เครียด...วิตกกังวล ฟังดูเหมือนเรื่องธรรมดาทั่วไป
แต่...คนที่ประสบอยู่เท่านั้นจะรู้ซึ้งดี
เหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่าย อาการหยุดไม่อยู่ มันตามวนเวียน กลับไปกลับมา
ครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำๆไปมา ไม่มีใครจะเป็น
ดูภายนอก เหมือนเราจะปกติดีทุกอย่าง
แต่ไม่ใช่ ข้างในมันฝุ่นตลบไปหมด
บทความ EP นี้จะมาแชร์ประสบการณ์ ว่าเป็นอะไร อย่างไร แก้ไขเยียวยาอย่างไร จากอดีตผู้ป่วยเครียด วิตกกังวล
>>อาการเริ่มจาก หงุดหงิด เหวี่ยง อารมณ์สวิงมาก จนสังเกตตัวเองได้
>>นอนไม่หลับ หรือกึ่งหลับกึ่งตื่น พะว้าพะวง
>>ความรู้สึกในการอยากทำงานลดลง
>>คิดวนลูป ซ้ำๆแต่เรื่องเดิม มากขึ้นๆ โดยเฉพาะเวลาอยู่คนเดียวหรือก่อนนอน
>>หยุดความคิด หรือเปลี่ยนโฟกัสตัวเองไม่ได้
****ข้อสุดท้ายนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ว่า ไปพบจิตแพทย์เถอะ ไม่ไหวจริงๆ อยากพ้นจากวงจรอุบาทว์นี้แล้ว
เราเลือกพบคุณหมอจิตแพทย์โรงพยาบาลเอกชน เพื่อสะดวกในการรอคอย ทำนัด และความสะดวกในการ follow up ต่างๆ
เมื่อพบคุณหมอ มี session พูดคุยครั้งแรกจะนานหน่อย ประมาณ 40 นาที เล่าเรื่องราว ท้าวความรายละเอียด
>>รายละเอียดในการพูดคุย<<
1 ค่อนข้างผ่อนคลาย มีคนรับฟังอย่างจริงใจ
2 คำถามที่ถามเป็นการสืบค้นสาเหตุที่เราเป็น เช่น ปัจจัยแวดล้อม เหตุการณ์ที่พบเจอ งานที่ทำ ความกดดันต่างๆ พื้นเพความคิด mindset ของเรา
3 ตอบให้ตรงคำถาม กลัวอะไร, กังวลอะไร, เพราะอะไร หรือจากเหตุการณ์ไหนที่จำฝังใจ
4 ระหว่างพูดคุย สังเกตได้ว่า นอกจากการสืบหาต้นตอต่างๆ คุณหมอจะสังเกตอาการทางกายภาพของเราด้วย เช่น หน้าซีดเซียว, เหงื่อออก, มือสั่น, ตัวมีผื่นแดง หรือไม่ (ทราบมาภายหลัง)
5 ชอบคำถามหมอที่ว่า มีอะไรที่อยากจะเล่าให้หมอฟังอีกหรือไม่ หรือหมอต้องรู้จักคุณเพิ่มเติมอะไรบ้างในการรักษาครั้งนี้
หลังจากพูดคุย "สรุป"
1 เป็นโรควิตกกังวล (5% ของจำนวนประชากร) Anxiety Disorder เป็นกันได้ปกติ อย่ากังวลนะคะ มีทางรักษา หมอกล่าว
2 ไม่ได้เป็นโรคแพนิค อย่างที่ตัวเองคิดไว้ (มโนเอง) เพราะ แพนิค คุณหมอบอกว่าคุณต้องมีอาการหน้ามืด วูบ ระบบร่างกายใกล้ shut down จากความเครียด วิตก
3 การรักษามีทั้งรับยาต้านเศร้า และยาช่วยนอนหลับในช่วงต้นการรักษา และนัดหมายมา follow up อาการ (**ไม่แนะนำให้ซื้อยาทานเอง มาพบหมอเถอะ)
4 คุณหมอชื่นชมว่า อย่างน้อยเรายังรู้ตัว ยอมรับว่าตัวเองมีภาวะวิตกกังวล แล้วพาตัวเองมาหาหมอ
5 ได้แนวคิดจากคุณหมอ เรื่องการจัดการความคิดของตัวเอง (**จะเขียนใน EP ถัดไป) เรื่องการยอมรับตัวเอง และการปล่อยวาง
6 คุณหมอให้การบ้าน คือ สังเกตตัวเอง หลังรับยา และแนะนำให้ทำกิจกรรมอื่นเสริม เพื่อใช้พลังงานและหาจุดสนใจอื่นระหว่างวัน เช่น กิจกรรมที่ชอบ, ออกกำลังกาย,ทำอาหาร เป็นต้น
👉👉จัดการตัวเองอย่างไรหลังพบจิตแพทย์
>>มีความมุ่งมั่น อยากหาย จะกลับไปมีวิถีชีวิตแบบเดิมที่มีชีวิตชีวา
>> 1-2 วันแรก กินยาแล้ว วิ้งๆ มึนงงหัว หนักหัว แต่ยังไม่ถึงขั้นง่วง ในวันทำงาน เหมือนการประมวลผลของตัวเองจะช้าๆลง แต่วันที่ 3 หลังทานยา ทุกอย่างปกติ
>>เล่นโยคะ 1 ชั่วโมงครึ่ง สามถึงสี่วันต่อสัปดาห์ เป็นกิจกรรมเสริมที่จัดให้ตัวเอง
>>ความวิตกกังวล ความวนลูปยังมีอยู่แต่จะเป็นมุมมองที่แตกต่างไป ความถี่ลดลง
>>เริ่มมีการเรียนและทำความเข้าใจในความคิดของตัวเอง (เข้าใจวงจรความคิดของตัวเอง มาคืดอีกที อ้าวมันคือ แนวคิดข้อ5 ที่คุณหมออธิบายในห้อง) เรียกว่า เกิดการ "ตื่นรู้" ในความคิดของเราเอง
>>เวลาเครียด หรือ วิตก Youtube ธรรมะ ช่วยได้จริงๆ บทไหนก็ได้ที่ฟังแล้วสบายใจ แก้ปมในใจเรา
>>ยาเริ่มมีผลหลังทานได้ประมาณ 1 สัปดาห์ สังเกตได้ว่า ในหัวมันเบาลง วงจรอุบาทว์ที่เคยอยู่ในหัวไม่พีคแล้ว
>> let it go อะไรยังไม่เกิด อย่าเครียด อย่า คิดเลย มีความสุขกับปัจจุบัน
>> คุณหมอเริ่มปรับยาลง ตามอาการที่ดีขึ้น และนัดห่างออกไปเรื่อยๆ แนะนำคนอื่น อย่าเพิ่งหยุดยา หรือเลิกปรึกษาคุณหมอกลางคัน
>>รักตัวเองมากขึ้น เห็นคุณค่าของตัวเอง
>>ใช้เวลารักษาประมาณ 7 -8 เดือนในการรักษา
>>ยังจำอารมณ์ช่วงหาหมอครั้งสุดท้ายได้ แลดูเอนจอยการใช้ชีวิตตัวเองมาก
>>คุณหมอบอกว่า เป็นแล้ว หายแล้ว ก็สามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีก ต้องจัดการดูแล เฝ้าระวังความคิดให้ดี
>> เข้าใจวงจรความคิดของตัวเองมากขึ้น รู้ตัวเอง เฝ้าระวังความคิดตัวเองได้ดีขึ้น เป็นการเรียนรู้ตัวเองหลังการการบำบัดครั้งนี้
>> อย่าอายที่จะมาพบจิตแพทย์
โปรดติดตาม ข้อคิดจากการจัดการความคิด (ที่เรียนรู้จากตัวเอง) ใน EP ถัดไป
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
