6 เม.ย. 2021 เวลา 08:14 • ความงาม
กันแดดรูปแบบกิน มีจริงหรอ?
สวัสดีในวันที่ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ เพื่อนๆรู้กันอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ ว่ารังสี UV จากแสงแดดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ (Squamous Cell Cacinoma)
ผิวที่แก่กว่าวัยและริ้วรอยนั้นเกิดจากรังสี UVA ส่วนผิวไหม้ผิวแดงจนลอกๆที่เราเป็นหลังจากโดนแดดแรงมาหลายชั่วโมงนั้นเกิดจากรังสี UVB
1
จำง่ายๆเลยว่า UVA – คือผิวแก่ Aging / UVB คือไหม้ Burning มะเร็งผิวหนังยังเป็นจุดเริ่มต้น ของ โรค Actinic keratoses หรือ Solar keratosesเป็นอาการทางผิวหนังที่พบได้ทั่วไป มักถูกเรียกว่ากระแดด มีผื่นผิวหนังที่หยาบเป็นขุย รอยแดง
ผิวหนังบริเวณที่โดนรังสี UV จากแสงแดด เช่น ด้านหลังของมือ แขน และใบหน้า อาจจะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังชนิด Malignant Melanoma นี้ เป็นมะเร็งผิวหนังที่พบได้น้อย แต่มีความรุนแรงมาก โดยเป็นสาเหตุการตายถึง 75% ของผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังทั้งหมด
1
รังสี UV ทำให้เกิดการทำลาย DNA แล้วกลายเป็นมะเร็ง และยังยับยั้งการผลิต adenosine triphosphate (ATP) ซึ่งเป็นตัวผลิตพลังงานให้กับเซลล์ หากพลังงาน ATP มีไม่เพียงพอจะทำให้กระบวนการซ่อมแซม DNA มีปัญหาและล่าช้า และทำให้ร่างกายทำลายเซลล์เนื้อร้ายได้ลดลง และ รังสี UV จะกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำให้เกิดโรคแพ้ภูมิตัวเอง (autoimmune disorders) ทำให้เซลล์ผิวแก่ เกิดการสะสมของความเสียหายของดีเอ็นเอ
5
เชื่อไหมว่ากันแดดรูปแบบทานได้ มันมีอยู่จริง?
Oral Photoprotection สามารถป้องกันการเกิดของเซลล์มะเร็งผิวหนัง ช่วยในการซ่อมแซม DNA ป้องกันการทำลายของ DNA และยังช่วยลดการอักเสบ
สารต้านอนุมูลอิสระที่เรารับประทานกันนั้นสามารถเข้าไปภายในเซลล์ได้และยังช่วยลดอัตราการเกิดเซลล์มะเร็ง นอกจากนั้นยังป้องกันการเกิด Oxidative damage ที่เกิดจากแสงแดดได้ ผลพลอยได้ก็คือทำให้ผิวทนต่อแดดได้ดีขึ้น
3
มีการศึกษาวิจัยที่ช่วยยืนยันว่าการทานสารสกัดบางอย่างในรูปแบบแคปซูลสามารถช่วยในการป้องกันแสงแดดได้ ซึ่งสามารถลดการทำลายเซลล์จากรังสี UV ได้ และยังลดรอยผื่นแพ้แดงจากการโดนรังสี UV ให้น้อยลงกว่า 40%
1
ยังไม่พอ แคปซูลที่ว่านี้ยังช่วยให้อัตราการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังลดลง, ป้องกันผิวแก่จากแสงแดดได้
(photoaging) เชื่อไหมว่าเอาจริงๆเมื่อก่อนเราก็เป็นคนนึงนะที่ทากันแดดอย่างเดียวเพราะคิดว่าค่า PA+++
มันเพียงพอแล้ว แต่ความเป็นจริงแล้ว Topical sunscreens หรือการทากันแดดนั้น มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพต่อป้องกันมะเร็งผิวหนังเหมือนกันแต่ได้ค่อนข้างน้อยกว่า ปัญหาของการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดแบบทา จะมีข้อจำกัด ซึ่งการใช้แบบทาจะสามารถป้องกันรังสี UVที่มีต่อผิวหนังได้บางส่วนเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่อาจจะทาค่อนข้างน้อยและไม่สม่ำเสมอ จึงไม่เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องทาซ้ำบ่อยๆ และการใช้แบบทาจะสลายตัวหลังจากเจอรังสี ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพลดลง ซึ่งทำให้สารที่จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระไม่เพียงพอ ภายในเซลล์หลังจากได้รับรังสี UV จากแสงแดด
 
