6 เม.ย. 2021 เวลา 07:22 • ข่าว
ในบางวันที่เรารู้สึกท้อมาก ท้อจนแบบทำไมโชคชะตาต้องนำพาเรามาเจอเรื่องที่บ้าๆบอๆ เรื่องซวยๆเรื่องร้ายๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้? เราทำกรรมอะไรมามากมายขนาดนั้นเหรอ? จนทำให้เราไม่อยากอยู่ อยากตายๆไปซะให้มันจบๆ จะได้เลิกทรมานทรกรรมซักทีไหมคะ?
บางครั้งในช่วงชีวิตเรา อาจจะเจอปัญหาถาโถมมาแบบไม่หยุดหย่อน จนเราคิดว่ามันไม่มีทางที่จะดีขึ้นแล้ว มันไม่มีทางที่จะหาทางออกได้ ใครมาพูดว่าซักวันมันจะดีขึ้น เราก็ไม่อยากจะฟัง เพราะตัวเราเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีแสงสว่าง เมื่อไหร่ความมืดมนมันจะหายไปซักที
หากคุณเป็นคนนึงที่กำลังรู้สึกแบบนั้น เราอยากเล่าเรื่องของผู้หญิงคนนึง ที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะมาก แต่ภายใต้ความโชคร้ายของเธอนั้น เธอเลือกที่จะมีความสุข และเลือกที่จะ “กล้าหาญ” พร้อมกับมีชีวิตต่อไป และเดินไปข้างหน้า เรื่องที่เราจะเล่านี้ เป็นเรื่องของผู้หญิงที่มีชื่อว่า “Michelle Knight”
“To find happiness through the darkest of time”
⭐️ Michelle Knight เกิดและเติบโตที่เมือง Cleveland รัฐ Ohio สหรัฐอเมริกา เธอเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ค่อยมีสภาพแวดล้อมดีมากหนัก เรียกง่ายๆว่าเป็นบ้านที่ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก และมีความรุนแรงตลอดเวลา Michelle หนีออกจากบ้านหลายครั้ง แต่ก็ถูกพ่อตามกลับมาอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม
⭐️ นอกจากสภาพครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์และทำให้เธอเติบโตมาด้วยความทุกข์ Michelle ยังมีสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนคนปรกติทั่วไป เธอมีรูปร่างไม่สมส่วน ทำให้เธอมีปัญหาถูก bully ที่โรงเรียนอีกด้วย
⭐️ช่วงเรียนอยู่มัธยมปลาย เธอตกหลุมรักเด็กหนุ่มที่โรงเรียนเดียวกันและเกิดตั้งท้อง เธอคลอดลูกชายที่มีชื่อว่า Joey พอลูกคลอดออกมา Michelle พยายามอย่างหนักที่จะให้ Joey มีชีวิตที่ไม่เหมือนกับเธอ ลูกต้องมีชีวิตที่ดีกว่าแม่ ทำให้ Michelle ทำงานอย่างหนัก และต้องฝาก Joey ไว้กับแม่ของตัวเอง ที่บ้านของแม่มีแฟนของแม่อาศัยอยู่ด้วย และวันนึงเหตุการณ์ที่ร้ายแรงก็เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าแฟนของแม่ทำร้าย Joey หรือดูแลเขาไม่ดีพอ Joey ในตอนนั้นที่เป็นทารกขาหัก ต้องเข้าโรงพยาบาล
⭐️พอเข้าโรงพยาบาล ทำให้เกิดการสอบสวนและพบว่า บ้านของแม่ Michelle ไม่ปลอดภัยสำหรับการเลี้ยงเด็ก และ Michelle ก็ไม่สามารถดูแล Joey ให้ปลอดภัยได้ รัฐจึงต้องเอาตัว Joey ไปเลี้ยงดูแทน และ Michelle สามารถมาเยี่ยม Joey ได้ตามนัด และจะสามารถรับเขากลับไปเลี้ยงดูเองได้ เมื่อสามารถพิสูจน์ให้รัฐเห็นว่า เด็กจะถูกเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
⭐️ระหว่างนี้ Michelle ทำงานอย่างหนัก และหมั่นไปเยี่ยมลูกไม่ขาด เพื่อให้รัฐและเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเธอสามารถรับ Joey กลับมาดูแลได้ ในวันที่ 21 สิงหาคม ปี 2002 ในตอนนั้น Joey มีอายุแค่เพียง 2 ขวบ และ Michelle กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดพบเพื่อเจอกับเจ้าหน้าที่และลูกชายของเธอ เธอหลงทาง พยายามเดินหาสถานที่ดังกล่าวให้เจอ Michelle ไม่อยากไปสาย เพราะหากไปสายนั้นหมายความว่าเธอไม่จริงจัง และเหลาะแหละ เธอกระวนกระวายและอยากไปให้ทันเวลา
⭐️ จังหวะที่กำลังเดินอยู่บนถนนนี่เอง มีผู้ชายคนนึงหยุดถามเธอว่าเธอกำลังจะไปไหน ชายคนนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่ Michelle จำได้ว่าเขาคือ Ariel Castro พ่อของเพื่อนสมัยเรียนของเธอ Ariel บอกกับ Michelle ว่า เขารู้จักสถานที่นัดเป็นอย่างดี และจะขับรถไปส่ง Michelle เพื่อที่จะไม่พลาดนัด Michelle ดีใจและขึ้นรถไปกับเขา Ariel ยังบอกอีกว่า ที่บ้านของเขามีสุนัขเพิ่งจะคลอดลูก หาก Michelle อยากได้ลูกสุนัขไปฝาก Joey เขายินดีที่จะให้ Michelle หนึ่งตัว Michelle ตกลงและดีใจ คิดว่าลูกชายน่าจะชอบลูกสุนัขแน่ๆ เลยแวะบ้านของ Ariel เพื่อดูลูกสุนัขดังกล่าว
⭐️สิ่งที่ Michelle ไม่รู้เลยคือ Ariel ไม่มีลูกสุนัข เขาล่อล่วง Michelle มาที่บ้าน ก่อนจะจับเธอขัง เอาโซ่มัด เอาถังคลุมหัว เธอถูกทรมาน ถูกทำร้าย ถูกข่มขืน เธอไม่ได้อาบน้ำมาเกือบปี และต้องทำธุระทั้งๆที่โดนจับมัดเปลือยกายอยู่บนพื้น หลังจากที่ Ariel จับตัวเธอมาแล้ว ยังไปจับเด็กผู้หญิงอีกสองคนมาทำแบบเดียวกันกับเธออีกด้วย
⭐️ ถึงแม้ว่าจะมีผู้หญิงทั้งสามคนถูกจับตัวอยู่ในบ้าน แต่ดูเหมือน Ariel จะเกลียด Michelle มากที่สุด เขาเย้ยหยันเธอเสมอ เวลาเปิดทีวีแล้วมีคนออกตามหาเด็กอีกสองคน แต่ไม่มีใครตามหา Michelle เลย (พ่อกับแม่ของ Michelle คิดว่า เธอหนีออกจากบ้านธรรมดา เลยไม่ทำแม้แต่จะแจ้งตำรวจเมื่อเธอหายตัวไป) มิหนำซ้ำ เมื่อ Michelle ตั้งท้อง หลายต่อหลายครั้ง เขาจะทรมานและทำร้ายเธอ ตั้งแต่ให้อดข้าว ซ้อมทุบตี มีกระทั่งกระทืบไปที่ท้องและเอาดัมเบล์กระแทกท้องให้เธอแท้งอีกด้วย (แต่เมื่อผู้หญิงอีกคนท้อง Ariel กลับปล่อยให้เธอได้คลอดลูก โดยให้ Michelle เป็นคนทำคลอด)
⭐️ Michelle คิดอยากจะตายหลายหน เธออยากตายๆไปซะ จะได้พ้นจากความทุกข์ทรมาน และเมื่อคิดถึง Joey เธอได้แค่คิดว่า เธอจะตายไม่ได้ เธอไม่อยากให้ลูกรู้ว่า แม่ตายเพราะยอมแพ้ เธอจะต้องมีความหวังเพื่อเจอลูกชายของเธออีกครั้ง
⭐️ในปี 2013 (ใช่ค่ะ 11 ปี) หนึ่งในผู้หญิงที่ถูกจับหนีมาได้ และเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วยทั้งสามคนออกจากบ้านของ Ariel ได้ พอไปถึงโรงพยาบาล อีกสองคนมีญาติมาหา มีคนมารอรับกลับบ้าน แต่ Michelle ไม่มีใครมาเลย เธอนอนอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว มิหนำซ้ำ หมอยังบอกกับ Michelle ว่า เธอมีอาการติดเชื้ออย่างหนัก และไม่แน่ใจว่าเธอจะมีชีวิตรอด ได้ออกจากโรงพยาบาลหรือไม่ อาการเธอค่อนข้างจะวิกฤตเลยทีเดียว แต่ Michelle ก็ได้แค่ยิ้ม เธอบอกหมอกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยเธอก็หลุดออกมาจากขุมนรกนั้นแล้ว
