Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
KIM Property Live
•
ติดตาม
2 เม.ย. 2021 เวลา 11:44 • ธุรกิจ
U.S. and China’s next economic battle will be over climate change, experts say!!
สงครามครั้งใหม่ ของจีน-สหรัฐคือ “climate war”!!
By Elliot Smith
สงครามการค้าจีน-สหรัฐ มีมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการค้า ,เทคโนโลยี และตลาดหุ้น แต่ปัจจุบันมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสอง จะเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องต่อไป ที่จะมีอำนาจสูงสุดในทางเศรษฐกิจ
จากข้อมูลของ BNEF อ้างถึงทีมวิจัย ESG ของ Bank of America กล่าวว่า จีนได้แซงหน้าสหรัฐเกือบ เท่าตัว ในการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานหมุนเวียน สามารถเพิ่มขึ้น 20 เท่า ภายในปี 2050
ทางด้าน BofA Haim Israel กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัย กล่าวว่า “climate war” ระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง จะเป็นไปตามสงครามเทคโนโลยีและสงครามการค้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลายเป็นประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจและการเมือง ในทศวรรษหน้า
1
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากสภาพภูมิอากาศอาจสูงถึง 69 ล้านล้านดอลลาร์ ในศตวรรษนี้และการลงทุนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน จำเป็นต้องเพิ่มขึ้นถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
1
Israel บอกกับ CNBC ว่า สหรัฐฯต้องเพิ่มกฎหมายเงินทุนหมุนเวียนสำหรับ นวัตกรรมและพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ แบตเตอรี่และไฮโดรเจน
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนยังคงดำเนินต่อไป ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน
โดย Harry Broadman ผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวว่า กลุ่มประเทศเศรษฐกิจ G-7 จะต้องพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อแข่งขันกับจีน
ตามรายงาน การวิจัยล่าสุดของ Goldman Sachs กล่าวว่า ประเทศจีน ได้ให้สัญญาการปล่อยกาศคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2060 ขณะที่ประเทศที่ให้สัญญาจะปล่อยก๊าซเป็นศูนย์ มีเพียงครึ่งเดียวของการปล่อยมลพิษทั่วโลก
ถือได้ว่า จีนเป็นผู้ก่อมลพิษที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสัดส่วนการปล่อย CO2 ราว 30% ของโลก มากกว่าสองเท่าของสหรัฐอเมริกา
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน มองว่า การกำหนดเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสะอาดมูลค่า 16 ล้านล้านดอลลาร์ ที่จีนจะต้องดำเนินการภายในปี 2560 สิ่งนี้สามารถสร้างงานใหม่กว่า 40 ล้านตำแหน่ง และผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจได้
ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ให้เห็นถึงการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของจีน เพิ่มขึ้น 10.3% เป็น 2.44 ล้านล้านหยวนของจีน (378 พันล้านดอลลาร์)ในปี 2020 ทำให้แซงหน้าสหรัฐฯไปแล้ว โดยถูกมองว่า เป็นผู้บุกเบิกการเปลี่ยนถ่ายพลังงานจากรถยนต์ไฟฟ้าไปสู่พลังงานสะอาด และสุดท้ายนักเศรษฐศาสตร์นั้น มองว่า เศรษฐกิจของจีนจะมีขนาดใหญ่กว่าสหรัฐฯ ภายในปี 2032!! อีกด้วย
1
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องจับตาดูว่า ในอนาคตจะเป็นไปทิศทางใด ประเทศไหนจะได้ครองอำนาจสูงสุดในทางเศรษฐกิจ
แอดปลา
8 บันทึก
15
7
8
15
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย