6 เม.ย. 2021 เวลา 05:36 • ไลฟ์สไตล์
คุณเคยอยากย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรที่เราทำพลาดไปในอดีตไหมครับ?
"ถ้าย้อนเวลากลับไป มีอะไรที่เราอยากแก้ไข?"
มีผู้ใหญ่ที่น่ารักท่านหนึ่งได้เคยถามกระผมเอาไว้
คืนก่อนกระผมนั่งไล่ดูลิสต์หนังที่อยากดูไปเรื่อยๆ ก็มาหยุดคิดที่หนังเรื่องหนึ่ง เคยดูหนังตัวอย่างแล้ว ก็คิดว่าพล็อตเรื่องน่าสนใจมาก แต่ที่คิดอยู่นานเพราะหนังเรื่องนี้ เธอเป็นหนังญี่ปุ่น จึงกดลิสต์ไว้รอให้ใจพร้อม กายพร้อม จะได้มารับชมในภายหลัง ที่ต้องคิดมากเพราะหากท่านใดติดตามเสพภาพยนต์ หรือละครสัญชาติญี่ปุ่นอยู่แล้วจะทราบว่า คุณเธอทำหนังได้ นิ่ง และ เน้น คือคุณเธอจะเล่าเรื่องแบบยุบหนอ พองหนอ กำหนดลมหายใจไปเรื่อยๆ อย่างเป็นจังหวะ(ช้าๆ) ไม่เร่ง ไม่รีบ เน้นไปที่แก่นเรื่องใด ก็จะโฟกัสเล่าไปที่ประเด็นนั้นประเด็นเดียว เปรียบเทียบกับเพื่อนใกล้เรือนเคียงอย่างเกาหลี(ใต้นะครับ)เจ้านั้น กระผมคิดว่าน่าจะถูกจริตคนไทยหลายคน เพราะเดินเรื่องไว(จัด) มีซีนขายบ้าง เพลงเพราะๆ ภาพสวยๆแต่ไม่วนไปมาแบบ โผล่ๆแอบๆตามต้นไม้ทั้งภูเขา หนังเกาหลีมีลักษณะเฉพาะอีกอย่างที่น่าชื่นชมคือ จะมีพล็อตย่อยของตัวละครอื่นๆที่ไม่ใช่ตัวเอกมาให้เราได้ติดตามอยู่ด้วยนอกจากเนื้อเรื่องหลัก ทำให้มิติของหนังหลากหลายขึ้น ที่สำคัญ เปิดมาแล้วก็ตามปิดจนครบ ไม่เหมือนบางชาตินะครับ ที่เปิดสารพัดปมมาให้เราตาม แต่พอจะจบ พี่แกก็ทิ้งไว้ดื้อๆ ไม่คลายปมให้ซะอย่างนั้น ประมาณเรตติ้งไม่มีพี่ก็ขอตัดจบก่อนละนะ
กลับมาเรื่องเดิม เดี๋ยวจะสร้างพล็อตย่อยโดยไม่จำเป็นไปอีกนะครับ คือการตัดสินใจดูหนังเรื่องนี้ กระผมต้องมีสมาธิ และพักผ่อนเพียงพอ เพื่อจะรับชมอย่าง ที่ควรจะเป็น เช็คแล้วก็ลงมือกดเล่นเลย...
3 คืนคือเวลาที่กระผมใช้ไปในการรับชมภาพยนตร์ความยาวไม่ถึง 2 ชั่วโมงดี
ดูไปหลับไป เปิดย้อนใหม่ดูไปก็หลับอีก กว่าจะจบเรื่องกันได้
ไม่ใช่ไม่สนุกนะครับ แต่เป็นเพราะการเล่าเรื่องที่มีรูปแบบเฉพาะตัวแบบหนึ่งของชนชาตินี้ ซึ่งไม่ใช่แค่ภาพยนตร์เท่านั้น การดำเนินวิถีชีวิตต่างๆก็เป็นเช่นนั้นคือกัน (พูดถึงเรื่องนี้แล้ว นึงย้อนถึงเรื่องไปหาซื้อปูยักษ์ที่ญี่ปุ่นมาก ขอติดไว้มาเล่าในภายหลัง เดี๋ยวจะแตกพล็อตย่อยไปใหญ่)
จริงๆวันนี้กระผมจะมาเล่าถึงเรื่อง รสลิ้นที่อยู่คงแม้กลืนคำนั้นลงไปแล้ว อารมณ์ร่วมที่คงอยู่แม้หนังจะจบไปแล้วครับ
หนังเรื่องนี้มีชื่อเรื่องว่า "Cafe Funiculi Funicula" ดัดแปลงมาจากหนังสือขายดีเรื่อง "เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น" (Before the Coffee Gets Cold) แนะนำให้ลองชมเรื่องนี้นะครับ และควรดูให้จบ เพราะผมคิดจะมาเล่าเรื่องวันนี้ มาจากบทสรุปเรื่องราวในช่วงประมาณ 10 นาทีสุดท้ายของเรื่องครับ
ไม่ได้เล่าเรื่องหนังนะครับ แต่คงต้องสรุปสั้นๆให้พอเข้าใจที่มากันได้
เรื่องเล่าถึงร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่มีเก้าอี้ที่สามารถข้ามกาลเวลาได้ หากทำตามกฎที่ระบุไว้ ผู้คนหลากหลายก็มาใช้บริการเพื่อย้อนไปในอดีตที่คาใจ สงสัย คั่งค้างกัน แม้กฎข้อหนึ่งจะระบุไว้ชัดเจนว่า สิ่งที่กลับไปเปลี่ยนแปลงในอดีตจะไม่มีผลต่อปัจจุบัน แปลว่าจะกลับไปทำอย่างไรก็แก้ไขอดีตไม่ได้ครับ
"แล้วเราจะย้อนกลับไปในอดีตทำไมในเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้?" เป็นคำถามที่ตัวละครหนึ่งตั้งขึ้นมา
นางเอกของผมก็ตอบไปว่า "แม้อดีตจะเปลี่ยนแปลงปัจจุบันไม่ได้ แต่อนาคตยังเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น มันอยู่ที่คุณตัดสินใจอย่างไรในปัจจุบัน"
ใจความสำคัญนี้เอง ที่ได้กระตุ้นให้ต่อมต่างๆในร่างกายของกระผมทำงานร่วมกันอีกครั้ง
การคิดถึงข้อผิดพลาดในอดีตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปัจจุบันได้
หากแต่เราเรียนรู้ข้อผิดพลาดจากอดีตที่ผ่านมา เราก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้อยู่ดี
เพราะอนาคตไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้
หากแต่อนาคตคือผลจากสิ่งที่เราทำมันในวันนี้ต่างหาก
เราไม่ได้เปลี่ยน แต่เราสร้างอนาคตด้วยความเข้าใจ จากอดีตที่ผ่านมา
ทั้งในเรื่องชีวิต และหน้าที่การงาน
หากเราจดจำอดีตเพียงเพื่อหาแพะรับบาปจากผลในปัจจุบัน อดีตคงไม่ได้มีค่าอันใด
หากเรา เรียนรู้ วิเคราะห์ ถอดบทเรียนจากอดีตที่ผ่านมา ทั้งดีและไม่ดี สิ่งนี้ย่อมเป็นทุนอันเลอค่า
และหากเรา สามารถนำทุนอันนี้ มาปรับใช้เป็นนาวิเกเตอร์นำทางในปัจจุบันได้ เราจะไปได้ถูกทาง ใช้เวลาและต้นทุนที่น้อยลงในการไปสู้อนาคตที่เราต้องการ
ผมขอยกประโยคที่พระเอกของเรื่องได้พูดไว้ในตอนท้ายของเรื่องมาให้อ่านกันนะครับ
"แม้ว่าสิ่งที่ได้เกิดไปแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
แต่สีหน้าของคนที่ได้ไปอดีตมา กลับฉายแววสดใส
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ของกาแฟหนึ่งแก้ว
ก็เปลี่ยนหัวใจคนได้
หัวใจคนเรา...
เปลี่ยนได้"
มันคือการสรุปเรื่องราวทั้งหมด ที่จะทำให้คุณมองโลกอย่างเข้าใจขึ้นไม่มากก็น้อยครับ
cafe funiculi funicula
โฆษณา