2 เม.ย. 2021 เวลา 12:19 • ประวัติศาสตร์
วันที่ 2 เมษายน เป็นวันคล้ายวันเกิด ชายชาวเวนิสคนหนึ่ง ที่หลงใหลในเรื่องรักใคร่มากกว่าใครๆ จนชื่อของเขาถูกตีความหมายให้เป็น คนเจ้าชู้
“Giacomo Casanova”
3
วันที่ 2 เมษายน เป็นวันคล้ายวันเกิดชาวเมืองเวนิสคนหนึ่งที่โด่งดังจนมาถึงทุกวันนี้
เวนิสเป็นหนึ่งในสถานที่โรแมนติกที่สุดในอิตาลี และชาวเวนิสก็ค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับความรัก แต่มีชาวเวนิสอยู่คนหนึ่ง ที่หลงใหลในความรักมากกว่าใคร ๆ ไม่ต้องกังวลคุณไม่ได้กำลังจะอ่านเนื้อหาอีโรติคแต่อย่างใด แต่นี่คือเรื่องราวของแผนการและความลับอันแสนสนุก และนี่คือเรื่องราวของความเก่งกาจ นี่คือเรื่องราวของชายคนนี้
9
“Giacomo Casanova”
1
เอาล่ะเริ่มจาก “Casanova” คือใคร?
“Giacomo Girolamo Casanova” เกิดที่เมืองเวนิส เมื่อวันที่ 2 เมษายน 1725 เขาเป็นลูกคนแรกในหกคนของนักแสดงหญิง Zanetta Farussi กับนักแสดงและนักเต้นชายอย่าง Gaetano Casanova ในเวลานั้นเมืองเวนิสถือเป็นเมืองหลวงแห่งความสุข การท่องเที่ยวได้รับการสนับสนุนอย่างมากและได้รับการยอมรับ จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งปรกติและธุรกิจสีเทา ในขณะที่งานปาร์ตี้ บ่อนการพนัน และโสเภณีที่สวยงามเป็นเสาหลักในชีวิตประจำวันของชาวเมืองเวนิส แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้สำหรับ Casanova ได้ทำให้พ่อหนุ่มรูปงามกลายเป็นตำนานชั่วนิรันดร์
3
Casanova มีชีวิตในวัยเด็กที่ไม่ค่อยดีนัก พ่อของเขาเสียชีวิตเมื่อเขาอายุ 8 ขวบ และแม่ของเขาก็ยุ่งอยู่กับการไปทั่วยุโรป เนื่องจากอาชีพการแสดงอยู่เสมอๆ ดังนั้นเขาจึงได้รับการเลี้ยงดูจากคุณยาย ต่อมาคาสโนว่าเป็นโรคเลือดกำเดาไหลรุนแรง สิ่งนี้อาจดูไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก แต่เรากำลังพูดถึงศตวรรษที่18 ในยุคที่การรักษาที่ดีที่สุด ที่คุณจะได้รับคือขอให้แม่มดรักษาคุณ และนี่คือสิ่งที่คุณย่าของ Casanova ทำในตอนแรก
5
ในที่สุดเมื่อเธอรู้ว่าสิ่งนี้จะไม่ได้ผล Casanova จึงถูกส่งไปที่บ้านพักในปาดัว(Padua) ด้วยความที่หอพักที่เมืองปาดัวมีราคาแพงสำหรับครอบครัวของเขา Casanova จึงอยู่ภายใต้การดูแลของ Abbé Gozzi ผู้สอนหลักของเขา ซึ่ง Abbi Gozzi มักจะเลี้ยงเด็กไว้ในบ้านและให้การศึกษาในระดับประถมศึกษา นอกจากนี้ Casanova ยังอยู่ในครอบครัว Gozzi ด้วยที่ Casanova ได้พบกับ Bettina น้องสาวของ Gozzi ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ Casanova ได้พบกับความรักใคร่ต่อเพศตรงข้ามที่น่าตื่นเต้น ซึ่งทำให้ Casanova ได้ค้นพบความหลงใหลในเพศตรงข้ามไปตลอดชีวิต และชีวิตของ Casanova จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
12
Casanova เป็นคนมีไหวพริบที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 12 และได้รับปริญญาเมื่ออายุ 17 นอกจากนี้เขายังศึกษาปรัชญา, ศีลธรรม, ดนตรี, เคมี, คณิตศาสตร์ และการแพทย์
9
เมื่อ Casanova เริ่มการศึกษากฎหมายธุรการเขาก็เข้ากันได้ดีกับ Alvise Gasparo Malipiero วุฒิสมาชิกอาวุโสชาวเวนิส ในไม่ช้าเขาก็กลายเป็นผู้มีพระคุณ และสอน Casanova หนุ่มน้อยคนนี้ทุกอย่างเกี่ยวกับอาหารที่ดี ไวน์ที่ดี และชีวิตที่ดี แต่ Malpiero ไม่รู้ตัวว่า Casanova กำลังจะทรยศเขาโดยการล่อลวงคนรักของเขาในหลังจากนั้นอีกไม่นานนัก คุณอาจเดาได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ลงเอยอย่างไร สำหรับ Casanova การที่ได้xxxสาวสวยของคนที่มีพระคุณ ก็ควรค่าแก่การถูกไล่ออกจากบ้าน
8
ชื่อเสียงที่ไม่ดีของ Casanova ทำให้อาชีพในคริสตจักรของเขาเสียไป ค่อนข้างคาดเดาได้จริง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับความทุกข์ทรมานมากนักสำหรับสิ่งนั้น ด้วยอาชีพทางศาสนาที่ถูกละทิ้งไป Casanova จึงฝันตัวเองไปเป็นนายทหารของสาธารณรัฐเวนิส อย่างไรก็ตามชีวิตทหารไม่ได้มีไว้สำหรับคนแบบเขา และเขาก็ยอมแพ้อย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ เพราะในกองทัพ ไม่มีผู้หญิง Casanova จึงไม่อยากอยู่ในที่แบบนี้
13
ตอนอายุ 21 คาสโนว่าเริ่มอาชีพที่ 3 ในฐานะนักไวโอลิน เขาชอบงานนี้มาก แต่ไม่ค่อยทำเงินได้มากมายนักจากการเป็นนักดนตรี แถมเขายังติดการพนันอย่างหนัก เป็นหนี้มากมาย แต่ยังโชคดีที่ได้มีโอกาสช่วยชีวิตขุนนางชาวเวนิสจากตระกูล Bragadin ด้วยความรู้ทางการแพทย์!!(อย่าลืมว่าแกก็เรียนมา) ความรู้ทางการแพทย์นี้ได้ช่วยชีวิต Casanova จากการรักษาขุนนางท่านนี้ไว้ เพื่อแสดงความขอบคุณ ท่านวุฒิสมาชิกจึงได้ชวนเขาเข้าไปอยู่ที่บ้านของเขาและกลายเป็นผู้มีพระคุณของ Casanova
8
3 ปีต่อจากนั้น Casanova ก็อยู่ในฐานะขุนนางของเมืองเวนิส แต่ Casanova ก็ยังคงไม่เปลี่ยนตัวเองมากนัก เขายังคงเป็นนักรัก และติดการพนันอยู่ดี ซึ่งผู้มีพระคุณของเขาอดทนมาก และคอยเตือน Casanova ว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่นี้ไม่อาจคงอยู่ตลอดไป หาก Casanova ยังคงดำเนินชีวิตที่เสเพลเช่นนี้ต่อไป ซึ่ง Casanova ได้ฟังแล้วก็คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก
9
แต่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย หลังจากที่เค้าสร้างเรื่องอื้อฉาวมานับครั้งไม่ถ้วน Casanova ก็ได้ถูกบังคับให้ออกจากเวนิส
3
หลังจากย้ายไปย้ายมา และใช้เวลา2-3ปีในฝรั่งเศส ในที่สุด Casanova ก็กลับมาที่เวนิสในปี 1753 ที่นี่ในวันที่ 26 กรกฎาคม 1755 เขาถูกจับในข้อหาดูหมิ่นศาสนา เขาถูกตัดสินจำคุก 5 ปีโดยไม่ได้รับการพิจารณาคดีและไม่ได้รับแจ้งถึงเหตุผลของข้อกล่าวหาที่รุนแรงเช่นนี้
4
อย่างไรก็ตาม Casanova ก็เป็นคนที่มีไหวพริบ เขาพยายามหนีถึง 2 ครั้งและครั้งที่ 2 เขาก็หนีได้สำเร็จ เขากระโดดขึ้นเรือGondola และออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ปารีสซึ่งเขาก็มาถึงในวันเดียวกันนั้นเอง
5
ในปารีสเขาเริ่มอาชีพใหม่!!! อาชีพทางการทูต ซึ่ง Casanova ประสบความสำเร็จจากอาชีพนี้ จนกระทั่งเขาใช้เงินที่หามาได้ทั้งหมดไปกับความอบายมุขและผู้หญิง จนสร้างหนี้ขึ้นมาอีกครั้ง และหนี้สินของเขาทำให้เขาติดคุกอีก2ครั้ง ในครั้งที่ 2 เขาหลบหนีไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคุมขัง ที่นี่ Casanova ไปที่อารามของ Einsiedeln และพิจารณาความคิดที่จะเป็นพระ Casanova แน่นอนว่าโครงการที่จะไปเป็นพระครั้งนี้ล้มเลิกไปในทันทีเมื่อเขาได้พบผู้หญิงคนหนึ่งอีกครั้ง
6
หลังจากอยู่ที่ฝรั่งเศสในช่วงสั้นๆ เขาก็เดินทางไปยังอังกฤษ Casanova เริ่มคิดที่จะย้ายไปอยู่ที่นั่นอย่างถาวรเนื่องจากเขาชอบสถานที่และผู้คนที่นั่นมาก และแน่นอนว่าผู้หญิงด้วย(5555) แต่เรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยว่า Casanova ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่เขายังคงมีความสามารถในการติดต่อกับผู้หญิงต่างๆผ่านการโฆษณา ซึ่งเรื่องรักใคร่ของเขาก็ทำให้เขาล้มละลายอีกครั้ง และยังแถมกามโรคติดตัวอีก เขาจึงถูกบังคับให้ออกจากอังกฤษด้วยความยากจนและป่วยหนัก
13
ตอนนี้การเดินทางไปรอบๆยุโรปเป็นเวลานานได้เริ่มต้นขึ้น และไม่น่าแปลกใจที่การเดินทางของ Casanova ทั้งหมดจะมีผลลัพธ์ที่เดิมๆเพราะปัญหาเรื่องผู้หญิงหรือเรื่องเงินทอง หรือทั้ง 2 อย่าง ดังนั้นหลังจากที่เขาถูกไล่ออกจากทุกๆประเทศที่เขาไปทั้งหมดในทวีปยุโรป เขาก็ตัดสินใจว่าจะกลับบ้าน
7
ในเดือนกันยายน 1774 หลังจากถูกเนรเทศไป 18 ปี Casanova ก็กลับมายังบ้านเกิดอันเป็นที่รักของเขาอีกครั้ง ตอนแรกเวนิสได้ต้อนรับเขาเหมือนคนดัง แม้แต่เจ้าหน้าที่สอบสวนก็ยังตื่นเต้นที่ได้ค้นพบวิธีที่เขาสามารถหลบหนีจากคุกได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เวนิสนั้นแตกต่างจากตอนที่เขาจากไปแต่ก่อนนี้มากเกินไป Casanova มองไม่เห็นโอกาสในการสร้างความสนุกให้กับชีวิตของเขาในเวนิส เขาจึงถอนตัวจากชีวิตสาธารณะ
4
แต่ไม่ต้องกังวลว่า Casanova จะขาดผู้หญิง เขาได้จ้างแม่บ้านที่น่ารัก ซึ่งในไม่ช้าผู้หญิงคนนั้นก็กลายเป็นคนรักของเขา และหลังจากนั้นทุกอย่างในชีวิตของ Casanova ก็ค่อยๆดีขึ้น
จากนั้นเขาก็ได้มีโอกาสทำงานการทูตบ้าง และก็กลายมาเป็นบรรณารักษ์ให้กับมหาดเล็กของจักรพรรดิ และย้ายไปอยู่ Bohemia ซึ่งมีงานดีและได้เงินมาก แต่ทว่าเขาก็รู้สึกเบื่อมากจนคิดฆ่าตัวตาย เพราะชีวิตไร้แสงสีจากเรื่องผู้หญิง และงานปาร์ตี้ฟังดูน่าหดหู่ อย่างไรก็ตามเขาล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตายเพื่อดำเนินชีวิตต่อไปในความทรงจำที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความรักใคร่ที่รุ่งเรืองในอดีตของเขา
6
ในช่วงหลายปีสุดท้ายของเขา Casanova ได้เห็นการล่มสลายของสาธารณรัฐเวนิส และความงดงามทั้งหมดที่เขาทิ้งไว้ที่นั่นเพื่อไม่ให้กลับมาอีก ความท้อแท้อ่อนแอและเบื่อหน่าย ในความโดดเดี่ยวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เขาจดจ่ออยู่กับงานเขียนบันทึกความทรงจำ ในเวลานั้นการนำอดีตมาร้อยเรียงเป็นบทความ กลายเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาได้พบกับคำปลอบใจเล็กๆ น้อยๆ ของชีวิต
6
งานเขียนบันทึกความทรงจำของ Casanova เป็นหนังสือ “Histoire de ma vie (Story of my life)” ที่เป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาที่แท้จริงที่สุด ของประเพณี และรากฐานของชีวิต ในสังคมในยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 18 เราต้องขอบคุณความเบื่อหน่ายในวัยเกษียณ
4
เขาเสียชีวิตใน Dux Chateau (Bohemia) เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1798 เพียงลำพังและเสียใจกับชีวิต
อย่างไรก็ตามหนังสือเรื่องเล่าของเขา ให้เขามีชื่อเสียงไปชั่วนิรันดร์ และ คำว่า Casanova ก็เป็นคำที่ใช้สื่อถึงคนเจ้าชู้ มาถึงจนทุกวันนี้
4
โฆษณา