Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เสียบสามเหลี่ยม
•
ติดตาม
6 เม.ย. 2021 เวลา 08:52 • กีฬา
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เจ้าของรางวัล “โกลเด้น ชู” หรือนักเตะที่ยิงประตูมากที่สุดในลีกยุโรปมีเพียง 4 คนเท่านั้น
4 คนที่ว่าประกอบด้วย ลิโอเนล เมสซี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, หลุยส์ ซัวเรซ ตามด้วย ชิโร่ อิมโมบิเล่ ที่ครองรางวัลเป็นคนล่าสุด จากผลงานซัดให้ ลาซิโอ ถึง 36 ประตูในศึก กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2019-20
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด นักเตะที่จะคว้า โกลเด้น ชู ประจำฤดูกาลปัจจุบัน คงหนีไม่พ้น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวถล่มประตูทีมชาติโปแลนด์ของ บาเยิร์น มิวนิค ที่ซัดไปแล้ว 35 ประตูในบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ ขณะที่ผู้เล่นคนอื่นทั่วทั้ง 5 ลีกดังยุโรป ยังไม่มีใครยิงได้มากกว่า 25 ลูก
นั่นหมายความว่าบรรดากองหน้าจากลีกยอดนิยมสูงสุดอย่างพรีเมียร์ลีก หลุดวงโคจรจากการลุ้นรางวัลนี้ไปนานแล้วหลายปี เพราะช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นักเตะอย่าง เมสซี่ หรือ โรนัลโด้ ผลัดกันผลิตประตูอย่างเหลือเชื่อมาโดยตลอด
นักเตะจากพรีเมียร์ลีกคนสุดท้ายที่คว้า โกลเด้น ชู มาครองได้ ก็คือ หลุยส์ ซัวเรซ สมัยยังเล่นอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อซีซั่น 2013-14 ที่กดไปถึง 31 ลูก ร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ยิงให้ เรอัล มาดริด ใน ลา ลีกา ฤดูกาลนั้นด้วยจำนวนประตูเท่ากัน
ส่วนครั้งสุดท้าย ที่นักเตะจากพรีเมียร์ลีกคว้ารางวัล โกลเด้น ชู แบบเดี่ยวๆ ต้องย้อนไปสมัยที่ “ซีอาร์เซเว่น” ยังเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซีซั่น 2007-08 และยิงได้ถึง 31 ประตู
3
แล้วถ้าจะให้ยกตัวอย่างนักเตะอังกฤษที่เคยได้รางวัล “โกลเด้น ชู” คุณจำได้ไหมว่ามีใครบ้าง?
1
ขอบอกเลยว่าในประวัติศาสตร์ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น และไม่ใช่ตำนานดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกอย่าง อลัน เชียเรอร์
1
ไม่ใช่หัวหอกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดรุ่งเรืองอย่าง แอนดี้ โคล หรือตำนานดาวซัลโวสูงสุดทีมปีศาจแดงแบบ เวย์น รูนี่ย์
ส่วนศูนย์หน้าคนดังยุคปัจจุบันอย่าง แฮร์รี่ เคน แม้จะยิงได้เป็นกอบเป็นกำสม่ำเสมอ แต่ก็ยังโชคร้าย ที่เขาค้าแข้งในยุคที่มีกองหน้าจากลีกอื่นที่ยิงได้มากกว่าเขา จึงไร้วาสนาที่จะคว้ารางวัลนี้ไป
ขอเฉลยเลยแล้วกัน ว่านักเตะจากแดนผู้ดีเพียงคนเดียว ที่เคยเป็นเจ้าของรองเท้าทองคำยุโรป นั่นคือ เควิน ฟิลลิปส์ อดีตตำนานดาวยิงของซันเดอร์แลนด์ ที่ซัดไปถึง 30 ประตูในฤดูกาล 1999-2000
2
สำหรับรางวัล โกลเด้น ชู นั้น แรกเริ่มเดิมที ชื่อของมันคือ “ซูลิเย่ร์ ดอร์” (Soulier d’Or) ซึ่งแปลว่า “รองเท้าทองคำ” ในภาษาฝรั่งเศส และเมื่อรางวัลได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ถึงมีการเปลี่ยนชื่อรางวัลให้เป็นภาษาอังกฤษในภายหลัง
ผู้คิดค้นให้มีการมอบรางวัลนี้ขึ้นมาเป็นเจ้าแรก คือนิตยสารกีฬาชื่อดังอย่าง เลกิ๊ป (L'Équipe) โดยเริ่มประเดิมมอบให้กับผู้เล่นที่ยิงประตูได้มากที่สุดของลีกยุโรปในปี 1968
1
นักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัลนี้คือ ยูเซบิโอ ตำนานดาวยิงทีมชาติโปรตุเกส ที่ซัดไปถึง 42 ประตูให้กับ เบนฟิก้า ในเกมลีกสูงสุดโปรตุเกสซีซั่น 1967-68
ในระหว่างปี 1968 จนถึงปี 1996 คนที่คว้ารางวัลนี้ ขอเพียงเป็นนักเตะที่ยิงประตูในลีกยุโรปได้มากที่สุดก็พอ โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าใครเล่นในลีกที่อ่อนชั้นกว่าใคร
1
เปตาร์ เชคอฟ นักเตะจาก ซีเอสเคเอ โซเฟีย ของลีกบัลแกเรีย, ดูดู้ จอร์เจสคู หัวหอกจาก ดินาโม บูคาเรสต์ ในลีกโรมาเนีย, ฮันส์ ครานเคิ่ล กองหน้าทีมชาติออสเตรียจาก ราปิด เวียนนา ล้วนเคยมีชื่อคว้ารางวัลนี้กันมาแล้วทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม ระหว่างปี 1991-1996 ทางเลกิ๊ปได้ประกาศยกเลิกการมอบรางวัลชั่วคราว หลังจากถูกสมาคมฟุตบอลไซปรัสประท้วงว่า นักเตะจากลีกของพวกเขาคนหนึ่งที่ยิงได้ถึง 40 ประตูสมควรคว้ารางวัลไปครองมากกว่า แม้ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการก็ตาม
นั่นทำให้พอเข้าสู่ฤดูกาล 1996-97 ทางด้าน ยูโรเปี้ยน สปอร์ตส์ มีเดีย (อีเอสเอ็ม) หรือสมาคมสื่อกีฬายุโรปเข้ามามีบทบาทกับการมอบรางวัลนี้ โดยคิดรูปแบบการนำค่าสัมประสิทธิ์จากการจัดลำดับลีกของยูฟ่า เข้ามากำหนดตัวคูณที่แตกต่างกันสำหรับนักเตะจากลีกที่มาตรฐานไม่เท่ากัน
นักเตะที่เล่นในลีกที่มีค่าสัมประสิทธิ์ของยูฟ่ามากที่สุด 5 อันดับแรก จะได้คะแนนคูณ 2, จากลีกอันดับที่ 6-22 จะมีคะแนนคูณ 1.5 และจากลีกที่มาตรฐานต่ำกว่านั้น จะมีคะแนนแค่คูณ 1
นั่นทำให้นับตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา มีนักเตะเพียง 2 คนเท่านั้น ที่คว้ารางวัล โกลเด้น ชู โดยไม่ได้มาจาก 5 ลีกที่มาตรฐานสูงที่สุดของยุโรป
คนแรกคือ เฮนริค ลาร์สสัน ที่ซัดไปถึง 35 ประตูให้ กลาสโกว์ เซลติก ในฤดูกาล 2000-01
และอีกคนคือ มาริโอ ยาร์เดล ศูนย์หน้าชาวบราซิเลียน ที่เคยคว้าได้ 2 สมัย จากผลงานในลีกสูงสุดโปรตุเกสซีซั่น 1998-99 กับ เอฟซี ปอร์โต้ และ 2001-02 กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน
มาริโอ ยาร์เดล เคยคว้ารางวัล โกลเด้น ชู 2 สมัย จากผลงานในลีกโปรตุเกส
