3 เม.ย. 2021 เวลา 04:49 • ธุรกิจ
Clubhouse เจอของจริง
รายใหญ่จ่อก๊อปปี้เพียบ!!
เรียกได้ว่า ปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดของ Clubhouse ที่ทำแอปพลิเคชั่นด้วยการนำรูปแบบของเสียงออกอากาศสด (Social Audio) ไม่สามารถบันทึกได้ ซึ่งเป็นรูปแบบที่เราๆท่านๆก็เกือบจะลืมกันไปแล้ว แอปฯนี้เปิดตัวช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส และได้รับการดาวน์โหลดมากกว่า 10 ล้านครั้ง และผู้เข้าร่วม Clubhouse ต้องมาจากการเชิญเท่านั้น แถมเป็นแอปฯสำหรับระบบปฏิบัติการ IOS อย่างเดียว Clubhouse ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามถึงขั้นที่แพลตฟอร์มสังคมออนไลน์อื่นๆต้องการที่จะลอกเลียนแบบ อันนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับ Clubhouse จริงๆค่ะ เยี่ยมยอดมากๆ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้บริษัทกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ประการแรกคือ การแพร่ระบาดของไวรัสเริ่มคลี่คลาย และผู้คนก็อาจจะสนใจในการเข้าสังคมในชีวิตจริงมากกว่า แทนที่จะสนทนาผ่านโทรศัพท์
แต่บรรดารายอื่นๆที่ตอนนี้กำลังโฆษณาว่าจะเป็นคู่แข่ง Clubhouse รายต่อไป ก็จุดประเด็นที่น่าสนใจว่า บรรดาผู้ที่ชื่นชอบการพูดคุยทางออนไลน์ ในไม่ช้าก็จะมีสถานที่มากมายที่สามารถทำได้เช่นเดียวกับ Clubhouse หลายท่านอาจจะ เอ๊ะ มีที่ไหนบ้าง เผื่อไม่ได้ติดตามกันนะคะ ก็จะมี Twitter, Facebook (ออกข่าวเป็นระยะ), LinkedIn, Discord, Spotify, Mark Cuban, และ Slack ที่ได้เปิดตัว หรือกำลังพัฒนาแอปฯสังคมออนไลน์ออกอากาศทางเสียง และจะทำให้พื้นที่ตรงนี้คึกคักแน่นอน
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดสำหรับ Clubhouse คือ อาจจะดำเนินรอยตาม ฟังก์ชั่น Stories ของ Snapchat ซึ่งเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองผ่านฟังก์ชั่น Stories ซึ่งจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เป็นต้นแบบของฟังก์ชั่น Stories ใน Instagram ซึ่งเป็นของ Facebook นั่นเอง คงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อฝ่ายที่เลียนแบบเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีข้อได้เปรียบตรงผู้ใช้งานที่เยอะกว่า และแพลตฟอร์ม Social Audio นี้ ดูท่าทางก็จะเผชิญชะตาเดียวกัน มีแนวโน้มว่า Clubhouse กำลังจะเจอปัญหาหนักแน่ๆ
แต่ก่อนอื่นมาดูกันหน่อยว่า Clubhouse จะมีอะไรมาต่อกร และที่เห็นได้ชัดคือเป็นแพลตฟอร์ม Social Audio รายแรก และตอนนี้มีผู้ใช้เป็นล้านๆคนที่เข้ามาใช้ Clubhouse เพื่อที่จะเข้าถึงเนื้อหาในรูปแบบ Social Audio และนั่นก็รวมถึงบรรดาเหล่าผู้มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น Elon Musk, Mark Zuckerberg, Bill Gates, และเหล่าเซเลบคนอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้เหล่าซีอีโอบริษัทเทคโนโลยี ก็เข้ามาประกาศเรื่องต่างๆใน Clubhouse ซึ่งก็รวมถึง Stewart Butterfield ซีอีโอของ Slack ที่ได้ประกาศใน Clubhouse ว่า แอปฯของบริษัทลอกเลียนแบบ Clubhouse อย่างไรก็ตาม จากการที่แอปฯนี้มีทั้งข่าวและการสนทนา จึงเป็นสิ่งที่ยากสำหรับบริษัทอื่นๆจะลอกเลียนแบบได้
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ผู้คนก็ติด Clubhouse กัน ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการที่จะให้ผู้ใช้ยังคงอยู่กับแอปฯนี้ ทีมผู้พัฒนาก็มีแผนที่จะเปิดตัวโปรแกรมให้กับผู้สร้างคอนเทนต์ ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะเป็นการให้รางวัลแก่ผู้ใช้ที่ทุ่มเทมากที่สุดด้วยรายได้และทรัพยากรต่างๆเพื่อเพิ่มอรรถรสในรายการของพวกเขา
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ในเดือนที่ผ่านมาแอปฯดังกล่าวได้เพิ่มจำนวนพนักงาน และล่าสุดได้ไปชิงตัว Fadia Kader จาก Instagram เพื่อมานำทีมสื่อพันธมิตรและผู้ผลิตคอนเทนต์ ซึ่งที่ Instagram นั้น Kader ทำงานร่วมกับนักดนตรีเพื่อช่วยให้งานของพวกเขามีประสิทธิภาพสูงสุดบนแพลตฟอร์ม เพราะฉะนั้น คาดว่าการมาของ Kader ก็น่าจะทำหน้าที่คล้ายๆกันที่ Clubhouse และล่าสุด ได้มีการพูดคุยกับ Justin Bieber เกี่ยวกับอัลบั้มล่าสุดของเขาด้วย ยังไม่หมด Clubhouse ยังได้จ้าง Maya Watson จาก Netflix ให้มาเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดไร้พรมแดน (Head of Global Marketing) ซึ่งแปลว่าในไม่ช้าจะมีการใช้ทรัพยากรต่างๆเพื่อโปรโมท Clubhouse แทนที่จะพึ่งพาการบอกปากต่อปากเพียงอย่างเดียว และนี่คือก้าวย่างต่างๆที่สำคัญที่จะทำให้ Clubhouse ยังเป็นที่น่าสนใจและเจริญรุ่งเรืองต่อไปได้
แต่ๆๆ แอปฯนี้ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันจากแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลกมากมาย ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้สั่งสมประสบการ และมีแอปฯที่สามารถใช้ได้ทั้ง IOS และ Android และมีฐานผู้ใช้ที่จงรักภักดีจำนวนมหาศาล ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็สามารถยัดเยียด Social Audio ของตนเองได้ บางบริษัทอย่าง Twitter และ Discord ก็ได้มีฟีเจอร์แบบ Social Audio ออกอากาศสดให้แก่ผู้ใช้เป็นล้านๆคนของแอปฯแล้ว แถมยังมีประสิทธิภาพการเชื่อมต่อดีพอๆกับ Clubhouse เพราฉะนั้น หากไม่ได้รับการเชิญเข้าร่วม Clubhouse หรือไม่มี iPhone ก็จะสามารถเข้าถึง Social Audio แบบที่ไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ Clubhouse ได้
อย่างที่เล่าในตอนต้นนี้ว่า Stories ทำให้ Snapchat ประสบความสำเร็จ และก็ยังเป็นผู้นำร่องแนวคิดของคอนเทนต์แบบชั่วคราว และเป็นผู้นำรูปแบบดั้งเดิมของสังคมออนไลน์กลับมา แต่ไม่นาน ก็เกิดการแข่งขันฟังก์ชั่นดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ Clubhouse กำลังเผชิญในขณะนี้ เพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้ หากกลับไปดู Snapchat บริษัทได้ลงทุนเพิ่มกับแอปฯที่ใช้กับระบบปฏิบัติการ Android นี้ โดยทำให้แอปฯใช้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้ใหม่ ผ่านการออกแบบใหม่ และการติดตามพันธมิตรคอนเทนต์กับบริษัทสื่อและบันเทิงอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีการให้รายได้แก่ผู้ใช้ที่ทำคอนเทนท์ใน Spotlight ซึ่งเป็นฟีเจอร์คู่แข่งของ TikTok และยังสนับสนุนธุรกิจโฆษณาที่กำลังเติบโต ส่วน Clubhouse ยังไม่มีการสนับสนุนเรื่องโฆษณาหรือการลงทะเบียนสมาชิก แต่นั่นก็จะเป็นขั้นต่อไปของแพลตฟอร์มนี้เพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้ แต่เห็นชัดว่าคู่แข่งหลายราย อย่าง Facebook ก็มีกฎเรื่องการโฆษณาแล้ว ซึ่งทำให้งานการขายโฆษณาของ Clubhouse ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
โดยสรุป เรายังคงต้องติดตามต่อไปว่า Clubhouse จะอยู่รอด ได้หรือไม่ และจะสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งต่อเนื่องได้หรือไม่ ก็แค่ต้องอยู่ในวงสนทนาเท่านั้น
ที่มา:
โฆษณา