⭐️ และ Michelle ก็สู้จนรอดชีวิต เธอเป็นเหยื่อเพียงคนเดียว ที่กล้าเผชิญหน้า Ariel Castro ในศาล และยังเป็นคนเดียว ที่นำเอาลูกโป่งสีเหลือง สีแห่งความหวัง ไปให้เจ้าหน้าที่ในวันที่พวกเขาเข้าไปทลายบ้านของ Ariel Castro ทิ้ง
Michelle ขณะที่ไปขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีของ Ariel Castro Cr:https://abcnews.go.com/
Michelle ขณะที่ไปที่บ้านที่เกิดเหตุ เพื่อดูเจ้าหน้าที่พังบ้านของ Ariel ที่ใช้จองจำเธอมานานถึง 11 ปี Cr:https://www.cnn.com
⭐️เรื่องที่น่าเศร้ามาก หลังจากมีชีวิตรอดคือ พอเธอหายตัวไป Joey ถูกนำตัวเข้าระบบ adoption และได้มีครอบครัวรับเลี้ยงไปแล้ว พอ Michelle ออกมาจากบ้านได้ จนถึงปัจจุบัน เธอยังไม่มีโอกาสได้พบกับ Joey เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เธอไม่อยากทำให้เด็กรู้สึกสับสน (อาจจะเพราะพ่อกับแม่ที่รับเลี้ยง ยังไม่ได้บอกลูกว่าเป็นบุตรบุญธรรมหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนะคะ) พ่อกับแม่บุญธรรมมักจะส่งรูปกับข่าวของ Joey ให้ Michelle เสมอ และถึงแม้จะอยากเจอหน้าลูกขนาดไหน เธอตัดสินใจรับเอาความเจ็บปวดนั้นไว้ และรอ รอว่าวันนึงเมื่อ Joey พร้อม เขาจะสามารถมาหาเธอเจอได้ทุกเมื่อ
⭐️ในวันนึง Michelle พบกับ สามีของเธอและแต่งงานกันในปี 2016 สามีคนนี้นี่เองที่เป็นแสงสว่างในชีวิตของ Michelle และเป็นคนที่ให้กำลังใจเธอผ่านพ้นความทรงจำอันแย่ๆได้ เธอมีเพื่อนใหม่เยอะแยะ และคนที่เข้ามาชีวิตเป็นครอบครัวใหม่ของเธอ น่าเศร้าที่ถึงแม้จะอยากมีลูกมากแค่ไหน อาการบาดเจ็บที่เธอได้รับจากการถูกคุมขัง ทำให้ Michelle ไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป
ความสุขและแสงสว่างหลังเหตุการณ์อันมืดมิด Cr:https://www.newidea.com.au/
⭐️ ทุกวันนี้ Michelle เขียนหนังสือเกี่ยวกับชีวิตเธอและเรื่องที่เธอต้องเจอ พร้อมกับบอกการเดินทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม และอะไรทำให้เธอพบเจอแสงสว่างในที่สุด เธอยังไปพูดในที่ต่างๆ ทำงานเป็นอาสาสมัครให้กับหลายองค์กร เพื่อช่วยให้กำลังใจคนที่กำลังท้อแท้ หรือเหยื่อที่ต้องเจออะไรเหมือนเธอ
เราฟัง Michelle ให้สัมภาษณ์หลายต่อหลายครั้ง และถึงแม้ว่าบางครั้งเธอจะมีน้ำตา แต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้เลยคือ เธอไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และเธอใจสู้มากๆ ขนาดพบเจอเรื่องต่อหลายเรื่องที่หากเป็นคนธรรมดาๆ คงยอมแพ้และคิดสั้นไปตั้งแต่แรก เพื่อหาทางออกที่ง่ายที่สุดแล้ว
หากใครกำลังท้อแท้ หรือต้องการกำลังใจ ขอให้เรื่องของ Michelle เป็นเรื่องที่ผลักดันให้เราอย่าถอยนะคะ เราท้อได้ เราเครียดได้ แต่อย่าหาทางออกที่ง่ายค่ะ ชีวิตนี้ความทุกข์จะไม่อยู่กับเราตลอดไป ความสุขก็เช่นกัน หายใจเข้าลึกๆและใช้วิธี one step at a time เราแก้ทีละนิดทีละน้อย ไม่นานเราจะพบกับแสงสว่างเองค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ
โฆษณา