มาตรฐานลีกสกอตแลนด์และโปรตุเกส ไม่เคยติด 5 อันดับแรกของลีกที่มีค่าสัมประสิทธิ์ของยูฟ่ามากที่สุด จำนวนประตูที่ทำได้จึงถูกนำไปคูณแค่ 1.5 เท่านั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเล่นอยู่ในลีกรองๆ แล้วอยากได้รองเท้าทองคำมาประดับบารมี คงต้องยิงให้ได้ไม่ต่ำกว่า 35 ประตูถึงจะมีลุ้น
แน่นอนว่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเป็นลีกอาชีพที่ได้รับความนิยมสูงสุด ย่อมติด 1 ใน 5 ของลีกที่มีค่าสัมประสิทธิ์ดีที่สุดของยุโรป นั่นทำให้จำนวนประตูทั้งหมดที่ใครยิงได้ จะถูกนำไปคูณ 2 สำหรับการคิดคะแนนลุ้นคว้ารางวัล โกลเด้น ชู
ในฤดูกาล 1999-2000 เควิน ฟิลลิปส์ ที่ซัดไปถึง 30 ประตู จึงได้ไปถึง 60 คะแนน ส่วน มาริโอ ยาร์เดล ถึงแม้จะซัดให้ เอฟซี ปอร์โต้ ไปถึง 38 ลูก แต่มีตัวคูณแค่ 1.5 เท่านั้น คะแนนที่ออกมาจึงได้เพียง 57 จึงพ่ายแพ้ต่อ ฟิลลิปส์ ไปอย่างน่าเสียดาย
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ เควิน ลิปส์ มีวาสนาคว้ารางวัลเมื่อ 21 ปีก่อน ก็เพราะในฤดูกาล 1999-2000 ไม่มีนักเตะคนไหนใน 5 ลีกดังยุโรป โชว์ฟอร์มร้อนแรงด้วยการยิงได้ถึง 30 ประตูเลยสักคนเดียว
นักเตะที่เป็นรองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาลดังกล่าวอย่าง อลัน เชียเรอร์ ยิงได้แค่ 23 ลูก
ขณะที่ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา ที่เต็มไปด้วยศูนย์หน้าระดับเวิลด์คลาส ณ เวลานั้น ก็ไม่มีใครยิงได้ถึง 25 ประตูเลยสักคน โดย อังเดร เชฟเชนโก้ เป็นดาวซัลโวลีกอิตาลี จากผลงานประเดิมสีเสื้อ เอซี มิลาน ฤดูกาลแรกด้วยการกดไปถึง 24 เม็ด ตามมาด้วย กาเบรียล บาติสตูต้า ที่ยิงให้ฟิออเรนติน่าในลีกได้ 23 ตุง
ผู้เล่นจาก 5 ลีกดังที่ยิงประตูได้ใกล้เคียงกับ ฟิลลิปส์ ในซีซั่นนั้นมากที่สุด กลับเป็น ซัลบา บาเยสต้า กองหน้าจากทีมเล็กๆ อย่าง ราซิ่ง ซานตานเดร์ ที่คว้าดาวซัลโว ลา ลีกา แบบเซอร์ไพรส์ด้วยผลงาน 27 ลูก
1
อันที่จริง เควิน ฟิลลิปส์ ไม่ใช่นักเตะชาวอังกฤษที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 1 ฤดูกาลได้มากที่สุด เพราะยังมีอีกหลายคน ที่เคยซัดได้มากกว่า 30 ประตูมาแล้ว
อลัน เชียเรอร์ เคยทำได้ถึง 3 ครั้งสมัยที่ยังเป็นดาวยิงของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ส่วน แอนดี้ โคล ก็เคยเป็นเจ้าของสถิตินักเตะที่ยิงในพรีเมียร์ลีก 1 ฤดูกาลมากที่สุด ด้วยผลงาน 34 ประตูกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในซีซั่น 1993-94
1
ดาวยิงตัวเก่งรุ่นปัจจุบันอย่าง แฮร์รี่ เคน เคยซัดแตะหลัก 30 ประตูมาแล้วในฤดูกาล 2017-18 แต่ชวดตำแหน่งดาวซัลโวไปอย่างน่าเสียดาย เพราะคนที่คว้าไปครองได้คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ซัดให้ ลิเวอร์พูล ไป 32 เม็ด
