเป็นหญ้าที่นิยมปลูกอย่างมากในไทย
ถึงแม้จะเป็นหญ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความอึด ถึก ทนต่อสภาพอากาศและการเหยียบย่ำ แต่สิ่งสำคัญมากที่สุดของหญ้าญี่ปุ่นที่จะขาดไม่ได้คือน้ำ เพราะเมื่อไรที่หญ้าญี่ปุ่นขาดน้ำจะทำให้ใบเปลี่ยนสีและกว่าจะทำให้หญ้ากลับมาเป็นสีเขียวชะอุ่มดังเดิมต้องใช้เวลาอย่างมากในการฟื้นฟู
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการตัดแต่งหญ้าญี่ปุ่น ต้องตัดที่ความสูง 0. 5 นิ้ว -1 นิ้ว ทุกๆ 7-10 วัน และอย่างที่บอกไว้คือหญ้าญี่ปุ่นเป็นต้นหญ้าที่มีความแข็งแรง ดังนั้นการตัดแต่งแต่ละครั้งต้องใช้แรงมาก ถึงแม้จะใช้เครื่องตัดหญ้าก็ต้องคอยดูแลใบมีดอยู่บ่อยครั้ง และถ้าหากปล่อยไว้นานหญ้าจะเหนียวมากยิ่งขึ้น เมื่อตัดออกมายังมีบางจุดเป็นสีน้ำตาลทำให้ไม่น่ามอง
พันธุ์นวลน้อย (Manila Grass หรือ Temple Grass)
เป็นหญ้าพื้นเมืองของไทยที่นิยมปลูกมากตามลานหน้าบ้าน แปลงจัดสวน สนามกีฬา สนามกอล์ฟ และอื่นๆ เนื่องจากเป็นหญ้าที่เติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิดทั้งดินเหนียว ดินทราย ทนต่อสภาพอากาศร้อนหรือแห้งแล้งได้ดี และทนต่อสภาพน้ำขังได้บ้าง รวมถึงเติบโตเร็ว และสามารถขยายไหลเป็นแผ่นที่ครอบคลุมหน้าดินได้เร็ว ความแตกต่างของหญ้าญี่ปุ่นกับหญ้านวลน้อยคือหญ้านวลน้อยมีใบกว้างกว่า การเจริญเติบโตเร็วกว่า และใบไม่แข็งกระด้าง แต่ข้อเสียคือหญ้านวลน้อยจะตายได้ง่ายถ้าขาดน้ำ
การดูแลหญ้านวลน้อย
สิ่งสำคัญของหญ้านวลคือน้ำที่ระดับปานกลางแต่ต้องสม่ำเสมอ ดังนั้นการรดน้ำหญ้านวลน้อยจึงต้องทำทุกๆ วันเช้าและเย็น และใส่ปุ๋ยอาทิตย์ละครั้ง โดยจะต้องพรมน้ำหลังใส่ปุ๋ยเพื่อไม่ให้ใบเกิดอาการลวกได้
ส่วนเรื่องของการตัดแต่งควรทำทุกๆ 7 – 10 วันเช่นเดียวกัน และตัดให้สั้นประมาณ 0.5 นิ้ว เพราะชนิดนี้จะมีช่อดอกค่อนข้างยาว
พันธุ์มาเลเซีย (Tropical Carpet Grass)
เป็นหญ้าพื้นเมืองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซียทำให้ถูกเรียกกันทั่วไปว่าหญ้ามาเลย์ และได้รับความนิยมในไทยเวลาต่อมา เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีผู้นิยมนำมาปูบนสนามและปูบนทางเดินโดยทั่วไป เพราะเหตุผลสำคัญคือเป็นพืชที่ดูแลรักษาง่ายที่สุดในบรรดาพืชปูพื้นทั้งหมด อีกทั้งยังมีราคาถูก และมีความอึดทนอย่างมาก แต่มีข้อเสียคือไม่ทนต่อการเหยียบย่ำเนื่องจากใบอวบน้ำและเปราะ เวลานั่งเล่นอาจจะทำให้ก้นเปียกได้ และเป็นพืชที่ชอบความชุ่มชื้น ซึ่งหญ้าชนิดนี้เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาดูแลหญ้ามากที่สุด
การดูแลหญ้ามาเลเซีย
ต้นหญ้ามาเลย์เป็นพืชที่ปลูกง่าย ดูแลง่าย แต่ชอบความชื้น ดังนั้นจึงเหมาะกับที่ที่อับแสงหรือแสงรอดมาได้ประมาณ 50% ควรรดน้ำเป็นประจำทุกเช้า – เย็น อย่าให้หญ้าขาดน้ำ และหญ้ามาเลย์ไม่ต้องดูแลโดยการใส่ปุ๋ย เพราะเป็นพืชที่โตง่ายและโตไว ส่วนการตัดแต่งควรทำทุกๆ 10-15 วัน โดยมีขนาดความยาวที่ 1.2 นิ้ว เพื่อให้มีลักษณะที่เหมาะสมไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป
จากหญ้าทั้ง 3 พันธุ์ที่เป็นหญ้ายอดนิยมในไทย คงจะเป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาหญ้ามาปลูกในพื้นที่ของตนเองว่าเหมาะกับหญ้าแบบไหน ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีข้อดี ข้อเสียต่างกัน ต้องดูว่าเราจะใช้หญ้าเพื่อวัตถุประสงค์ใดและมีเวลาดูแลมากน้อยแค่ไหน และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการดูแลต้นหญ้าเหล่านี้ให้สวยงาม แต่ SO GREEN ของ บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) พร้อมเป็นตัวช่วยที่จะดูแลสวนของคุณให้สวยตลอดเวลา และมีความปลอดภัยด้วยคุณภาพและมาตรฐานจาก ISO
'เพราะเราอยากทำให้ทุกเรื่องต้นไม้ของคุณเป็นเรื่องง่าย'
โฆษณา