6 เม.ย. 2021 เวลา 15:53 • ความคิดเห็น
ครั้งหนึ่ง ฉันเคยติด Covid-19 ณ ต่างแดน
เกริ่นก่อนนะคะว่าไม่ได้ภูมิใจที่เคยติดโควิด แต่อยากเล่าไว้เป็นความรู้แก่ทุกคนค่ะ
ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564
เราได้เดินทางออกจากเมืองวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางคือเมืองมัสกัต ประเทศโอมาน แต่เราต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่เมืองแฟรงค์เฟริต ประเทศเยอรมันก่อน Timeline ดังนี้ WAW-FRA-MCT
ก่อนจะเดินทางข้ามประเทศสมัยนี้ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้วเนาะ เราต้องเตรียมเอกสารหลายอย่างมาก เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อเดินทางมีดังนี้
1. ใบ PCR test ผลต้องเป็น Negative 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
2. ประกันการเดินทางที่ครอบคลุมการดูแลหากติดเชื้อโควิด
3. ใบจองโรงแรมที่กักตัว
4. และเอกสารต่างๆเช่นวีซ่า work permit บลาๆๆ (ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง)
ปล.เอกสารการเดินทางอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสายการบินและประเทศปลายทางนะคะ เพื่อนๆลองเช็คกับสายการบินและประเทศปลายทางให้ดีเน้ออ 😊
ย้อนกลับไปเมื่อ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ช่วงเช้า
เราได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด ทำ PCR test ก่อนการเดินทาง 72 ชั่วโมงที่โปแลนด์ เย็นวันเดียวกันผลตรวจก็ออกมา ผลคือ NEGATIVE ค่ะทุกคน เย้ๆๆๆ (ถ้าผลออกมาเป็น Positive เราไม่สามารถเดินทางได้และเราต้องกักตัวต่อที่โปแลนด์อีก 14 วัน ซึ่งจะหายนะมากเพราะวีซ่าเราจะหมดวันที่ 22 กุมภา) แต่เคราะห์ดีผลเป็นลบค่ะ
หลังจากเอกสารทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์เราก็พร้อมออกเดินทางค่าา ✈
เราเริ่มจากเมืองวอร์ซอบินไปแฟรงเฟริต ใช้เวลาบินประมาณ 1:45ช.ม. ระหว่างอยู่บนเครื่องมีความรู้สึกอยากไอนิดนึง แต่เราไม่กล้าไอ เราเลยแค่กระแอมเบาๆ 55555 คือตอนนั้นกลัวคนข้างๆจะหาว่าเราติดโควิดเนาะ เลยไม่กล้าไอ แต่ก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรนะที่มีความรู้สึกจะไอ ช่วงนั้นยุโรปยังหนาวอยู่เลยคิดว่าคงอากาศเปลี่ยนตอนขึ้นเครื่องไรงี้ ทีนี้เมื่อเราถึงสนามบินแฟรงค์เฟริต เรามีเวลาที่แฟรงค์เฟริตประมาณ 5ชั่วโมงค่ะ เราก็เดินเล่น หาไรกินในสนามบินไปเรื่อยๆ รอเวลาเค้าเตอร์เช็คอินเปิด ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการอะไรเลยนะคะ แบบไม่มีเลยยยยย ปกติมากทุกอย่าง
เมื่อใกล้ถึงเวลาบอร์ดดิ้ง เราก็เดินไป gate ค่ะ ปกติทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอาการ ทีนี้ก็แค่รอเรียกขึ้นเครื่อง ไฟลท์นี้จากแฟรงค์เฟริตไปมัสกัต ประเทศโอมานนะคะ เนี๊ยะ พอขึ้นเครื่องปุ้ป อาการไอมันมาอีกละ โชคดีที่คราวนี้บนเครื่องค่อนข้างโล่ง มีผู้โดยสารประมาณ 20 คน ทุกคนก็นั่งแบบห่างๆกัน เราเลยไอเต็มที่เลย ไม่กระแอมละ ใส่ mask ตลอดนะ ไม่ได้ถอด mask ออกเลยตั้งแต่จาก Warsaw อ๋ออออ ถอดตอนกินน้ำ กินข้าวแหละ
1
แต่นั่นแหละ ก็คิดว่าตัวเองแค่ไอธรรมดา อาจเพราะอากาศเปลี่ยน เจออากาศชื้นๆบนเครื่องเลยไอ บลาๆ คือไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองจะติดโควิด เพราะอะไร? เพราะเราเพิ่งไปตรวจหาเชื้อมาเมื่อวันที่ 19 ไง 72 ชั่วโมงก่อนบินอะ แล้วผลเป็น Negative เราเลยไม่ซีเรียสอะไรเลยยยยยยยย
ทีนี้พอมาถึงสนามบินโอมาน เราต้องทำ swap test อีกรอบ ซึ่งที่สนามบินขาเข้าก็จะมีเจ้าหน้าที่มารอทำ swap test ให้เราเลย จนท.ก็แหย่ๆจมูกเราอะ ประเทศนี้คือแหย่จมูกสองรู แต่ไม่แหย่คอ เอ้อออ แปลกดี จมูกพรุนไปเลยจ้าาา 👃
หลังจากทำ swap test ที่สนามบินมัสกัตเสร็จ เราก็เตรียมตัวไปเช็คอินที่โรงแรมพร้อมกักตัว 7วันค่ะ (ที่โอมานกักตัวแค่ 7วัน) และผล swap test จะออกเช้าวันถัดไป
เช้าวันที่ 22 กุมภา หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานจากโปแลนด์ถึงมัสกัต เราก็ได้เช็คผลตรวจโควิดที่ตรวจที่สนามบินมัสกัตในแอพพลิเคชั่น พอเปิดแอพฯปุ้ป ผลมันขึ้นว่า Detected 😮😮😮 ตอนนั้นยังงงๆอยู่ Detected มันแปลว่า ตรวจพบ ตรวจเจอ เนาะ แต่เรายังหลอกตัวเอง เราคิดว่าเราน่าจะแปลผิด เราเลยเปิด dictionary หาความหมายของคำว่า Detected ซึ่งเห้ยเราก็แปลถูกแล้วอะ แต่ก็ยังงงอยู่ดีว่าจะ detected ได้ไง เพราะไม่มีอาการอะไรเลย มีแค่ไอ และไอแค่ 2-3 ครั้งเอง เลยคิดว่าอากาศเปลี่ยนมากกว่า
เราเลยเปิดดูจากอีกแอพนึง (แอพพลิเคชั่นนี้มันเป็นแอพฯติดตามตัวของคนที่เดินทางเข้าประเทศโอมานนะคะ แต่ละประเทศจะมี Procedure ที่แตกต่างกันเนาะ) พอเปิดจากแอพฯที่ 2 ปุ๊ป ในแอพฯนี้ผลมันขึ้นว่า POSITIVE ...อ่าาา เอาล่ะ คราวนี้เริ่มแน่ใจแล้วว่าเรา ติดโควิด-19 จนสักช่วงบ่ายๆมีเจ้าหน้าที่จาก Ministry of health โทรมาบอกว่า 📞
จนท: สวัสดีครับคุณณณช คุณรู้ใช่มั๊ยว่าคุณติดโควิด19?
เรา: ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ ตอนนี้ฉันต้องทำยังไงต่อคะ?
จนท: คุณมีอาการยังไงบ้างตอนนี้?
เรา: ตอนนี้มีแค่ไอค่ะ ไออย่างเดียว
จนท: โอเค คุณต้องกักตัวเพิ่มอีก 3คืนนะ รวมทั้งหมด 10คืนถ้วน วันที่ 11 คุณออกจากกักตัวได้เลย
เรา: โอเคค่ะ ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ
จบบทสนทนา
หลังจากนั้นอาการก็เริ่มออกเรื่อยๆ เริ่มไอหนักขึ้น ไอแบบนอนไม่ได้เพราะไอทั้งคืน วันที่ 3 รับรสได้น้อยลง พอเข้าวันที่ 4ชัดเลย ไม่รับรสและไม่ได้กลิ่นเลยยยยย
ทุกคนอาจจะไม่เข้าใจว่าไม่รับรสนี่เป็นยังไง เราจะบอกให้ฟัง เรากินสลัดที่โรงแรมจัดมาให้ เราก็บีบมะนาวใส่สลัด ใส่ไปนิดเดียวเพราะกลัวเปรี้ยวเนาะ พอกินๆไปเริ่มเอ๊ะ ทำไมไม่เปรี้ยวเลยวะ สงสัยใส่น้อยไป เราเลยใส่เพิ่มไปอีกซีกคือบีบหมดซีกเลยอะ โรงแรมให้มาซีกเดียว พอชิมปุ้ป อ้าวววว เชี่ยแล้ววววว ไม่ รับ รส เปรี้ยว เลย ...ตอนนั้นคือโอเค กุติดโควิดแล้วจริงๆแหละ 😂😂😂
เอาจริงๆช่วงวันสองวันแรก เรายังไม่เชื่อผลตรวจจากทางสนามบินที่โอมานนะ เราคิดว่าเค้าคงตรวจผิดหรือเราอาจจะเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาเพราะอากาศเปลี่ยน (ยังคงเชื่อในอากาศเปลี่ยน) แต่พอเข้าวันที่ 3-4 ที่เริ่มไม่รับรสก็เริ่มรู้ละว่า อ๋อ เราติดโควิดจริงๆแหละ พอรู้ว่าตัวเองไม่รับรสปุ้ป เราเลยรีบไปเทสต์เรื่องกลิ่น เราเทสต์กลิ่นโดยใช้ยาดมสมุนไพรหลอดสีเขียวหลอดอ้วนๆอะ สูดไปแรงๆหนักๆ 2ที อื้อออออ ไม่ ได้ กลิ่น จ้าาาาา เลยลองสูดอีก 4-5 ทีก็ยังไม่ได้กลิ่น คือปกติมันต้องรู้สึกโล่งๆจมูกเนาะ อันนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยอะ หลอนมากกกก
อาการที่ทรมานที่สุดตอนติดเชื้อโควิด-19คืออาการไม่รับรส ไม่ได้กลิ่นนี่แหละ มันทรมานมากๆเลยนะตอนกินอะไรแล้วไม่รับรสอะ กินครัวซองต์ไส้ช็อคโกแลตก็เหมือนเคี้ยวกระดาษทิชชู่อะ ดมยาดมอยากให้จมูกโล่งก็ไม่ได้กลิ่น ข้อดีของการไม่ได้กลิ่นคือเวลาตด เราก็ไม่ได้กลิ่นตด (แฮร่ อิอิ) 🤣🤣
โดยรวมเรามีแค่ 2อาการคือ
1. ไอ
2. ไม่รับรส ไม่ได้กลิ่น
นอกนั้นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีอะไรเลย หายใจปกติ ไม่มีไข้เลยตั้งแต่วันแรก งงมาก
อาการไม่รับรส ไม่ได้กลิ่นจะอยู่กับเราไปประมาณ 2อาทิตย์ ของเพื่อนเราบางคนเดือนนึง ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาลดน้ำหนักค่ะ กินอะไรไม่รับรสก็ไม่อยากจะกินเนาะ อิอิ
เราก็ต้องกักตัวต่อ จากจริงๆที่ต้องกักแค่ 7วัน เราต้องอยู่ต่ออีก 3วันเป็น 10วัน หลังจากนั้นเราก็กลับมาพักต่อที่บ้านที่โอมานจนกว่าเราจะหายไอ อ๋อแล้วก็ Ministry of Health ที่โอมานบอกว่าหลังจากกักตัวเสร็จแล้วครบ 10 วัน เราไม่ต้องไปตรวจโควิด-19แล้ว เพราะไปตรวจผลก็ยังออกมาเป็น Positive อยู่ดี เชื้อมันจะยังอยู่ในร่างกายไปอีกเป็นเดือนๆ มากสุดประมาณ 3เดือน แต่หลังจากวันที่ 10ไปแล้วอะ เชื้อจะไม่ได้อยู่ในระยะแพร่กระจายแล้ว ทำให้เราสามารถออกมาสู่สังคมได้ปกติ แต่ตัวเราเอง เรายังมีอาการไออยู่ เราเลยกักตัวต่อที่บ้านอีก 5วัน แล้วหลังจากนั้นเราก็ออกไปข้างนอกได้ปกติ
จนถึงปัจจุบันนี้ เรายังไม่ได้ไปตรวจโควิด-19อีกรอบเลย ไม่รู้ว่าผลจะยังเป็น Positive อยู่มั๊ย แต่กะจะรอให้ครบ 3เดือนก่อนแล้วค่อยไปตรวจทีเดียว
การดูแลของผู้ป่วยโควิดในประเทศโอมานคือเค้าไม่ได้มาดูแลอะไรนะคะ เขาแค่ให้กักตัวเพิ่มจาก 7วันเป็น 10วัน เขาไม่มียาให้ ไม่มีหมอมาดูแล แต่เราไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้วเพราะโดยส่วนตัวไม่อยากให้ใครต้องมาดูแลอยู่แล้ว
โชคดีที่เราเป็นคนไม่ panic เรา expect ไว้ตลอดอยู่แล้วว่าไม่วันใดก็วันนึงเราคงต้องติดแน่ๆ เราเลยไม่ซีเรียส เราก็รักษาตัวเองรักษาตามอาการ เพื่อนซื้อน้ำขิงกับยาแก้ไอมาให้ เราก็ดื่มน้ำขิงบ่อยหน่อยช่วงกักตัว ถ้ารู้สึกปวดหัว เราก็กินพานาดอล แค่นั้นเลย
โควิดไม่ได้น่ากลัว สำหรับเรามันก็เหมือนไข้หวัดทั่วไปแต่ที่คนกังวลกันก็เพราะเชื้อมันแพร่กระจายได้เร็วและยังไม่มีวัคซีนหรือยาตัวไหนที่สามารถป้องกันเชื้อนี้ได้ ตอนนี้พวกเราก็ทำได้แค่ดูแลตัวเอง ถ้ารู้ว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็กักตัวเองส่ะ เชื้อจะได้ไม่แพร่กระจายสู่คนอื่นๆนะคะ
หลายคนคงมีคำถามว่าเอ๊ะ แล้วเราไปติดเชื้อมาจากไหน? เราขอบอกเลยว่าเราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเราติดมาจากที่ไหน จากใคร ฉะนั้นเราไม่มีทางรู้เลยว่าคนรอบข้างเราในวันนั้นอะเป็นใคร มีอาการยังไง สิ่งที่เราทำได้คือเริ่มจากตัวเราเองค่ะ ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ แอลกอฮอลล์นี่เทไปเลยค่ะทุกคน
โพสท์นี้ยาวหน่อย สาธยายตั้งแต่ต้นยันจบ ไม่รู้ว่าทุกคนจะได้อะไรจากเรื่องนี้มั๊ย แต่เราอยากให้ทุกคนเทคแคร์และอย่าPanicค่ะ
Stay safe and keep calm ka ✌
โฆษณา