3 เม.ย. 2021 เวลา 01:24 • สุขภาพ
คืนการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูกคอ
3
โรคหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท หรือโรคหมอนรองกระดูกคอทับไขสันหลัง เป็นโรคที่พบได้บ่อยในยุคนี้และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตจากพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกในปัจจุบันที่ทำให้เราต้องก้มหน้าอยู่เป็นเวลานานๆ โดยไม่รู้ตัว
1
สาเหตุของโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม
การสะบัดศีรษะอย่างรุนแรง ในการเล่นกีฬา มีความคล้ายคลึงการเกิดอุบัติเหตุซ้ำๆ ซึ่งเป็นเหตุทำให้หมอนรองกระดูกคอเสื่อมเร็วกว่าที่ควรได้
การก้มเงยสุดๆ เป็นเวลานานๆ การโยกศีรษะซ้ำๆ ระหว่างการร้องเพลงหรือเต้นรำ หรือกิจกรรมอะไรก็ตามที่ทำให้เราต้องก้มศีรษะ หรือแหงนศีรษะอยู่เป็นเวลานานๆ พฤติกรรมการใช้งานเหล่านี้ทำให้เกิดความเสื่อมของหมอนรองกระดูกได้เร็วขึ้น เหมือนกับยางรถยนต์ที่วิ่งทางไกลเป็นเวลานานๆ
2
อาการของโรคหมอนรองกระดูกคอ
1
อาการเริ่มต้นอาจมีอาการปวดคอคล้ายออฟฟิศซินโดรมเพียงข้างเดียว เมื่อเป็นมากขึ้นอาจมีอาการปวด ชา อ่อนแรงของแขนหรือมือร่วมด้วย
ในระยะสั้นอาการอาจแสดงออกเพียงอาการปวดคอคล้ายออฟฟิศซินโดรม แต่เมื่อเกิดการเสื่อมมากถึงระยะหนึ่งจนทำให้หมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาทับเส้นประสาท หรือไขสันหลังก็จะทำให้เกิดอาการปวด ชา ร้าวลงแขน หรือทำให้เกิดอาการเสียการทรงตัวจากการทับไขสันหลังได้
การรักษา
โรคของหมอนรองกระดูกคอ ส่วนมากแล้วไม่อันตรายและมักหายได้โดยการกายภาพบำบัดและการใช้ยาที่เหมาะสม หากเป็นมากหน่อยอาจพิจารณาฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงประสาทก็เป็นทางเลือกอีกอันที่น่าสนใจและให้ผลการรักษาที่น่าพอใจ
การผ่าตัด
หากการรักษาข้างต้นไม่เป็นผล หรือมีการแขนชา อ่อนแรง หรือมีอาการของการกดทับไขสันหลัง การผ่าตัดก็เป็นทางเลือกในการรักษาที่ให้ผลสำเร็จสูงมาก และการผ่าตัดโดยใช้เทคนิคการส่องกล้องในปัจจุบันก็มีอัตราเสี่ยงที่น้อยมาก
การผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูก อีกทางเลือกเพื่อคงการเคลื่อนไหวของคออย่างเป็นธรรมชาติ
การผ่าตัดเชื่อมกระดูกเป็นการผ่าตัดรักษาที่เป็นมาตรฐานของโรคนี้มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษด้วยอัตราความสำเร็จที่สูงลิ่ว แต่การเชื่อมกระดูกก็ต้องแลกกับการที่จุดที่เราผ่าตัดไปต้องหยุดเคลื่อนไหวจึงไปเพิ่มภาระในการทำงานให้กับกระดูกคอส่วนที่เหลือ ดังนั้นยิ่งจำเป็นต้องเชื่อมกระดูกมากข้อเท่าไร ภาระงานย่อมเพิ่มขึ้นกับกระดูกข้อที่เหลือเป็นเงาตามตัว และโรคแบบเดียวกันก็มีโอกาสเกิดที่กระดูกข้อที่เหลือได้อีก
1
ในช่วง 15-20ปีที่ผ่านมา (ซึ่งถือว่าเป็นระยะที่ไม่นานมากนักสำหรับวงการแพทย์) ได้มีผู้คิดค้นหมอนรองกระดูกเทียมแบบที่เคลื่อนที่ได้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาในจุดนี้ เทคนิคในการผ่าตัดต่างๆ เหมือนกับการผ่าตัดเชื่อมกระดูกแทบทุกประการ ต่างแค่เพียงตัวอุปกรณ์ที่ใส่เข้าไปแทนที่หมอนรองกระดูกเดิมเท่านั้น
ผ่าตัดเชื่อมกระดูก หรือผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูก อะไรดีกว่ากัน?