สิ่งที่หลายคนไม่รู้ ก็คือ เควิน ฟิลลิปส์ ไม่ได้เริ่มเส้นทางค้าแข้งด้วยการเล่นตำแหน่งกองหน้า เพราะเขามีรูปร่างเล็กมาก โดยสูงแค่ 170 เซนติเมตรเท่านั้น จึงเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังในตำแหน่งแบ็กขวา ให้ทีมสมัครเล่นอย่าง บัลด็อค ทาวน์
2
เควิน ฟิลลิปส์ เริ่มอาชีพค้าแข้งกับทีมสมัครเล่นอย่าง บัลด็อค ทาวน์
ก่อนที่จะเป็นนักเตะให้ทีมระดับสมัครเล่นอย่าง บัลด็อค ทาวน์ เขาคือนักเตะในอะคาเดมี่ของ เซาธ์แฮมป์ตัน มาก่อนระหว่างปี 1985-1991 และเคยทำหน้าที่เด็กขัดรองเท้าให้ตำนานรุ่นพี่อย่าง อลัน เชียเรอร์ ซึ่งเคยเป็นดาวยิงทีมนักบุญมาแล้ว
ค่าตัวในการย้ายทีมจาก บัลด็อค ไปซบ วัตฟอร์ด ในปี 1994 เพื่อเป็นนักเตะระดับอาชีพครั้งแรกของ ฟิลลิปส์ ก็ถือว่าถูกสุดๆ เพราะมีราคาแค่ 1 หมื่นปอนด์เท่านั้น
ส่วนการเซ็นสัญญากับ ซันเดอร์แลนด์ ในปี 1997 เขามีค่าตัวเพียง 325,000 ปอนด์ และหากรวมกับออปชั่นต่างๆ ก็มีมูลค่าไม่มากไปกว่า 600,000 ปอนด์เลยด้วยซ้ำ
แต่นั่นกลับกลายเป็นการซื้อตัวที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมแมวดำเลยก็ว่าได้
สมัยที่ ซันเดอร์แลนด์ ยังเล่นอยู่ในดิวิชั่น 1 เดิม (แชมเปี้ยนชิพในปัจจุบัน) เควิน ฟิลลิปส์ ยิงให้ต้นสังกัดในลีกไม่เคยน้อยกว่า 20 ประตู ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยยิงได้เป็นกอบเป็นกำขนาดนี้มาก่อน
ซีซั่น 1997-98 เขายิงไปถึง 29 ประตูจากการลงสนาม 43 นัด ขณะที่ฤดูกาล 1998-99 แม้จะมีปัญหาบาดเจ็บจนได้ลงสนามเพียง 26 เกม แต่ผลงาน 23 ประตูของเขา ก็เป็นส่วนสำคัญให้ทีมคว้าแชมป์ลีกรอง และได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้
แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่า ฟิลลิปส์ คือกองหน้าตัวชูโรงของทีมแมวดำ แต่คงไม่มีใครคิดแน่ ว่านักเตะรูปร่างเล็กแบบเขา ที่ไม่เคยมีประสบการณ์เล่นลีกสูงสุดมาก่อน จู่ๆ จะกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ของพรีเมียร์ลีก ภายในระยะเวลาเพียงปีเดียว
ร็อดนี่ย์ มาร์ช อดีตกูรูของ สกาย สปอร์ตส์ ฟันธงเอาไว้ก่อนที่พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1999-2000 จะเริ่มต้นขึ้นว่า ฟิลลิปส์ จะไม่มีทางยิงในการเล่นลีกสูงสุดปีแรกได้มากไปกว่า 5 ประตู ซึ่งถ้าหากทำได้ขึ้นมาจริงๆ คงจะเป็นเรื่องโชคดีของตัวนักเตะมากๆ
แต่ผลงานของ ฟิลลิปส์ สามารถหุบปากของ มาร์ช ได้เสียสนิท เพราะเขาใช้เวลาเพียงแค่ 6 นัดแรกของฤดูกาล ก็ยิงได้ครบ 5 ประตูแล้ว ก่อนจะยิงได้ 10 ประตูจากการลงเล่น 10 นัดแรก
กองหน้าที่มาจากลีกรองๆ มักโชว์ผลงานโดดเด่นในช่วงต้นซีซั่น แล้วค่อยๆ เงียบหายไป แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ ฟิลลิปส์ เพราะเขาสานต่อฟอร์มยอดเยี่ยมด้วยการเป็นนักเตะคนเดียวใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปที่ซัดไปถึง 30 ลูกในซีซั่น 1999-2000
