ถัดมาเค้าเริ่มเปิด Workshop เพื่อสอนเกี่ยวกับทักษะด้านนี้ เมื่อได้รับความนิยมมากๆขึ้นก็เริ่มเปิดสถาบันเป็นของตัวเองที่ชื่อว่า Dale Carnegie Institute สถาบันที่สอนเกี่ยวกับทักษะการพูดที่ดังที่สุดในโลกแห่งนึง
1
Dale Carnegie
ใช่ครับเด็กน้อยชาวนาคนนี้คือ Dale Carnegie ตำนานเจ้าของหนังสือชื่อดังอย่าง How to Win Friends and Influence People และหนังสือ Self-Development ชื่อดังอีกหลายเล่ม
เพียงแต่งานเหล่านี้มักจะเป็นงานเบื้องหลัง (Back Office) มากกว่าจึงทำให้ไม่ได้เป็นที่จดจำ หรือมีชื่อเสียงมากเท่างานของ Front Office
3
*** เหมือนกรณีของ Steve Jobs ที่มักจะถูกจดจำมากกว่าในฐานะ CEO ของ Apple ในขณะที่ Stephen Wozniak ผู้เป็นเบื้องหลังความสำเร็จด้านด้านเทคโนโลยีและเป็นผู้สร้างคอมพิวเตอร์ Apple เครื่องแรกขึ้นมากลับถูกพูดถึงในปริมาณที่น้อยกว่ามากๆๆๆ
10
⭐️ Case Study ที่น่าสนใจจากในหนังสือ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯในปี 1828 ระหว่าง John Quincy, Professor จาก Harvard และ Andrew Jackson, ฮีโร่จากสงคราม
ด้วยความแตกต่างกันสุดขั้วของทั้งสองคนทำให้มีคำพูดติดปากของคนในยุคนั้นว่า “John Quincy Adam who can write, Andrew Jackson who can fight.” ซึ่งเป็นลักษณะของ Introvert และ Extrovert ตามลำดับ
ผลการเลือกตั้งก็ออกมาว่าทางฝ่ายของ Andrew Jackson นั้นชนะไปขาดลอยถึง 178 ต่อ 83 เสียง เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความนิยมใน Extroversion ที่ดีอย่างนึงเช่นกัน
ความเชื่อของภาวะผู้นำที่มีลักษณะเฉพาะตัวนั้นเป็นหนึ่งในความเชื่อ และธรรมเนียมปฏิบัติของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่าง Harvard Business School (HBS) ที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้นักศึกษากล้าแสดงออกและมีส่วนร่วม (Participation) ในห้องเรียน
ดังนั้นเราจะเห็นว่า CEO ของบริษัทชั้นนำนั้นไม่ได้มีแต่ Extrovert เพียงอย่างเดียว เราจะเห็น Introvert หลายคนที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กรที่ดีได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Bill Gates (Microsoft), Charles Schwab (CEO ของ Charles Schwab Corp. บริษัทด้านการเงิน), Brenda Barnes (Sara Lee และ Pepsi Co) และ James Copeland (Deloitte)
ทำให้การทำงานในองค์กรต่างๆมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็น Open-Floor Plan ที่พนักงานส่วนใหญ่จะไม่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเอง แต่จะเป็นโต๊ะทำงานหลายๆโต๊ะรวมกันอยู่ในห้องโถงใหญ่
แต่นั่นกลับเป็นการพัฒนาในทางที่ผิด *อย่างน้อยก็ในทางทฤษฎี* เพราะมีงานวิจัยเด่นๆ 2 ชิ้นที่พบว่าการทำงานแบบ Working Alone / Working in Solitude นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำงานเป็นทีม
2
⭐️ งานวิจัยแรกมาจาก Anders Ericsson ที่วิจัยเกี่ยวกับนักไวโอลิน โดยศึกษาเกี่ยวกับผลงานและระยะเวลาของการฝึกซ้อม โดยแต่ละคนมีชั่วโมงการฝึกซ้อมที่เท่ากันแต่แตกต่างกันที่วิธีการฝึก
นั่นยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าการทำงานบางอย่างนั้นควรที่จะทำในพื้นที่ส่วนตัวมากกว่าจะเป็น Open-Floor Plan ที่นอกจากจะไม่เป็นส่วนตัวแล้วยังถูกรบกวนจากปัจจัยภายนอกได้ง่ายอีกด้วยนั่นเอง
ดังนั้นการใช้ Open Floor Plan อาจจะไม่ได้ดีที่สุดเสมอไป บางสายงานอาจจะต้องปรับเป็น Private Space ให้มากขึ้น หรือถ้ายังยืนยันจะใช้ Open-Floor เหมือนเดิมก็ควรจะทำให้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆนั้นยืดหยุ่นแบะสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย เพื่อให้เหมาะกับการปรับเปลี่ยนแผนผังให้เหมาะกับงานแต่ละงานนั่นเอง
“ต่อให้ Bill Gates จะฝึก Social Skills มากขนาดไหน เค้าก็ไม่มีทางเป็นนักการเมืองที่เก่งแบบ Bill Clinton, และต่อให้ Bill Clinton นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ไปทุกวันเค้าก็ไม่มีทางเป็น Bill Gates ได้เช่นกัน”