Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เม่าเล่าเรื่องหุ้น
•
ติดตาม
6 เม.ย. 2021 เวลา 02:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เทรดให้คมด้วย Weekly Chart สรุปจากหนังสือของ จอห์น เมอร์ฟี
"เครื่องมือทางเทคนิคทุกชนิด สัญญาณที่เกิดขึ้นในชาร์ทรายสัปดาห์ (weeky chart) จะมีความสำคัญมากกว่าชาร์ทราคารายวันเสมอ โดยวิธีการใช้ที่ดีที่สุดก็คือ ใช้สัญญาณรายสัปดาห์เป็นตัวแบ่งทิศทางว่าอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง และใช้สัญญาณในชาร์ทราคารายวัน เพื่อหาจุดเข้าและจุดออกที่เหมาะสม" - จอห์น เมอร์ฟี
1
จอห์น เมอร์ฟี เป็นเทรดเดอร์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติเชิงลึกของเขามากมายเท่าไหร่นัก สิ่งที่ทุกคนรู้เกี่ยวกับเขาก็คือ เขาเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี เป็นหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เทคนิคประจำเว็บไซต์
stockchart.com
และยังปรากฎตัวตามสื่อต่างๆ ทั้ง CNN, Bloomberg CNBC ฯลฯ
แต่สิ่งที่สร้างชื่อให้เขาที่สุด ก็หนีไม่พ้นงานเขียนอันโด่งดังของเขาอย่าง Technical Analysis of The Financial Markets ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์เชิงเทคนิคแบบครบครัน จนบางคนขนานนามว่านี่คือไบเบิ้ลแห่งหนังสือการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิค และยังถูกใช้เป็นหนังสืออ้างอิงในการสอบใบอนุญาต CMT อีกด้วย (แปลเป็นภาษาไทยในชื่อเทคนิคอล อนาไลซิส)
1
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้อาจมีมากมายเกินกว่าจะสรุปไหว แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ที่เมอร์ฟีเองได้พูดถึงการใช้ weekly chart หรือกราฟราคารายสัปดาห์ ซึ่งเขาได้บอกว่ามันสำคัญกว่าการใช้ daily chart หรือกราฟราคารายวันเสียอีก
ทำไมถึง
สำคัญกว่า
กราฟราคาในภาพใหญ่ก็เปรียบเสมือนกระแสน้ำในน้ำ ส่วนกราฟราคาในภาพเล็กก็เหมือนคลื่นต่างๆ ที่เกิดขึ้น คลื่นลูกเล็กอาจมีทั้งการเคลื่อนไหวที่รุนแรงหรือเซื่องซึมก็ได้ มันอาจเคลื่อนไหวตามทิศทางหลักหรือสวนทิศทางเป็นบางครั้ง แต่ถ้ากระแสน้ำหลักเคลื่อนที่ไปทางไหน คลื่นย่อยต่างๆ ที่อยู่ในน้ำก็ล้วนมีทิศทางไปตามกระแสน้ำ
ในชาร์ทราคาก็เช่นกัน มันอาจมีหลายช่วงที่ชาร์ทราคาในภาพเล็กเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะมีทิศทางที่เป็นไปตามชาร์ทราคาภาพใหญ่กว่า จึงเป็นเหตุผลให้ชาร์ทราคาภาพใหญ่มีความสำคัญกว่าภาพเล็ก
เมอร์ฟี
ใช้ยังไง
1
จากตัวอย่างในหนังสือเทคนิคอลอนาไลซิส คุณเมอร์ฟีได้ยกตัวอย่างการใช้ MACD Histogram ว่ามันส่งสัญญาณเตือนถึงความอ่อนแอของแนวโน้มขาขึ้นในชาร์ทได้ก่อนที่จะเกิดสัญญาณขาย ส่วนบริเวณลูกศรชี้ขึ้นในชาร์ทราคาทั้งซ้ายและขวา ตัวแท่ง MACD Histogram ก็เกิดการกลับตัวก่อนที่จะเกิดสัญญาณซื้อในเส้น MACD ด้วย
2
ลองใช้กับ
หุ้นไทย
กราฟหุ้น CKP รายสัปดาห์ ช่วงที่ราคาพักตัวอยู่บริเวณฝั่งขวามือนั้น จะเห็นได้ว่า MACD Histogram ก็ค่อยๆ ติดลบน้อยลงจนแทบจะกลับมาเป็นค่าบวกได้ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานนัก หุ้น CKP ก็เกิดการพุ่งตัวอย่างรุนแรง เทรดเดอร์สามารถใช้กราฟราคารายวันเพื่อหาจุดซื้อที่ดีได้ก่อนที่ราคาจะเริ่มปรับตัวขึ้น
กราฟหุ้น CHG รายสัปดาห์ ก่อนที่ราคาหุ้นจะร่วงอย่างรุนแรง เครื่องมือ MACD Histogram ก็เริ่มส่งสัญญาณความอ่อนแอของแนวโน้มราคามาก่อนแล้ว เนื่องจากราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่แท่ง MACD Histogram กลับไม่สามารถเพิ่มขึ้นตามราคาได้ จึงเป็นอีกสัญญาณบอกให้เทรดเดอร์ควรขายหุ้น เพราะมีโอกาสที่ราคาจะย่อตัว
แต่ตัวอย่างที่ไม่ได้ผลก็ยังมีให้เห็น ในกราฟหุ้น JMART รายสัปดาห์ แท่ง MACD Histogram ที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ (เส้นสีขาว) ก็ทำให้ราคาเกิดการย่อตัว แต่หลังจากนั้นไม่นาน ราคาหุ้น JMART ก็สามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้ และแท่งเครื่องมือก็ยังทำจุดสูงกว่าจุดก่อนหน้าได้อีกด้วย แต่ราคาก็ร่วงลงอย่างรุนแรงต่อจากนั้น แสดงให้เห็นว่ากระทั่งการใช้ weekly chart ก็ยังมีความเสี่ยง แต่เทรดเดอร์สามารถป้องกันได้ด้วยการกำหนดจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสม
...
เทรดให้คมด้วย Weekly Chart
สรุปจากหนังสือของ จอห์น เมอร์ฟี
เครดิตบทความดีๆโดย :
INVESTING.in.th
— Happy Investing
16 บันทึก
12
4
9
16
12
4
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย