7 เม.ย. 2021 เวลา 03:30 • การเกษตร
• Exploring the Yunnan Coffee as a Growing •
สำรวจกาแฟยูนนานที่กำลังเติบโต 🌱☕
ถึงแม้ว่ากาแฟจะเป็นเครื่องดื่มที่ทั่วโลกต่างให้ความนิยม แต่ประเทศจีนกลับมีการบริโภคกาแฟในอัตราที่ต่ำมาก เฉลี่ย 1 แก้วต่อปีเท่านั้น เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าประเทศมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลก อย่างประเทศจีนมีวัฒนธรรมการดื่มชาเป็นหลัก กาแฟจึงไม่ได้เข้ามามีบทบาทอะไรกับคนจีนมากนัก ทำให้ธุรกิจกาแฟไม่เป็นที่นิยม การจะหากาแฟสดๆ ที่รสชาติดีดื่มที่จีนนั้นมีโอกาสน้อยมาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของการปลูกกาแฟให้มากความเลย ถึงแม้ว่าประเทศจีนจะมีการปลูกกาแฟโดยเฉพาะที่ผูเอ่อร์ (Pu’er) มณฑลยูนนาน (Yunnan) เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความสูงประมาณ 1,400-1,600 เมตร และคุนหมิง (Kunmíng) มีความสูงถึง 2,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ดังนั้นมณฑลยูนนานจึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การปลูกกาแฟอย่างมาก แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ ขาดการดูแลจัดการฟาร์มที่ดี และไม่มีการควบคุมคุณภาพของเมล็ดกาแฟ กาแฟจีนในอดีตจึงมีคุณภาพต่ำ แทบจะไม่มี flavour ของกาแฟเลยก็ว่าได้ จึงนำมาทำเป็นกาแฟสำเร็จรูปแบบชงดื่มที่ไม่เน้นคุณภาพเสียมากกว่า แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป วัฒนธรรมในการดื่มกาแฟในจีนก็เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เริ่มมีการดื่มกาแฟกันตามหัวเมืองใหญ่ๆ และร้านกาแฟกลายเป็นสถานที่ที่นัดพบเพื่อเจรจากันเรื่องธุรกิจ บริษัทแวดวงกาแฟและบริษัทคั่วกาแฟจึงเข้าไปบุกเบิกธุรกิจกาแฟในจีน
ปัจจุบันประเทศจีนกลายมาเป็นหนึ่งใน 15 ผู้ที่ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยกาแฟที่ผลิตได้ในจีนนั้นกว่า 98% ได้จากยูนนาน เนื่องจากดินที่อุดมด้วยสารอาหารและสภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์ของยูนนาน พื้นที่หลักที่ปลูกกาแฟในยูนนาน ได้แก่ ผูเอ่อร์, คุนหมิง, เป่าซาน (Baoshan), เต๋อหง (Dehong), หลินซาง (Lincang), เหวินซาน (Wenshan), และ ซีโต่ หรือสิบสองปันนา (Xishuangbanna) และในปัจจุบัน 70% ของกาแฟยูนนาน ส่งออกไปที่ยุโรปและอเมริกาเหนือ อีก 30% บริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้กาแฟที่พบมากที่สุดในยูนนานคือ คาติมอร์ (Catimor) ซึ่งเป็นสายพันธุ์อาราบิกาที่เป็นลูกผสมระหว่างคาทูร์ราและคาติมอร์ เพราะทนต่อศัตรูพืชและโรคราสนิม (Coffee Leaf Rust) นอกจากนี้คาติมอร์ยังให้ผลผลิตที่สูงและเร็วอีกด้วย แต่กว่ายูนนานจะกลายเป็นผู้ที่ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของจีนนั้นเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ การควบคุมคุณภาพและใส่ใจในการผลิตของเกษตรกร อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ การที่เจ้าของฟาร์มทำ Supply Chain กับบริษัทกาแฟชั้นนำอย่าง Sucafina Specialty ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้กาแฟของยูนนานกลายเป็นกาแฟที่มีคุณภาพ และมีคะแนนมากถึง 82-84 คะแนนเลยทีเดียว
○ ปัจจัยที่ 1 การควบคุมคุณภาพและใส่ใจในการผลิตของเกษตรกร
เมื่อกาแฟกลายมาเป็นเครื่องดื่มที่นิยมเสมอกับชา การปลูกกาแฟจึงเริ่มเป็นกิจกรรมหลักในมณฑลยูนนาน และด้วยพื้นที่อุดมสมบูรณ์นั้นทำให้ได้กาแฟคุณภาพดีได้ไม่ยากนัก แต่ต้องได้รับการดูแลตลอดระยะเวลาของการเดินทาง เกษตรกรหันมาสนใจการควบคุมคุณภาพและขั้นตอนของการผลิตมากขึ้น โดยปัจจุบันเน้นการปลูกกาแฟแบบเกษตรอินทรีย์ ยิ่งไปกว่านั้นยังตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย รัฐบาลท้องถิ่นในยูนนานได้เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกกาแฟแบบยั่งยืน กาแฟในยูนนานจึงโดดเด่นเรื่องความพิถีพิถันตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เกษตรกรจะใช้ปุ๋ยหมักใส่ต้นกาแฟ ทำให้ไม่ต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และจะเก็บผลเชอร์รีด้วยมือ ในยูนนานนั้นเกษตรกรรายย่อยจะพึ่งพาคนในครอบครัวเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตของตัวเอง จะมีแต่ผู้ผลิตรายใหญ่เท่านั้นที่จ้างแรงงานภายนอก การเก็บเกี่ยวจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม นอกจากนี้การ process ในยูนนานยังคงเลือกใช้วิธี Washed Process แต่เมื่อไม่นานมานี้ เริ่มมีการเลือกใช้ยีสต์และวิธีการหมักแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Fermentation) อย่างไรก็ตาม Washed Process ก็มีความสำคัญด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมเช่นกัน ความพร้อมในการใช้น้ำถูกเน้นในแผนพัฒนาของคณะกรรมการการพัฒนาและการปฏิรูปยูนนานในปี 2553-2563 และจะถูกดำเนินการภายในปี 2564 ต่อมา เมื่อทำการสีและได้เมล็ดกาแฟด้านในที่มีเมือกอยู่รอบๆ ออกมาแล้ว ก็จะนำเมือกกาแฟหมักกับเมล็ดให้อิ่มน้ำ 2-3 วัน และล้างน้ำออก หลังจากล้างแล้วกาแฟจะถูกทำให้แห้งด้วยเครื่องอบแห้งแบบคงที่ ซึ่งใช้ถ่านหินหรือไม้ แต่ถ้ากาแฟเกรดต่ำจะถูกทำให้แห้งบนลานตาก เมื่อได้ Parchment coffee แล้วจะขายให้โรงสีเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะแลกเปลี่ยนกาแฟให้กับผู้ค้าส่ง ออกไปยังโรงคั่วระหว่างประเทศหรือในประเทศ
○ ปัจจัยที่ 2 เจ้าของฟาร์มทำ Supply Chain
เมื่อกาแฟในยูนนานมีคุณภาพที่ได้มาตรฐานแล้ว การทำ Supply Chain จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เจ้าของฟาร์มตัดสินใจนำมาใช้ เนื่องจากเป็นตัวที่จะสามารถช่วยให้กิจการของฟาร์มดำเนินไปได้อย่างเติบโตและมีประสิทธิภาพ หนึ่งในบริษัท Supply chain อย่าง Sucafina Specialty ซึ่งเป็นบริษัทการค้ากาแฟชั้นนำของโลก ซึ่งจะจัดหาและซื้อขายกาแฟ และปรับปรุงความยั่งยืนของอุตสาหกรรมทั้งหมด Sucafina ยังจัดหาและขายกาแฟแบบ Micro Lots และ Nano Lots โดยทำงานร่วมกับผู้ปลูกในการผลิตทั้งหมด และมอบทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า โดยมีแหล่งกาแฟจากประเทศผู้ผลิตส่วนใหญ่ เช่น เอธิโอเปีย, เคนยา, ปานามา, บราซิล และอีกหลายประเทศรวมถึงจีนด้วย ตัวอย่างฟาร์มที่จับมือกับ Sucafina Specialty ในประเทศจีน คือ Yirong Farm (Yirong Yunna FW Organic) เป็นฟาร์มที่ตั้งอยู่ที่ Menglian (เขตมณฑลปกครองตนเองชนชาติไท ลาหู่ และว้า) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นฟาร์มที่ทำเกษตรแบบยั่งยืน ดูแลจัดการฟาร์มโดยตระกูล Luo จุดเริ่มต้นเกิดจากแรงขับเคลื่อนของสองแม่ลูกที่มุ่งเน้นไปที่การปกป้องสิ่งแวดล้อมและแบ่งปันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน Yirong Farm ใช้กระบวนการ Organic Fully Washed กาแฟภายในฟาร์มคือสายพันธุ์คาติมอร์ ทางฟาร์มใช้ปุ๋ยหมักกับต้นกาแฟ และรดน้ำตลอดทั้งปี และจะเก็บเกี่ยวผลเชอร์รีในช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม ผลเชอร์รีจะถูกเก็บอย่างพิถีพิถัน และนำไปสีเนื้อและเปลือกกาแฟด้วย Mechanical Aqua Pulper หลังจากนั้น Pulp coffee จะถูกหมักในถังคอนกรีตที่ปูด้วยกระเบื้อง เป็นเวลา 24-30 ชั่วโมง หลักจากที่หมักและล้างทำความสะอาดเสร็จแล้ว จะนำไปตากแห้งบนที่ตากกาแฟแบบยกขึ้นเป็นเวลา 30-38 วัน ด้วยกรรมวิธีที่ใส่ใจทุกขั้นตอน และด้วยความร่วมมือกับ Sucafina Specialty ทำให้ Yirong Farm กลายเป็นผู้นำชุมชนและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชนกลุ่มน้อยรวมถึงสัญชาติ Dongxiang Va, Lahu และ Dai การให้ความสำคัญกับการผลิตกาแฟของ Yirong Farm ได้กระตุ้นอุตสาหกรรมต่างๆ มากมายที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ทำให้หลายครัวเรือนสามารถซื้อการขนส่งของตนเองและสร้างบ้านให้กับครอบครัวได้ นอกจากนี้ความใส่ใจในการควบคุมคุณภาพและการจัดการล็อตของ Sucafina ยังช่วยให้กาแฟยูนนานได้คะแนนสูงขึ้นอีกด้วย
ดังนั้นความยั่งยืนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการผลิตกาแฟของจีนไปข้างหน้า ต้นทุนในจีนสูงขึ้นตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ผู้ผลิตที่เน้นวิธีการทำการเกษตรแบบยั่งยืนและมีคุณภาพ กลับทำได้ดี ด้วยเหตุนี้รัฐบาลท้องถิ่นในยูนนานจึงร่วมมือและช่วยเกษตรกรเพื่อทำการเกษตรอย่างยั่งยืน ตัวอย่างเช่น ในปี 2555 ผู้ผลิตในผูเออร์และสิบสองปันนาได้รับต้นกล้าไม้ให้ร่มเงาฟรี ยังมีสิ่งต่างๆ เช่น เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ การจัดการการชลประทาน การจัดกลุ่มพันธุ์ที่แตกต่างกัน รวมถึงการทดลองที่มีการควบคุมและตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์กับกาแฟ การทำ Supply Chain ที่บริษัท Sucafina Specialty ได้เข้ามาดูแลกระบวนการตั้งแต่ตนน้ำจนถึงปลายน้ำ ทำให้คุณภาพและความยั่งยืนของกาแฟยูนนานกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นผลจากการทำ Farmer Connect ของบริษัท ที่ไม่เพียงแต่ให้มีการตรวจสอบย้อนกลับไปยังโรงคั่วเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลการผลิตที่สำคัญแก่เกษตรกรและผู้ผลิตเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพความสม่ำเสมอและความยั่งยืน นอกจากนี้ความโปร่งใสในการตรวจสอบได้ที่เกิดขึ้น เกิดจากการใช้ Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัยของข้อมูล ในรูปแบบของการเก็บข้อมูล (Data structure) แบบหนึ่ง ที่ทำให้ข้อมูล Digital transaction ของแต่ละคนสามารถแชร์ไปยังทุกๆ คนได้ เปรียบเสมือนห่วงโซ่ที่ทำให้ block ของข้อมูลลิงค์ต่อไปยังทุกคน โดยที่ทราบว่าใครที่เป็นเจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลนั้นจริงๆ ซึ่งการบันทึกข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ใน Supply Chain ตลอดเส้นทางของกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดกาแฟที่ใช้ กาแฟได้รับการคั่วเมื่อไหร่ ท่าเรือที่กาแฟได้รับการจัดส่ง เป็นต้น ข้อมูลกิจกรรมเหล่านี้จะได้รับการบันทึกลงบนบัญชีที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความถูกต้องของข้อมูลให้กับผู้ผลิตกาแฟและคู่ค้าต่างๆ ที่อยู่ใน Supply Chain จึงช่วยสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลผลิตภัณฑ์มีความถูกต้อง อย่างไรก็ตาม กาแฟยูนนานจึงเริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการมากขึ้น ด้วยคุณภาพของผลผลิตและวิธีการที่เอื้อต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ จึงเป็นกาแฟที่ตลาดต้องการมากขึ้นไม่แพ้ชาติอื่น และในปีนี้ผลการศึกษาของสถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิจของ IBM (Institute for Business Value) ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับประเด็นความยั่งยืน พร้อมที่จะจ่ายแพงขึ้นให้แก่แบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการสร้างความยั่งยืน
(ภาพประกอบที่ใช้ไม่ใช่ภาพกาแฟในพื้นที่ยูนาน
แต่ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น)
แหล่งอ้างอิงข้อมูล : https://perfectdailygrind.com / https://sucafina.com
ร่วมเดินทางท่องโลกไปกับเราทั้งรูปแบบนิตยสารและออนไลน์
ติดตามข้อมูลข่าวสารความรู้ด้านกาแฟได้ตามลิงก์ด้านล่าง
โฆษณา