2 เม.ย. 2021 เวลา 08:41 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
“พระเจ้าเป็นคนสร้างโลก แต่ที่เหลือ Xiaomi เป็นคนสร้าง”
.
ในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา คนไทยคนคุ้นหน้าคุ้นตาและหลายคนต้องมีผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi อย่างหน่อยหนึ่งชิ้น ด้วยราคาที่เป็นมิตรและดีไซน์ที่มีความมินิมอล ทำให้สินค้าของXiaomi เข้ามาตีตลาดไทยและตลาดทั่วโลกอย่างรวดเร็ว

.
'
Xiaomi' บริษัทสตาร์ทอัพเทคโนโลยีสัญชาติจีน ที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดมากกว่า 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในช่วงเริ่มแรก Xiaomi นั้นเน้นพัฒนาโทรศัพท์มือถือประเภทสมาร์ทโฟนและชิพ ซึ่งการพัฒนาชิพนี้เองทำให้ Xiaomi เติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Xiaomi ก็ยังพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆในชีวิตประจำวันออกมาวางจำหน่ายอีกด้วย โดยเฉพาะเครื่องฟอกอากาศของ Xiaomi ที่เชื่อว่าคนไทยในหลายๆบ้านตอนนี้ต้องมีติดบ้าน
.
รายงานของบริษัทปีที่ผ่านมาระบุว่า ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 Xiaomi มีกำไรเพิ่มขึ้น 37% และในส่วนของสมาร์ทโฟนของ Xiaomi นั้นเติบโตขึ้นกว่า 7% มีส่วนแบ่งทางการตลาดทั่วโลกกว่า 10% ซึ่งถือเป็นรองจาก Apple และ Samsung

.
ล่าสุด Xiaomi กำลังจะไปลงทุนแข่งขันในตลาดที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้อย่าง รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีทางคู่แข่งอย่าง Apple และ Huawei ได้เริ่มโครงการเกี่ยวกับรถยนต์ไปก่อนหน้าแล้ว โดยทาง Xiaomi ได้ประกาศจำนวนเงินที่จะลงทุนเป็นเงินสูงถึง 4.7 หมื่นล้านบาท 


.
'เหลย จุน' ผู้ก่อตั้ง และดำรงตำแหน่งประธานบริษัทกล่าวว่า “โครงการรถยนต์ไฟฟ้านี้ จะเป็นโครงการสตาร์ทอัพใหญ่ครั้งสุดท้ายในชีวิตของผม แต่พวกเราพร้อมที่จะลงทุน และเข้าใจถึงความเสี่ยงของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ผมรู้ดีว่าโครงการนี้คงจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ถึง 5 ปี และใช้เงินลงทุนเป็นหลายหมื่นล้านบาท”
.
Xiaomi ถือเป็นบริษัทที่มีส่วนร่วมกับผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ ทั้งเครื่องใช้ภายในครัวเรือน อุปกรณ์จิปาถะ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ไปจนถึงรถยนต์กันเลยทีเดียว ทำให้เกิดคำกล่าวตลกๆ ว่อนอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตว่า “พระเจ้าเป็นคนสร้างโลก ที่เหลือ Xiaomi เป็นคนสร้าง”
.
อย่างไรก็ดีทาง Xiaomi ยังคงไม่ได้มีการบอกงบประมาณและโมเดลต่อคัน หรือกำหนดจุดมุ่งหมายในตลาด มีบริษัทน้อยใหญ่ในจีนที่เข้าร่วมในตลาดรถไฟฟ้ากันอย่างคับคั่ง หนึ่งในโมเดลและงบประมาณที่ออกมาแล้วของทางจีน คือ Hong Guang Mini EV ของบริษัท Geely ซึ่งอยู่ที่คันละประมาณ1.4 แสนบาท
.
เหลย จุน ยังกล่าวในงานที่ปักกิ่งว่า “พวกเราพร้อมที่จะลงทุน และเข้าใจถึงความเสี่ยงของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ผมรู้ดีว่าโครงการนี้คงจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ถึง 5 ปี และใช้เงินลงทุนเป็นหลายหมื่นล้านบาท”
.
ทางบริษัทไม่ได้มีการเชิญนักลงทุนจากภายนอกมาร่วมลงทุนในโครงการนี้ด้วย เนื่องจากพวกเขาต้องการควบคุมโครงการผลิตรถยนต์นี้ด้วยตัวเองทั้งหมด แต่พวกเขาจะใช้ฐานการผลิตจากภายนอกเฉกเช่นเดียวกับการผลิตสมาร์ทโฟน
.
นอกจากคู่แข่งจากวงการสมาร์ทโฟนอย่าง Apple และ Huawei แล้ว Xiaomi ยังต้องเจอกับ Tesla และ Volkswagen อีกเช่นกัน ซึ่งทั้งสองที่ก็พัฒนาด้านรถยนต์ไฟฟ้ามาหลายปีแล้ว และเป็นที่นิยมในตลาดของผู้บริโภคในขณะนี้
.
“โครงการรถยนต์ไฟฟ้านี้ จะเป็นโครงการสตาร์ทอัพใหญ่ครั้งสุดท้ายในชีวิตของผม” เหลย จุน กล่าวปิดท้าย
.
เป็นที่น่าจับตาว่า รถยนต์ไฟฟ้าของ Xiaomi จะออกมามีหน้าตาในสไตล์มินิมอลแค่ไหน และราคาจะเป็นอย่างไร หลังจากที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ต่างๆของ Xiaomi มีดีไซน์ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีดีไซน์ที่ครองใจผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากและยังมีราคามราจับต้องได้
#RAISEGlobe
#RAISEthePEOPLE
โฆษณา