หลังจากที่มีอุปกรณ์ชนิดใหม่เข้ามา หมอทั่วโลกก็ทำการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบผลการรักษาของการผ่าตัดเชื่อมกระดูกกับการผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูก ถ้าใครขยันอ่านวารสารทางการแพทย์หน่อยก็จะพบว่ามีงานวิจัยที่มีระเบียบวิจัยดีเยี่ยมหลายฉบับเลย ซึ่งผลการวิจัยส่วนมากแสดงออกมาว่าทั้งผลสำเร็จและผลข้างเคียงออกมาใกล้กันมาก (อ้าว?)
2
การที่ผลออกมาไม่ต่างกันชัดเจนนีแปลความได้หลายอย่าง อาจเป็นเพราะผลดีผลเสียมันต่างกันน้อยมากและจึงจำเป็นต้องใช้จำนวนตัวอย่างที่มีขนาดมากกว่านี้ หรือใช้ระยะเวลาการศึกษาที่นานกว่านี้ผลต่างจึงจะชัดเจนมากขึ้น แต่ที่แน่ๆ การเชื่อมกระดูกนั้นยิ่งมีการเชื่อมมากข้อเข้า อย่างเช่น 2ระดับ หรือ 3ระดับขึ้นไป ย่อมทำให้การทำงานของข้อกระดูกที่เหลือนั้นต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
การตัดสินใจว่าจะเลือกทำการเชื่อมกระดูก หรือเปลี่ยนหมอนรองกระดูกดีกว่าเป็นการตัดสินใจที่ต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายๆ อย่างทั้งประวัติ, การตรวจร่างกาย และผลเอ็กซเรย์หรือ MRI
แต่ในส่วนตัวแล้ว ผมจะแนะนำให้คนไข้เลือกการผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูกถ้าอายุยังน้อยและสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาคือหมอนรองกระดูกที่เพิ่งปลิ้นออกมาสดๆ ใหม่ๆ ในคนไข้ที่มีกระดูกคอเสื่อมมากๆ หรือเป็นมานานมากๆ มักจะมีกระดูกงอกมาทับเส้นประสาทด้วยเราจำเป็นต้องกรอกระดูกมาก ซึ่งการต้องกรอกระดูกนี้เองมีส่วนทำให้กระดูกคอเชื่อมติดกันอยู่ดีในภายหลังแม้จะใส่หมอนรองกระดูกแบบที่เคลื่อนที่ได้เข้าไป ดังนั้นถ้ากระดูกคอเสื่อมมากๆ การผ่าตัดเชื่อมกระดูกอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
ชีวิตหลังผ่าตัดจะเป็นอย่างไร
การพักฟื้นส่วนใหญ่อยู่โรงพยาบาลไม่เกิน 1-2วัน และผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว ในระยะยาวก็ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนปกติ สิ่งที่หมอจะไม่แนะนำให้ทำเลยก็คือกิจกรรมที่ต้องมีการกระแทกของศีรษะมากๆ เช่นการโหม่งฟุตบอล, การทำท่า head standในโยคะ หรือการต่อสู้ในศิลปะป้องกันตัวซึ่งจะพลาดโดนเตะก้านคอเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ส่วนการเล่นกีฬาอื่นๆ ก็ยังเล่นได้ปกติ หรือจะวิ่งจากเบตงไปแม่สายอย่างพี่ตูนก็ยังทำได้อยู่นะครับ แต่ละท่านอาจมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนกันยังไงมาคุยกันก่อนก็ดีครับ
2
เกี่ยวกับผู้เขียน
หมอเข้ม หรือ น.พ. วิธวินท์ เกสรศักดิ์ เรียนจบเฉพาะทางทางด้านประสาทศัลยศาสตร์ ที่ร.พ. รามาธิบดี และได้ไปเรียนต่อยอดด้านการผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยการส่องกล้องเอ็นโดสโคปที่ประเทศเยอรมนี และประเทศอังกฤษ ปัจจุบันนอกจากหมอเข้มจะทำงานเป็นศัลยแพทย์ด้านกระดูกสันหลังประจำที่ร.พ. บำรุงราษฎร์ แล้วยังเป็นแพทย์ผู้ฝึกสอนการผ่าตัดด้วยเทคนิคเอ็นโดสโคปในประเทศเยอรมนี และเป็นผู้บรรยายอิสระให้กับ AOspine ซึ่งเป็นองค์กรการศึกษาแบบไม่แสวงผลกำไรในระดับนานาชาติอีกด้วย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา