4 เม.ย. 2021 เวลา 06:04 • ท่องเที่ยว
🌼 PHA-NGAN & FULL MOON PARTY ทริปในฝัน สวรรค์สายฝอ *PLUS: หมู่เกาะอ่างทอง ตอนที่ 1...
.
.
- Date: 28 Feb 18 – 05 Mar 18 แต่ไปจริงๆคือ 01 – 04 Mar 18
- ชาวคณะ: เพื่อนร่วมก๊วนกันมาตั้งแต่ม.ปลาย รวมๆแล้วก็เป็นเพื่อนกันมา 15+ ปีละ
- ค่าเสียหาย: เดี๋ยวคำนวณให้ดูด้านล่าง แต่อย่าหวังว่าทริปนี้ไม่เกินหมื่น ไม่มีทางงงง หมื่นบานปลายซะด้วย อีกอย่าง พวกเราไม่ได้ประหยัดกันขนาดนั้น นี่มาพักผ่อน ต้องขอสะดวกสบายไว้ก่อนตามอัตรากำลังของตังค์
ตอนแรกตั้งใจจะให้ชื่อว่า “Full Moon Party ทริปนี้ไม่มีนก” แต่ลืมไปว่านกเลยไม่ใช้ดีกว่า >______<
เราเป็นคนนึงที่รู้สึกว่าพะงัน แค่อยู่ไม่กี่วัน แต่ก็รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
ไม่รู้สิ ตอนแรกวาดภาพไว้ว่าที่นี่ต้องดูน่ากลัว พอบอกใครเขาว่าจะมาฟูลมูน
เขาก็จะคิดว่า เฮ้ย เหล้ายาปลาปิ้ง มั่ว sex เต็มหาด แน่เลยใช่มั้ยแกร
บอกเลยนะว่า มันก็คงต้องมีแน่ๆ แต่ถ้าเราไม่ไปยุ่งกับมัน ก็ไม่มีอะไร
ถ้ากลัวของหาย เราก็อย่าเอาของไปเยอะ เซฟเราเองดีที่สุด
ลองมาดูกันว่าทริปนี้เป็นยังไง !
นี่คือทริปดีงามพระรามแปดของแท้ ที่ทำให้ % ความรักทะเลของเราพุ่งพรวด
เอาชนิดที่เรียกได้ว่า ญี่ปุ่นก็ญี่ปุ่นเถอะ ตอนนี้หลีกทางให้ทะเลแห่งประเทศไทยหน่อยนะ ถถถถถ
ขอปฎิญาณตนเป็น Thalassophile แบบจริงจัง
ซึ่งก็คือ คนที่รักทะเล ชอบหาดทราย คลั่งไคล้เกลียวคลื่นในมหาสมุทร นั่นแล
การเดินทางของเราเริ่มตั้งแต่ 28 กุมภา 2018 แต่จะบอกว่าแค่เริ่มก็ไม่สวยซะแล้ว
เมื่อมานึกขึ้นได้ว่า บัตรประชาชนซึ่งปกติควรอยู่ในกระเป๋า ในวันนี้ดันไม่อยู่ !
แล้วก็นั่งรถออกมาแล้วด้วย อีกครึ่งทางจะถึง กทม อยู่แล้ว ซวยยยยยยย
แต่….บุญยังมี ฝาชียังค้ำหัว …..เพราะพกใบขับขี่มาด้วย เฮ้ออออ รอดตาย
แต่ก็ไม่วายจะแน่ใจ เลยเข้าเว็บไปหาอ่านว่ามีแค่ใบขับขี่แทนบัตรประชาชนจะขึ้นเครื่องได้มั้ย
โชคดีไปที่ได้ ฟิ้ว……………. เกือบบบบ
…ผ่านไป ความซวยยกที่ 1…
การเดินทางเรื่อยมาจนถึงหมอชิต แล้วก็ต่อรถเข้ามาที่พักแถวสนามบินดอนเมือง
เพราะวันรุ่งขึ้นนัดเจอชาวคณะตอน 06.00 น.
ที่พักก็ดันต้องเดินไกลอีก เหงื่อไหลไคลย้อยซะ
ที่พักเราชื่อ “วี อินน์”
พอเช็คอินเข้าที่พัก นั่งแกร่วได้แป๊บนึง หิว จะออกไปหาอะไรกิน
จู่ๆฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะตก ก็ตก !!! เห้ยยยยยยย อะไรกันเนี่ยยยยยย
…ความซวยยกที่ 2…
ไม่พอ พออยากจะอาบน้ำเท่านั้นแหละ อาบเสร็จละ ก้าวออกมาหน้าห้องน้ำ
แล้วลืมไปว่าเอาพรมเช็ดเท้าไปซับน้ำที่รั่วจากฝ้าใกล้เตียงนอน
(อ่านไม่ผิดหรอก เราบ่นใน booking ไปละ !!) ดันลื่น…….พร๊วดดดดด
เอาก้นและข้อศอกซ้ายลงอย่างแรง เจ็บ ass มาก แต่คิดว่าน่าจะช้ำใหญ่
แต่ศอกซ้ายเจ็บกว่า เราเคยแขนหักข้างนี้ด้วย เอาแล้ว ซวยอีกแล้ววว
…ความซวยยกที่ 3…
คือมันเกิดขึ้นเร็วมาก นี่ยังคิดว่าโชคดีที่ไม่เอาหัวลง ไม่งั้นอาจตายแบบโป๊ ไม่สวยอ่ะ
พอตั้งสติได้สักพัก เลยไปนั่งสวดมนต์ขนานใหญ่เลย ปลอบขวัญตัวเองนะ โอ๋ๆๆ
คืนนี้ จะมีเพื่อนมาค้างกับเรา เพราะหอนางอยู่ไกล
กลัวมาตอนเช้าไม่ทันไฟล์ท เลยจะมานัดเจอกันที่วัดดอนเมือง
ไปๆมาๆ จากที่อาบน้ำเสร็จอย่างดี ต้องออกมาวนหาเพื่อนกันพักใหญ่กว่าจะเจอ
กว่าจะเดินกลับอีก เล่นเอาเหงื่อโซก
…ถือว่าเป็นความซวยยกที่ 4 ได้มั้ย…
พอขึ้นมาบนห้อง อย่างที่บอกว่าวันนี้ฝนมันตก น้ำมันรั่วมาตามฝ้าหรือเพดานไม่รู้
ก็เปียกพื้นใหญ่เลยสิ ตอนแรกเปียกจุดนึง แล้วก็มาเปียกอีกจุดนึง
โอ๊ยยย กรูจิบ้าาาา !!
…ความซวยยกที่ 5…
นอนหลับฝันดีมั้ยไม่รู้ รู้แต่ว่าแสนจะเพลียเหลือเกินนนน
🍧 DAY 1: 01 MAR 18
ตั้งปลุกกันตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง หวังว่าเช้านี้ยังไม่มีอะไรซวยๆนะ
เช็คเอ้าท์เรียบร้อย ต่อ Taxi จากที่พักไปส่งหน้าสนามบิน
จริงๆก็อยากจะเดินแหละ แต่ไม่ไหวอ่ะ ไกลลลลลลล
นัดเจอชาวคณะกันตอน 06.00 น. ที่หน้าเกท AirAsia
เพื่อนเราจองเป็นไฟล์ทของ AirAsia ที่รวมค่ารถทัวร์ ค่าต่อเรือข้ามเกาะไปเลย
เดี๋ยวราคารวมให้ทีเดียวด้านล่างนะ
สรุปการเดินทางของเราเป็นไปตามนี้
.
Step 1 >> Don Muang Airport —> Surat Thani Airport (1 hr and 15 mins) by Plane
Step 2 >> Surat Thani Airport —> Donsak Pier (1 hr 30 mins to 2 hrs) by Bus
Step 3 >> Donsak Pier —> Thong Sala Pier at Pha-Ngan Island (2 hrs to 2 hrs 30 mins) by Ferry (Raja Ferry)
.
เรานั่งไฟล์ทเช้า แต่คนเต็มเกท ส่วนมากก็ต่างชาติ ฝรั่ง ละติน เกาหลี เห็นคนไทยประมาณ 45% จากเกทต้องนั่งรถบัสต่อไปไกลอยู่ ไปขึ้นเครื่อง
ทีนี้ พอขึ้นเครื่องเสร็จ มาลงสนามบินสุราษฎร์ธานี
ก็ดีนะ สนามบินเล็กๆ
แต่รองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาลงได้ถือว่าไม่ธรรมดา
จากนั้นเราก็ต้องไปติดต่อที่ ราชาเฟอร์รี่ (Raja Ferry) เพื่อนั่งรถบัสไปท่าเรือดอนสัก
เขาจะให้สติกเกอร์ติดเสื้อแบบรูปขวามือมา เราก็ติดไว้ เดินขึ้นรถสวยๆไป
จริงๆนี่เราเพิ่งรู้ ว่าเส้นทางสุราษฎร์ฯ สามารถไปต่อเกาะได้หลายเกาะเลย
เช่น เกาะพะงัน ที่เราจะไป และ เกาะสมุย
ซึ่งเท่าที่รู้คือ บางกอกแอร์เวย์มีไฟล์ทจากสุวรรณภูมิมาลงที่สมุยเลยแบบไม่ต้องต่อเรือ แต่ที่ท่าเรือดอนสักนี่เอง ที่เขามีสองเกาะให้เลือก คือ ใครจะไปพะงันก็ขึ้นเฟอร์รี่ลำนึง ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.เศษๆ ตารางเดินเรือจะไม่เยอะ แต่ของสมุย ตารางเดินเรือ เวลาจะมีให้เลือกเยอะกว่า
เอาล่ะ ตอนนี้ก็ขึ้นรถบัส (ซึ่งมันก็คือรถทัวร์ดีๆนี่แหละ) เตรียมออกไปท่าเรือ
ถ้าไปช้า ก็ต้องรอรถรอบต่อไป ซึ่งจะออกได้ก็ต่อเมื่อมีไฟล์ทจากดอนเมืองมาลง
คณะเราทำธุระเสร็จช้าไปหน่อย เลยได้รอไปหลายนาทีอยู่ รอจนอีกไฟล์ทมาลง นักท่องเที่ยวก็ขึ้นมาบนรถ ซึ่งก็พบว่าคณะเราเป็นคณะเดียวที่เป็นคนไทย นั่งรถยาวไปๆ สักพักก็มีน้าผู้หญิงขึ้นมาทำหน้าที่กระเป๋ารถเมล์ เช็คตั๋วๆ
หลังจากนั้น ก็เข้าสู่โลกหลังม่านตา หลับกันไป ZZzZzzzZZzzz
นู้นแหละ หลับไปได้ไม่นานหรอก ก็ตื่นมาดูวิว และความจริงก็ใกล้เข้ามา
เมื่อมองไปทางซ้ายมือจะเห็นน้ำทะเลสีฟ้าเทอร์คอยซ์สวยราวกับลำธารที่สวิส
นั่นไง !!! สะกิดเพื่อนข้างๆให้ดู มันสวยจริงๆนะ ฝรั่งในรถก็อู้อ้ากันใหญ่ (หมายถึงทำเสียงตื่นเต้นอ่ะ)
เอาล่ะ เรามาถึงกันแล้ว ท่าเรือดอนสัก (Donsak Pier)
สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกเลยคือ ขึ้นไปหาที่เคาน์เตอร์ AirAsia และยื่น Boarding Pass ให้ เขาจะให้ตั๋วขึ้นเรือเฟอร์รี่มา เรือที่เราจะขึ้นชื่อ ราชาเฟอร์รี่ นะ
พอดีช่วงนั้นก็เที่ยง เรือเฟอร์รี่ที่จะไปเกาะพะงันจะออกอีกทีตอนบ่ายสอง
เลยตัดสินใจไปหาอะไรกินกัน เดินออกไปทางด้านหลังมีร้านอาหารวิวดีมากอยู่ ควรไปโดน
บนนี้ลมเย็นสบาย ได้ที่นั่งละก็สั่งเลย เนื่องจากเราเป็นคนทานง่ายๆ ไม่อยากจ่ายแพง เลยเลือกอาหารสิ้นคิดแต่ถูกปากมาทาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจานละยี่สิบสามสิบซะเมื่อไร
หลังจากอิ่มหนำกันไปแล้ว ก็ได้เวลามองไปรอบๆ วิวมันช่างดี๊ดี
โต๊ะตรงนู้นมีหนุ่ม ฝ นั่งคนเดียวหล่อๆ แถมสังเกตจากการอ่านปาก ฮีพูดไทยได้ !!
ต๊ายยยย น่ารักน่าเอ็นดู หวังว่าคงไม่มากับแฟนนะ
เราก็ชำเลืองไปมาอยู่สักพัก รู้สึกจั๊กกะจี้ในหัวใจ กริ้ววว ฮีก็มองมา เราก็มองไป
แต่ไม่นาน ฮีก็จากไป หมดกัน อาหารตา…บรัยยยยย 555555
นี่เป็นแค่เริ่มต้น แต่อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่หัวรีวิวว่า ทริปนี้นก
คนเราพอมันเริ่มได้นกแล้ว มันก็จะนกไปอีกเรื่อยๆๆๆๆ
ซึ่งก็เป็นจริงในท้ายที่สุด อ่านๆไปก่อนเถอะ สงสารเราให้มากๆด้วยนะ 5555
เวลาผ่านไปพักนึง ยังไม่บ่ายสองซักที ชาวคณะเลยชวนเล่นเกมการ์ด
มันไม่ใช่ไพ่นะยูววว แต่มันคล้ายๆเหมือนเด็กๆเขาเล่นการ์ดเกมยูกิ ไรงี้
เออ อิกลุ่มนี้มันเล่นกันงี้แหละ….ลุงป้าจะสามสิบแล้ว ขอย้อนวัยสมัยมีเซเลอร์มูน
ก็นั่งเฮฮากันไปพักนึง หิวอีกก็ไปหยิบไอติมมากิน สั่งน้ำมาดื่ม
ร้านเดิมนั่นแหละ เขาคงบอก เมื่อไรพวกเมิงจะลุกไปกันสักที
เป็นคนไทยน้อยๆกลุ่มเดียวด้วย นอกนั้นต่างชาติหมด
ขอโทษค่ะคุณลุง พวกหนูอาจทำให้เสียลูกค้าขาจรไปบ้าง T_T
แต่โต๊ะหนูก็ทานกันเยอะน้าา เกือบเป็นพันนะเอ้า
อ่ะ พอใกล้เวลาบ่ายสอง คุณลุงคงดีใจกันได้ซะที
ส่วนอิพวกนี้ก็เดินเรียงตัวไปขึ้นเรือที่ท่า ซึ่งตรงนี้อย่างที่บอก ไปได้ทั้งพะงันและสมุย เวลาเดินไปขึ้นเรือก็ตั้งสติดีๆกันนะ อย่าไปเดินตาม ฝ หล่อขึ้นเรือไปผิดเกาะล่ะ ไม่มีที่นอนนะเออ
เรือลำใหญ่ยักษ์กว่าที่คิด เป็นการนั่งเฟอร์รี่ครั้งแรกของเรา
ทุกทีเคยนั่งแต่เฟอร์รารี่ ………………(ถรุย !!!!!)
เป็นเรือที่จุคนได้ราวๆ 100-200 คนทีเดียว แต่ถึงแม้จะมีที่ให้เลือกนั่งเยอะ
ด้านล่างเรือเขาจะเป็นที่ของรถยนต์ที่จะข้ามมายังเกาะนี้ ซึ่งเยอะมาก
ส่วนพวกเราก็ได้แต่เบียดเสียดหลบรถที่จะเข้ามาจอด ไปหาที่นั่งกันดีก่า
แต่กระนั้นพวกเราขึ้นมาช้า ด้านในที่มีแอร์ก็มีคนจับจองกันไปหมดแล้ว
ด้านนอกข้างหลังเรือก็มีที่นั่งที่มีคนเต็ม พวกเราเลยไม่รู้จะทำไง นั่งมันบนพื้นแหละ
โชคดีที่ใส่ขายาวสีดำมา เพราะพื้นมันเปื้อนเขม่าจากควันเรือมาก
และแดดก็ร้อนมากทีเดียว อากาศอบอ้าว คือนั่งได้ แต่สบายไม่สุด
ต่างชาติที่ล้อมรอบก็เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่อายุไม่น่าเกินสามสิบ มาเป็นคู่เห็นเยอะกว่ามาคนเดียว
มาเป็นกลุ่มก็พอมีให้เห็นบ้าง คงเป็นช่วง gap year ที่บางคนออกท่องโลกก่อนเข้ามหาลัย
หรือบางคนอาจจะเพิ่งเรียนจบแล้วก่อนเข้าทำงาน อะไรงี้
แต่ไม่ว่าจะอายุอานามเท่าไรนะ สิ่งที่เหมือนกันของฝรั่งที่เราเห็นคือ
พวกเขาอ่านหนังสือ !! พกหนังสือติดตัวมากันด้วยคนละเล่มสองเล่ม
ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นกับคนไทยบ่อยๆ….น่าอายจัง
เท่าที่เราเห็น มีประมาณ 40% ที่อ่านหนังสือ 20% เสียบหูฟังเพลง
30% หลับ และอีก 10% คือนั่งคุย และมีกลุ่มเดียวที่นั่งเล่นการ์ดเกม ก็พวกเรานี่ไง !!! ฮาาา
แต่ระยะเวลาสองชั่วโมงบนเรือนี่มันนานจริงๆ
เลยออกไปเดินเล่นรอบเรือกัน ไปสมมุติความเป็นแจ๊คกับโรส
นี่คือท้ายเรือ ในฉากที่แจ็คพบโรสกำลังจะโดดลงทะเล
เรือนี่ดี มีร้านค้าให้ซื้อ แต่ก็แพงหูฉี่
นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไปจนเหยียบเกาะ
จะไ่ม่พบเจอกันอีกแล้วกับน้ำขวด 7 บาท หรือเลย์ถุง 20
จากนี้ไปขอเชิญพบกับความแพงที่แม้แต่โรงหนังยังสู้ไม่ได้
(นี่ก็เว่อร์ไป แต่เอาจริงๆ ก็แพงกว่าบนบกแหละ ปกติ)
อ้อ เราไปเดินที่ด้านหน้าเรือด้วย
ตอนแรกก็มีความตื่นเต้นที่ได้อยู่บนเรือที่มีทะเลล้อมรอบ
แต่พอผ่านไปสักพักก็ไม่ตื่นเต้นละ แต่ยังคงชอบนะ
เพราะทะเลสีแบบนี้เราชอบที่สุดเลย
ที่สำคัญ ไม่เมาเรือด้วย เริ่ดที่สุด
เอาล่ะ หลังจากเวิ่นเว้อกันมาเนิ่นนาน
ช่วง 45 นาทีสุดท้ายก่อนถึงเกาะ หลายคนเริ่มออกมาอยู่ด้านหลังเรือ
เพราะลมโชยเย็นสบายมากๆ ชอบมากๆเลย
แม้แดดจะร้อนแต่ตอนนั้นมันก็ใกล้ๆจะสี่โมงเย็นละ
เริ่มเห็นตัวเกาะละเหวยยย
ณ เวลานั้น พวกเราก็เบียดเสียดกันอีกรอบเพื่อรอลงเรือ
และก็ไปยืนออกันด้านล่างที่เจ้าของรถเริ่มสตาร์ทรถกันแล้ว
มันก็จะแออัดกันนิดนึง #ตรูว่าก็ไม่นิดละนะ
ท่าเรือที่เราจะลงกันจุดนี้ ชื่อว่า ท่าเรือท้องศาลา (Thong Sala Pier)
เป็นจุดที่เราจะเหยียบแผ่นดินพะงันเป็นที่แรก และเป็นจุดสุดท้ายที่จะออกจากพะงัน
ท่าเรือนี่ใหญ่ มีเรือที่จะต่อไปยังเกาะสมุย และหมู่เกาะอื่นๆได้ด้วย
...ตัดภาพมาที่สี่ไทย
พอพ้นกันมาได้ก็รีบจ้ำอ้าวมาถาม Taxi เพื่อไปที่พักที่หาดริ้น
Taxi ที่นี่ เอาจริงๆก็เป็นรถสองแถวนี่แหละ
อย่าไปนึกถึง Cabby แบบนิวยอร์ก ลอนดอน แบ๊งค๊อก เขาใช้กันเลย
คุยไปมาได้ความว่าจากท่าเรือท้องศาลาไปหาดริ้น คนละ 100
เออ เอาก็เอา เพราะจะมาหาอะไรถูกๆแถวนี้ท่าจะยากแล้ว
ก็จัดไป พร้อมนักท่องเที่ยวอีกเต็มคันรถ
จำได้ว่ามีคณะเรา ไทย 4 คน
พี่ผู้หญิงไทยจากกรุงเทพ 3 คน มีคนนึงพูดมากๆหน่อย พูดตั้งแต่รถออกยันเราลง
คนญี่ปุ่น 2 คน คนนึงนั่งตรงข้ามเรา สวยมากเลย เหมือนนักร้อง
อีก 2 เป็นสาวฝรั่ง ทุกคนมีจุดมุ่งหมายคล้ายกันคือหาดริ้นและหาดใกล้เคียง
ที่นี่มีลักษณะเป็นภูเขา แน่นอนว่าถนนก็ผ่านภูเขา
ที่โคดหวาดเสียวเลย และเป็น part ที่โคดดีของที่นี่ ชอบ !
Taxi ที่นี่โคดเก่ง ถึงเราจะขับขึ้นเขาเชียงใหม่บ่อยๆ แต่ที่นี่ ยอมอ่ะ
คือนึกจะโค้งหักศอกก็หัก นึกจะสูงๆต่ำๆก็ไป ราวกับเป็นโรลเลอร์โคสเตอร์กันเลย
และแล้ว เราก็มาถึง หาดริ้น (Haad Rin)
ที่พักเราชื่อ “เนปจูน วิลล่า (Neptune’s Villa)”
รีวิวค่อยว่ากัน แต่จะบอกว่าเราชอบมากกก สตาฟฟ์คือดีงาม
มีห้องหลายแบบให้เลือก สระว่ายน้ำดี๊ดี เดินไปสามสี่ก้าวก็ถึงทะเลแล้ว
รักกกกกกกกกกกกกกกก
ที่สำคัญ เดินไป Full Moon Party ที่หาดริ้นได้แค่สิบนาทีเอง
ที่พักของเราเป็นแบบบังกะโล บ้านเป็นหลังๆ มีสองชั้น
แต่ชั้นบนกับชั้นล่างเป็นคนละห้องนะ เราก็อยู่หลังนึง สองคน
เพื่อนผู้ชายอีกสองคนก็อยู่อีกหลังนึง ซึ่งชั้นสองก็เป็นแขกคนอื่น
พอเราเช็คอินเรียบร้อย ดูห้องเรียบร้อย เลยตกลงจะลงไปเล่นน้ำทะเลกันด้านหลัง
พระอาทิตย์กำลังตกดิน โอ๊ยยยย สวยมากกกกกก
บอกตั้งแต่ทริประยองแล้วว่าพระอาทิตย์ตกดินมันโรแมนติกมากจริงๆ
ยิ่งได้อยู่กับคนที่เรารัก ลองนึกดูว่าจะมีความสุขขนาดไหน
ถ่ายรูปนี้ได้ พร้อมความฟินในจิตใจ เนื้อคู่ของชั้นอยู่ที่หนายยยยย 55555
“Every time we walk along a beach some ancient urge disturbs us so that we find ourselves shedding shoes and garments or scavenging among seaweed and whitened timbers like the homesick refugees of a long war.”
— Loren Eiseley, Writer
ฉันกับท่าประจำที่ต้องทำทุกครั้งที่มาเยือนทะเล
.
.
เหมือนจะจบวันที่ sunset เนอะ
แต่ ช้าก่อน ความเป็นพะงันของพวกเราเพิ่งเริ่มต้น เหอะๆๆ
พอถ่ายรูปไปพอหอมปากหอมคอแล้ว
หิวอ่ะ หิวมากด้วย ต้องออกไปหาอะไรกระแทกปาก
ตกลงกันว่าจะเดินไปเพื่อไป survey ดูหาดริ้นซิ
ที่ที่จะจัดงานพรุ่งนี้อ่ะแกรรร อยากรู้มันเป็นยังไง
ก็เลยกลับไปเปลี่ยนกางเกงแล้วออกเดินทาง
ที่พักเราดี๊ดี ใกล้ ATM เกือบทุกธนาคาร ใกล้ Family Mart ใกล้ 7-11
ระหว่างทางเดินไปหาดริ้นก็แซ่บมาก อาหารตาอร่อยเหาะ
ร้านรวงก็เริ่มเปิดให้ซื้อของเตรียม Full Moon Party กันแล้ว
ระหว่างทางก็แวะดูบ้างอะไรบ้าง สวยดีนะ เสียอย่างเดียว แพง -_-“
บรรยากาศร้านค้าระหว่างเดินไปหาดริ้นก็เป็นฉะนี้แล
ฝ สาวๆเขาก็แต่งกันแบบนี้แหละมาทะเล เห็นจนชิน
ผุ้ชายก็ shirtless กันไป เบื่อแล้ววววว …..(จริงหราาา)
พอลากสารร่างไปถึงหาดริ้นได้ ก็กรี๊ดแตกมากเพราะ…นั่นเลยย
ใช่แล้ววว พระจันทร์สวยมากกกกกกกกกกก
คือวันที่เราไปตรงกับวันมาฆบูชาพอดี
วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 งดงามแจ่มใส
ลองนึกภาพ ชายหาดที่เปิดโล่งๆ มีคนมาเดินเล่นกัน
ร้านรวงที่คงจะเคยคึกคักก็เปิดแค่ไฟและรอคอยค่ำพรุ่งนี้
วันนี้วันพระ ร้านนั่งชิลเลยยังไม่เปิดเพลงเสียงดัง
มีโต๊ะทั้งแบบนั่งพื้น และนั่งบนเก้าอี้เปิดให้นักท่องเที่ยวมาดื่มด่ำบรรยากาศ
แต่พวกเรายังไม่ได้ทานของคาว จึงวกกลับไปโซนร้านอาหารก่อน
เดินหากันจนตัดสินใจว่า เฮ้ย ร้านนี้ดูราคาถูกสุดละ ก็นั่งเลย
แต่…เป็นการคิดที่ผิดมหันต์กันเลยทีเดียวว
อย่าให้บอกเลยว่ามัน…แค่ไหน ฮืออออ รอนาน จนฝรั่งสองคนลุกหนีทั้งๆที่มาก่อนเรา
แม่ครัวมีคนเดียว และคนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเพื่อนบ้านใกล้เคียงเราที่พูดไทยได้น้อยมาก ต้องพูดอังกฤษไปถึงจะเข้าใจ…
สนนราคาก็ประมาณนี้…สำหรับ 4 คนที่กินได้แค่ข้าวผัดกับกับข้าวแค่ไม่กี่อย่าง
ออกจากร้าน ไปหาดดีกว่า ได้เวลานั่งชิล
ยิ่งดึกคนยิ่งคึก แม้จะไม่เท่าคืน Full Moon ของจริง แต่ก็มีมาเยอะเหมือนกัน
หาดริ้น ณ ตอนนี้คือเงียบ สงบ ได้ยินเสียงคลื่นอยู่ไกลๆเพราะน้ำลง
ลมเย็นสบายจนแอบหนาวด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีอารมณ์วิ่งไปเอาเท้าจุ่มน้ำอยู่
ถึงแม้บรรยากาศจะเงียบแต่ก็มีเสียงพูดคุยจากชาวต่างชาติโต๊ะใกล้เคียงเต็มเลย
(จะบอกว่า ฝ โต๊ะข้างหน้าเราหล่อมาก หนุ่มแว่นดูเนิร์ดๆ เหมือน Harry Potter เหมือนโดนรุ่นพี่หลอกมารับน้อง 555 เพราะนางดูเมาไป ให้เดาว่าโต๊ะนี่อิมพอร์ตมาจาก UK ชัวร์ !!…ดูโหงวเฮ้งแล้วมันใช่ 55555 เปล่าาา ฟังสำเนียงก็รู้แล้วว)
เนื่องจากเราไม่ได้เอาการ์ดเกมมา เสียดายมากกกก
เพราะบรรยากาศแบบนี้มันเหมาะเล่นมากจริงๆ
พอไม่มีอะไรทำ ชาวคณะเลยงัดเอามือถือมาโหลดเกมใบ้คำซะเลย
และก็เป็นดังคาดว่า มันฮามากกกกกกกก ฮาจนปวดท้อง
ฝ กลุ่มใหญ่โต๊ะข้างๆน่าจะรำคาญเราเลยเอาลำโพงใหญ่ๆมาเปิดเพลงซะเลย
แล้วหาดก็ไม่เงียบแล้วเพราะนางเอาลำโพงพกพามาเปิด
เรานั่งกันที่นั่นกันตั้งแต่สองทุ่มครึ่ง-สามทุ่ม ลากยาวจนถึงตีสองครึ่ง
เพราะเลยเที่ยงคืนเป็นต้นไป คนก็ไม่ได้มีทีท่าว่าลดลงเลย กลับมากขึ้นด้วย
ร้านรวงเริ่มเปิดเพลงกันแล้ว เริ่มมีโชว์กระบองไฟ คนก็ไปเล่นกระโดดเชือกไฟกัน
พอเพลงมาเท่านั้นแหละ ชายหาดก็ครึกครื้นราวกับเป็นการ Pre-Full Moon Party กันเลย
อารมณ์นั้นก็ไปแดนซ์สิ รออะไร แม้จะไม่สุดเท่าไร แต่ก็โอเคล่ะว้า
พอประมาณเกือบตีสองครึ่ง คนก็ซาๆบ้าง เพื่อนเลยบอกให้กลับ
คืนนี้กว่าจะได้นอนก็ตีสามครึ่ง…หวังว่าพรุ่งนี้จะไม่ต้องตื่นเช้าน้าาา
ไม่อยากไปแล้ว ดำน้ำอ่ะ…
ZzzzzzzzzzZ
.
.
Continue to Part 2.....

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา