3 เม.ย. 2021 เวลา 17:11 • ประวัติศาสตร์
เมืองหลี่เฉียน (Li Qian) กับกองทหารโรมันที่พลัดถิ่นมาถึงจีน??
หากใครได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนหมู่บ้านเจ๋อไหลไจ้ (Zhelaizhai) เมืองหลี่เฉียน (Li Qian) ในมณฑลกานซูของประเทศจีน คงต้องแปลกใจอย่างมากเมื่อพบว่าชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้บางส่วนกลับมีผมสีบลอนด์และนัยน์ตาสีฟ้าอย่างน่าประหลาด แถมมีรูปร่างที่สูงใหญ่ผิดกับชาวจีนโดยทั่วไป
ลักษณะชาวหมู่บ้านเจ๋อไหลไจ้ (Zhelaizhai) ในปัจจุบันที่คล้ายชาวตะวันตกอย่างน่าทึ่งจนนำไปสู่ทฤษฎีที่ว่าพวกเขาคือลูกหลานทหารโรมันที่สาบสูญ [1] [5]
ผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ต่างบอกว่าพวกตนสืบเชื้อสายมาจากทหารต่างแดนจากดินแดนทางตะวันตกอันห่างไกลของจีน และเมื่อตรวจสอบพันธุกรรมแล้วยิ่งน่าตกใจเมื่อพบว่าผู้คนเหล่านี้น่าจะมีบรรพบุรุษส่วนหนึ่งมาจากยุโรปจริงๆ ทำให้มีทฤษฎีว่าพวกเขาคือลูกหลานของกองทหารโรมันที่สาบสูญไปนั่นเอง
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในราวปี 53 ก่อนคริสตกาล เมื่อกงสุลของสาธารณรัฐโรมันอย่าง มาร์คุส ลิซินิอุส คราสซุส (Marcus Licinius Crassus) ได้นำทหารโรมันประมาณ 7 รีเจียน (Region) หรือประมาณ 45,000 คนบุกรุกดินแดนพาร์เธีย (Parthia) ที่อยู่ทางตะวันออกของโรมัน (ดินแดนอิหร่านในปัจจุบัน) เพียงเพราะเค้าได้ยินถึงความมั่งคั่งของพาร์เธียและต้องการความนิยมทางทหารจากพลเมืองโรมัน
เส้นทางเดินทัพของกองทหารโรมันภายใต้การนำของกงสุลคราสซุส จนทำให้ทหารโรมันบางส่วนต้องพลัดพรากไปอยู่ในดินแดนจีนที่เมืองหลี่เฉียนในที่สุด
ทหารโรมันได้พยายามรุกไล่กับกองทหารปาร์เธียที่มีกำลังราวๆ 10,000 คน ที่สมรภูมิเมืองโบราณคารเรอี (Carrhae) ซึ่งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างอาณาจักรโรมันกับพาร์เธีย แต่ด้วยการวางกลยุทธ์ที่ผิดพลาดของคราสซุส ทำให้กองทหารโรมันต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ จนทำให้ทหารราวๆ 20,000 คนถูกสังหารและอีก10,000 คนถูกจับเป็นเชลย โดยคราสซุสเองก็ถูกประหารอย่างสยดสยองด้วยการกรอกทองร้อนๆ เข้าไปในปากสนองความโลภที่เขาต้องการ !!!
เมื่อต้องปะทะกับทหารม้าธนูของจักรวรรดิพาร์เธีย ที่เข้าโจมตีแบบฉาบฉวย (Hit and run) ทำให้การจัดกระบวนทักแบบกระดองเต่า (Tactical Testudo) ที่เคยใช้ได้ผลกลับไร้ประสิทธิภาพ ส่งผลให้พวกเขาพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในสมรภูมิที่คารเรอี
หลังจากนั้นไม่นานทหารพาร์เธียนำเชลยทหารโรมันทั้งหมดไปประจำการเป็นทหารรักษาชายแดนที่เมืองโบราณทาเรซ (Taraz) ซึ่งอยู่ใกล้ๆชายแดนประเทศคีร์กีซสถานในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งอีก 17 ปีต่อมาในราว 36 ปีก่อนคริสตกาล ทหารโรมันต้องเผชิญศึกใหญ่อีกครั้งในสมรภูมิที่เมืองจือจือ (Zhizhi) กับกองทหารจักรวรรดิฮั่น (Han empire) ของจีน
ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ของจีนระบุว่าพวกเขาต้องต่อสู้กับทหารที่ใช้โล่เรียงซ้อนกันเป็นรูปแบบกระดองเต่าหรือเกล็ดปลา (Tactical Testudo) ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่กองทหารโรมันได้รับมาจากกรีกอีกทีและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทหารโรมัน แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วศึกครั้งนี้กองทัพจีนจะสามารถเอาชนะกองทหารโรมันได้
กลยุทธ์การจัดกระบวนทัพแบบกระดองเต่า (Tactical Testudo) คือลักษณะเฉพาะที่กองทหารรีเจียนของชาวโรมันรับสืบทอดมาจากชาวกรีก
แต่ด้วยรูปแบบการรบที่น่าสนใจนี้ ทำให้นายทหารจีนกวาดต้อนเชลยศึกโรมันเหล่านี้กลับมาที่จีนด้วย โดยให้พวกเขาตั้งเมืองและป้อมปราการที่บริเวณเมืองหลี่เฉียนในปัจจุบัน ทั้งนี้ก็เพื่อใช้ทหารโรมันเป็นทหารรักษาชายแดนและคุ้มครองเส้นทางการค้าบริเวณเส้นทางสายไหม จนทำให้หลายคนเชื่อว่าลูกหลานของทหารโรมันเหล่านี้ยังสืบเชื้อสายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามนักวิชาการหลายคนก็ยังไม่ปักใจเชื่อทฤษฎิเรื่องกองทหารโรมันที่สาบสูญ พวกเขาแย้งว่าสาเหตุที่คนในหมู่บ้านเจ๋อไหลไจ้มีพันธุกรรมคล้ายชาวยุโรปน่าจะเป็นเพราะชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมที่มีการติดต่อกับชาวตะวันตกที่เข้ามาตั้งรกรากในแผ่นดินจีนช่วงยุคหลังมากกว่า
เส้นทางเดินทัพที่ยาวไกลของทหารโรมันจากสมรภูมิคารเรอี (Carrhae) จนมาตั้งรกรากที่เมืองหลี่เฉียนในท้ายที่สุด
แต่แล้วในปี ค.ศ.1993 [1] นักโบราณคดีได้ขุดค้นซากเมืองโบราณและป้อมปราการในเมืองหลี่เฉียน ผลลัพธ์ที่ได้น่าตกใจมากเพราะมันมีแผนผังและอุปกรณ์แบบเดียวกับชาวโรมันอย่างมาก สิ่งนี้จึงเป็นหลักฐานที่แน่ชัดว่าเมื่อราวๆ สองพันปีก่อนมีกองทหารโรมันได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในจีนจริงตามบันทึกในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตามเราก็ยังจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันเรื่องนี้อีกทีหนึ่ง
1
Fact
- นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าคำว่า หลี่เฉียน (Li Qian) ที่เป็นชื่อเมืองโบราณน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า "Regions" ที่ใช้เรียกระบบจัดกองทัพของโรมันโบราณ
- มีการดัดแปลงเรื่องราวของกองทหารโรมันที่สาบสูญของคราสซุสเป็นภาพยนตร์เรื่อง Dragon Blade ในปี ค.ศ.2015 ที่นำแสดงโดย จอห์น ลูแซค และเฉินหลง
โฆษณา