สำหรับมาดามนะ มาดามคิดว่าเราควรทั้งทาและกินควบคู่กันไป ไม่มีอันไหนดีกว่าหรอก การดูแลตัวเองคือต้องทำควบคู่ไปด้วยกัน ไม่ทาหรือกินแต่อย่างเดียว ถ้าออกแดดแรงมากๆ แนะนำว่าต้องทากันแดดทุกๆ3ชั่วโมงและเช่นกัน ก็ต้องสามารถทานสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์ช่วยเรื่องกันแดดได้บ่อยๆหรือทุก3ชั่วโมงเช่นเดียวกัน
3
ว่ากันต่อเรื่องกันแดดรูปแบบกิน หรือ Oral Photoprotection นั้นประกอบด้วยสาร micronutrients อย่างเช่นวิตามิน , สารโพลีฟีนอล เช่น Quercetin (Apple extract) , Resveratrol (Grape skin extract) , Curcuminoid (Turmeric extract ) , Hesperidin (Grapefruit extract), และ L-glutathione สารดังกล่าวนี้สามารถช่วยเพิ่มการป้องกันจากแสงแดด (photoprotective)
1
กันแดดในรูปแบบแคปซูลเป็นวิธีการการดูแลตัวเองที่ง่ายมากและสามารถทานได้เป็นประจำสม่ำเสมอ ถ้าพูดถึงประสิทธิภาพกันแดดในรูปแบบกินแล้ว นอกจากการปกป้องผิวจากแสงแดดแล้วยังสามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึง Oral photoprotection ให้การปกป้องผิวอย่างสม่ำเสมอ ลดการสะสมTyrosinase (เอนไซม์สำคัญที่ดูแลการผลิตเม็ดสีผิว) พูดง่ายๆว่าเวลาที่เราไปออกแดด มีกิจกรรมกลางแจ้งนั้น หารับประทานกันแดดและทาร่วมด้วยแล้ว ผิวเราจะหยุดที่แดงไม่พัฒนาเป็นรอยดำ นอกนั้นประโยชน์ด้านความงามแล้ว ร่างกายได้ประโยชน์ในด้านการ ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบและที่ดีอีกเรื่องคือสารกลุ่มนี้คือยังช่วยปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ได้อีกด้วย
1
กันแดดรูปแบบกินด้วยเทคโนโลยีไลโปโซมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมได้ถึง95%
ปัญหาเดียวสำหรับการทานกันแดดรูปแบบกินคือเรื่องการดูดซึม การรับประทานเข้าร่างกายเพื่อให้ออกฤทธิ์ (bioavailability) ร่างกายจะสามารถดูดซึมสารโพลีฟีนอลได้จำกัดหรือพูดง่ายๆคือกินแล้วร่างกายดูดซึมได้น้อย จึงทำให้ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามคุณสมบัติของสารโพลีฟีนอล
 
และหาเราออกแดดแรงหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลาหลายๆชั่วโมง เหมือนที่ได้เกริ่นไปว่าเราต้องทากันแดดเติมซ้ำในทุก 3ชั่วโมง กันแดดรูปแบบกินก็เช่นกันที่ต้องทานซ้ำ3ชั่วโมง แล้วหากเรารับประทานกลุ่มสารโพลีฟีนอลแล้วดูดซึมไม่ดี มิหนำซ้ำดูดซึมช้าอีก สรุปคือทานแล้วไม่ออกฤทธิ์ไม่เห็นผลและเป็นที่มาของคำว่า ทำไมดูแลตัวเองแล้วทั้งทาทั้งกินแต่ยังคล้ำยังมีริ้วรอยและรอยดำบนผิวหนังอยู่เลย
ถ้าต้องสัมผัสหรืออยู่กลางแจ้งนานๆ ควรทาและกินกันแดดชนิดแคปซูลซ้ำทุก3ชั่วโมง
เทคโนโลยีไลโปโซม (Liposomes) จึงถูกคิดค้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ เทคโนโลยีไลโปโซม (Liposomes) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพาสารอาหาร เพิ่มความเสถียรและความคงตัวของสารในการเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้ออกฤทธิ์ได้ดี และตรงต่อเซลล์หรืออวัยวะเป้าหมายได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
สุพรีมฟาร์มาเทคเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีนำส่งสารอย่างไลโปโซม
จากนี้เมื่อเราเห็นโฆษณาหรือฟังอะไรมาให้วิเคราะห์กันก่อนซื้อตามกัน ไม่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล
ก่อนเราจะควักเงินออกจากกระเป๋าในยุคโควิท-19 ยุคนี้เงินทองหายาก พิจารณาก่อนว่ากินไปแล้วดูดซึมไหม เห็นผลไหม ถ้าซื้อตามกระแสแค่เพราะพรีเซนเตอร์ดัง ทางมาดามก็เสียดายเงินแทนจริงๆ
Oral sunscreen?
UV radiation from the sun is the primary cause of skin cancer (Squamous Cell Cacinoma, the most common form of skin cancer). While UVA radiation can lead to premature skin aging and wrinkles; UVB rays can result in sunburn and skin cancer. In addition, it can also generate actinic keratoses or solar keratoses, which is the skin conditions commonly found and often referred to as solar lentigo This can be described as having rough, scaly and red patches on the skin. The areas exposed to the sun’s UV rays, such as back of the hands, arms and on the face, may contribute to malignant melanoma, which is a rare type of skin cancer with high severity. The vast majority of skin cancer deaths, approximately 75%, are from malignant melanoma.
1
UV rays cause the DNA to be damaged which, in turn, may lead to cancer and inhibit the production of adenosine triphosphate (ATP), which is the source of energy at the cellular level. Inadequate ATP energy can cause problems and delays to the DNA repair process as well as worsen the body’s ability to destroy malignant cells. Moreover, UV rays can also suppress the immune system, leading to autoimmune disorders, which contribute to skin aging and accumulation of damage to the DNA.
Oral photoprotection will not only prevent the development of skin cancer cells, improve the DNA repair process and prevent the DNA damage, but also reduce inflammation. The nutrients ingested and passed into cells are the antioxidants that will reduce the cancer cells growth rate, prevent the sunlight-induced oxidative damage and improve the skin’s UV resistance. According to the research, it was found that an ingestion of the encapsulated extracts filled with UV protection benefits could reduce the UV-induced cells damage, with 40% decrease of the UV-exposed red rashes and less skin cancer incidence while rendering photoaging protection. Topical sunscreens are also useful and effective against skin cancer, but to a lesser degree. The problems commonly found in topical sunscreens are their limitations. An application of topical sunscreens can only and partially protect the skin from UV rays, mostly due to their irregular and insufficient amount of applications, disabling them from being fully utilized and, hence, need to be frequently reapplied. Furthermore, since topical sunscreens will decompose when exposed to UV radiation, their effectiveness will be worsened, causing the antioxidant substances in the cells to be inadequate after UV exposure.
Oral photoprotection contains a variety of micronutrients, for example, vitamins, polyphenols, such as quercetin (apple extract), resveratrol (grape skin extract), curcuminoid (turmeric extract), hesperidin (grapefruit extract), L-glutathione, etc.; all of which can enhance photoprotective activity. This will both provide convenience to and increase the demand of those wishing to enjoy the photoprotective benefits, through an oral intake of encapsulated substances, which is simple and can be done on a frequent and regular basis. People will find it more practical than the topical administration as it can protect the skin from the sun, even in the areas hard to reach. And because oral photoprotection provides consistent protection for the skin, the body can enjoy its various types of benefits, including the antioxidative, inflammation reduction and immune system balancing activities.
An oral intake of these polyphenols, aiming to bring them into the body for activation purpose, will inevitably encounter polyphenols absorption limitation, which disables them from working effectively, away from the extent expected by their properties. In this regard, to maximize the body’s absorption ability and have this problem resolved; liposomes technology is then introduced. Liposomes technology can enhance the nutrient delivering efficiency and, at the same time, increase stability of the substances entering the body, in such a way that they can work more effectively and directly to the target cells or organs.
Reference : 1. Salvador Gonzalez ,Yolanda Gilaberte. Current Trends in Photoprotection - A New Generation of Oral .Photoprotectors. The Open Dermatology Journal, 2011, 5, 6-14.
2. Henry W. Lim. Clinical Guide to Sunscreens and Photoprotection.informa healthcare.
ขอบคุณการวบรวมและแปลข้อมูลจากทีมงาน สุพรีมฟาร์มาเทค
#สุพรีมฟาร์มาเทค #รับผลิตอาหารเสริม #supremepharmatech
#กันแดด #กันแดดกินได้ #oralsunscreen
ติดตามผลงานของมาดามได้ที่ช่อง Youtube ฝากกดไลค์ Subscribe และติดตามกันด้วยนะคะทุกคน
โฆษณา