ผลงานที่น่าจดจำของ ฟิลลิปส์ คือการทำแฮตทริกพาทีมบุกถล่ม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ 5-0, สามารถทำประตูได้ที่แอนฟิลด์, เหมาคนเดียว 2 ลูกช่วยทีมแมวดำเปิดบ้านถล่มเชลซี 4-1 และมีถึง 4 ช่วงของฤดูกาลที่เขามีชื่อทำประตูในเกมลีกได้ 3 นัดติดต่อกัน
ฟิลลิปส์ ดีใจในเกมที่ยิงใส่เชลซีได้ 2 ประตูในฤดูกาล 1999-2000
ตลอดฤดูกาลนั้น เขาไม่เคยมีช่วงปืนฝืดนานเกิน 3 เกมซ้อนเลยสักครั้ง บ่งบอกชัดเจนว่ารักษาความคงเส้นคงวาได้ดีมากๆ
หากเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกได้รับความนิยมตั้งแต่ตอนนั้น ชื่อของ ฟิลลิปส์ จะกลายเป็นกองหน้าตัวท็อปที่ทุกคนเลือกแน่นอน เพราะมาจากทีมนอกสายตา แต่กลับถล่มประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
ในเดือนเมษายน 2020 ฟิลลิปส์ เคยไปให้สัมภาษณ์กับ ซันเดอร์แลนด์ เอ็คโค่ โดยเผยว่า การคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก และได้รองเท้าทองคำยุโรปแบบเหลือเชื่อ คือเรื่องที่เขาภาคภูมิใจมากๆ
“หนึ่งในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผม คือการที่ผมเจอคนมาบอกว่า ผมจะไม่มีทางยิงประตูได้เยอะในพรีเมียร์ลีก”
“นั่นคืออีกหนึ่งความท้าทายสำหรับผมเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิด และเป็นสิ่งที่ผมต้องทำมาตลอดอาชีพของผมอย่างแท้จริง”
ร็อดนี่ย์ มาร์ช อดีตกูรูของ สกาย สปอร์ตส์ ที่เคยปรามาส ฟิลลิปส์ เอาไว้
“หนึ่งในคนที่ผมจำได้ดีคือ ร็อดนี่ย์ มาร์ช เขาออกมาบอกว่าเขาไม่คิดว่าผมจะยิงได้มากกว่า 5 ประตูในพรีเมียร์ลีก และไม่มีใครเลยที่จะยกผมให้อยู่ในระดับแถวหน้าของการเป็นนักเตะอาชีพ แต่คอมเมนต์แบบนั้นแค่อันเดียวทำให้ผมเป็นได้ และผมกระหายที่จะตอกหน้าพวกเขา”
“ต้องขอบคุณจริงๆ ที่ผมมีความสามารถมากพอที่จะทำได้”
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ฟิลลิปส์ ซัดให้ ซันเดอร์แลนด์ ได้ถึง 30 ประตูในการลงเล่นพรีเมียร์ลีกปีแรก คือการมีหัวหอกรูปร่างสูงใหญ่อย่าง ไนออล ควินน์ เป็นคู่หู และคอยโหม่งชงให้เขาได้หลุดไปทำประตูบ่อยครั้ง
ในฤดูกาล 1999-2000 เควิน ฟิลลิปส์ และ ไนออล ควินน์ ยิงให้ซันเดอร์แลนด์รวมกันถึง 44 ประตู กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมแมวดำคว้าอันดับ 7 และเก็บไปถึง 58 แต้ม ซึ่งเป็นสถิติผลงานการเล่นลีกสูงสุดที่ดีที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกด้วย
ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม ยังทำให้ ฟิลลิปส์ มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดสู้ศึกยูโร 2000 รอบสุดท้ายหลังจบซีซั่นนั้นด้วย โดยเป็นหนึ่งในกองหน้าร่วมกับ อลัน เชียเรอร์, ไมเคิ่ล โอเว่น, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และ เอมิล เฮสกี้
แต่น่าเสียดายที่ ฟิลลิปส์ ไม่เคยทำประตูในนามทีมชาติได้เลยแม้แต่ลูกเดียว เพราะโอกาสลงสนามมีน้อยกว่าพวกกองหน้าจากทีมใหญ่ๆ แถมตัวเขาเองก็ฉวยโอกาสพิสูจน์ตัวเองไม่ค่อยได้อีกต่างหาก
เมื่อบวกกับการที่ช่วงหลังจากนั้น ฟอร์มของ เควิน ฟิลลิปส์ ไม่สามารถพีคเหมือนฤดูกาลที่เป็นดาวซัลโวยุโรปได้อีก ทำให้ชื่อของเขาหลุดจากสารบบของทีมสิงโตคำรามไปอย่างรวดเร็ว โดยที่กองหน้ารุ่นใหม่ๆ อย่าง ดาริอุส วาสเซลล์ หรือ เวย์น รูนี่ย์ ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาแจ้งเกิดแทน
หลังจากยิงได้ 30 ลูกในฤดูกาล 1999-2000 สถิติการทำประตูของ ฟิลลิปส์ ค่อยๆ ตกลงทุกปี
ซีซั่น 2000-01 ยิงได้ 14 ประตู
ซีซั่น 2001-02 ยิงได้ 11 ประตู
และซีซั่น 2002-03 เขายิงได้แค่ 6 ลูก ซึ่งจากการที่เขาฟอร์มตกอย่างหนัก จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซันเดอร์แลนด์ต้องร่วงตกชั้นไป และทำให้เขาต้องเลือกย้ายไปเล่นกับ เซาธ์แฮมป์ตัน แทน ด้วยค่าตัวสุดถูกเพียง 3.25 ล้านปอนด์
ฟิลลิปส์ ทำผลงานในการเล่นให้ทีมนักบุญได้ค่อนข้างดี เมื่อยิงในพรีเมียร์ลีกไม่เคยต่ำกว่าฤดูกาลละ 10 ลูก เพียงแต่องค์ประกอบทีมที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ ทำให้เขาต้องสัมผัสกับประสบการณ์ที่ต้นสังกัดตกชั้นจากลีกสูงสุดอีกครั้งในปี 2005 และย้ายทีมอีกหนด้วยการไปซบ แอสตัน วิลล่า ซึ่งคราวนี้เขามีราคาแค่ 1 ล้านปอนด์
ในช่วงบั้นปลายอาชีพ เควิน ฟิลลิปส์ กลายเป็นนักเตะจอมพเนจรที่เดินสายไปเล่นให้ทีมเล็กๆ หลายทีม
เขาย้ายไป เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, แบล็คพูล, คริสตัล พาเลซ ก่อนลงเล่นให้สโมสรสุดท้ายอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่น 2013-14 ซึ่งถือว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ทีมจิ้งจอกสยามได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี และแขวนสตั๊ดด้วยวัย 40
ถึงแม้ เควิน ฟิลลิปส์ จะไม่เคยมีวาสนาได้เล่นให้ทีมใหญ่ และไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นระดับสูงเอาไว้ได้นานนัก
แต่หากใครที่เกิดทันดูเขาถล่มประตูในฤดูกาล 1999-2000 ย่อมไม่มีทางลืมได้แน่ ว่าช่วงหนึ่ง ชื่อของเขาเคยเป็นกองหน้าระดับท็อปของพรีเมียร์ลีกมาก่อน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
ในชีวิตของนักฟุตบอลบางคน บางทีเขาอาจไม่จำเป็นต้องมีแชมป์มากมายก่ายกอง และไม่จำเป็นต้องอยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่เสมอไปก็ได้
ขอแค่ครั้งหนึ่งในชีวิต เคยทำผลงานยิ่งใหญ่ในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดว่าคุณจะทำได้ โลกก็พร้อมจะจดจำคุณแล้ว...
#เสียบสามเหลี่ยม #เควินฟิลลิปส์ #ซันเดอร์แลนด์ #รองเท้าทองคำ #โกลเด้นชู #ดาวซัลโว #พรีเมียร์ลีก #ตำนานนักเตะ
4 บันทึก
14
2
4
4
14
2
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย