เราเด็กบ้าน ๆ เราเด็กเลี้ยงวัว
ปิดเทอมรอบนี้ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องวางแผน ว่าจะพากันไปเรียนพิเศษที่ไหน ทำกิจกรรมเสริมอะไร ไปเที่ยวที่ไหนดี ไม่ต้องทำอะไร
แค่อยู่บ้านให้สบาย ใช้ชีวิตให้เป็นปกติกันต่อไป
….
หวนคิดไปถึงสมัยที่ผู้เขียนเป็นเด็ก ช่วงปิดเทอม ต้องไปเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย คือการต้อนวัว ต้อนควายไปหากินหญ้าที่ป่า ที่ทุ่งนา
….
ในสมัยก่อนชาวบ้านยังไม่ได้ล้อมเขตที่ดินที่นา เราจะพาวัว ควาย ไปปล่อยให้กินตรงที่ไหนของใครก็ได้
ถ้าเราขี้เกียจ ก็เตรียมเชือกไปด้วย พอไปถึงที่ ที่เราเห็นว่ามีหญ้าขึ้นมากพอให้ วัว ควาย ของเรากินอิ่ม เราก็ผูกน้อง ๆ ไว้ให้กินหญ้าอยู่ตรงนั้น
ส่วนเด็ก ๆ ก็จะไปเล่นกันตามประสา บางคนก็เอาลูกตะกร้อ หรือลูกบอลมาเตะเล่น บางคนก็ชวนกันคุย เล่นหมากเก็บ ชวนกันทำอาหารกิน บางคนก็แค่หาที่เงียบ ๆ นอน
บางกลุ่มก็ชวนกันไปหาเก็บผัก หญ้า หาปู หาปลา ตามห้วย หนอง คลอง บึง
ถามว่าหน้าร้อน จะมีห้วย หนอง คลอง บึง ที่มีน้ำไหม ตอบเลยว่าน้อยมาก น้ำแห้งหมด
เหลือไม่มาก แต่ก็พอให้วัวได้ดื่ม ให้ควายลงไปอาบน้ำบ้าง
ถ้าในหนองไม่มีน้ำ เราก็จะตักน้ำจากบ่อน้ำ (น้ำส้าง) มาไว้ให้ วัว ควายดื่ม
หรือบางที ก็จะนัดกันกับเพื่อน ๆ ว่า วันนี้จะปล่อย ให้วัว ควาย กินหญ้าไปเรื่อย ๆ แค่คอยดูไม่ให้มันออกนอกฝูง ก็พอ
วิถีชืวิตแบบนี้ก็สนุกดีตามประสาเด็กบ้านนอกบ้านนา
ถึงที่นาของใครมีกระท่อม (เถียงนาน้อย) เราก็เข้าไปหลบแดด หลบร้อน รอให้วัว ควายกินหญ้าไปเรื่อย ๆ
บ่ายมาก็ต้อนน้อง ๆ พาไปกินน้ำในหนอง
ตอนเย็นก็ออกหาต้อนเอาวัว ควายของตัวเอง ของใครอยู่ตรงไหน ก็ไปตามให้มารวมฝูงกัน
ก่อนกลับบ้าน
บางทีวัว หรือควายหนุ่ม ที่กำลังคึก มันก็หนีออกจากฝูง ไปหาสาว ตามสัญชาตญาณของมัน
บางทีก็ไปไกล หลงฝูง หายไป เดือดร้อนกันไปหมด
พอถึงบ้าน ผู้ใหญ่ก็จะไปขอแรงเพื่อนบ้าน ญาติ ๆ ให้ช่วยพากันออกตามหาเจ้าโคถึก
บางทีก็ไปเจอว่าตามหญิงไปอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง บางทีก็เจอหลงอยู่ในป่า ก็มี
กว่าจะหากันเจอ ดึกดื่นโน่นละ แถม ลากกลับบ้านยากมาก
ถ้าไม่ไปตามหา พากลับบ้าน หนุ่ม ๆ ก็หลงทาง กลับเองไม่เป็นเด้อ จำทางกลับบ้านไม่ได้
ทุกวันนี้ชาวบ้านไม่มีใครเลี้ยงควายแล้ว เพราะหันมาใช้รถไถนาแทน
ส่วนวัวนั้น ยังเลี้ยงกันอยู่ แต่ไม่ได้เลี้ยงไว้ใช้งานเทียมเกวียนแบบสมัยก่อนนะคะ
สมัยนี้เลี้ยงไว้ขาย และดูเหมือนจะยิ่งเลี้ยงกันเยอะด้วย เพราะวัวสมัยนี้ เขาเลี้ยงวัวพันธุ์ เวลาขายได้ราคาดี
แล้วก็ไม่ได้ปล่อยให้ไปหากินหญ้าตามป่าเหมือนสมัยก่อนด้วย เพราะแต่ละที่ แต่ละเขตดิน เขากั้นเขตล้อมรั้วของใครของมันเกือบหมดแล้ว
คือแต่ละที่เจ้าของเขาไม่ได้ปล่อยให้ที่ดินที่นา รกร้างว่างเปล่าแบบสมัยก่อนแล้วค่ะ
พอหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว เขาก็ปลูกพืชเศรษกิจอื่น ๆ ทดแทน
อย่างเช่นปลูกมันสำปะลัง บางที่ปลูกมันเทศ มันแกว ถั่วเขียว และอื่น ๆ ตามคันนาก็ปลูกผัก ผลไม้
วัวที่ชาวบ้านเลี้ยงสมัยนี้ จึงแทบไม่ค่อยได้มีที่ให้ออกไปเดินมากนัก อยู่แต่ในคอก หรือในที่เขตแดนของเจ้าของ อาหารที่กิน ก็เป็นฟางข้าว ที่ได้หลังจากเก็บเกี่ยว เจ้าของวัวก็จะขนมาตั้งกองฟางไว้ที่ข้างคอกวัว
ฟางข้าวสมัยนี้ก็ต้องซื้อกันนะคะ เห็นเขาทิ้งไว้ที่ทุ่งนา จะไปขนเอาของเขาตามอำเภอใจไม่ได้นะ โดนข้อหาขโมยเด้อ
บางครั้งเจ้าของวัว ก็จะไปหาตัดหญ้ามาจากป่าจากภูเขา มาไว้ให้วัวกิน หรือสั่งซื้อหญ้าจากเกษตรกรที่ปลูกหญ้าเลี้ยงวัวมาไว้ให้วัวตัวเองกิน
บางคนมีที่เยอะหน่อย ก็แบ่งที่ส่วนหนึ่งปลูกหญ้าเลี้ยงวัว ได้ทั้งขายหญ้าให้คนอื่น แถมมีหญ้าให้วัวตัวเองกินด้วย
วัวสมัยนี้เขาเลี้ยงกันด้วยวิตามิน อาหารเสริม สารอาหารสำเร็จรูปเพิ่มไปด้วย
ทำให้การเลี้ยงวัวสมัยนี้ ถือว่าง่าย แม้จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ตอนขายก็ถือว่า ได้ราคาดี
…..
แถวบ้านที่ผู้เขียนอยู่ตอนนี้ ด้วยทำเล อยู่รอบ ๆ ภูเขา ชาวบ้านส่วนมากก็เลี้ยงวัวกันค่ะ แต่จะแยกมาทำคอกอยู่แถว ๆ ตีนภูเขา ที่ว่าง ๆ ที่ห่างจากหมู่บ้านหน่อย เพื่อจะได้ไม่รบกวนคนอื่น
วันหยุดวันว่าง ๆ เราก็พากันไปดูวัวของชาวบ้านแถวนี้
(มีลูกเกิดปีวัวค่ะ เลยชอบวัวเป็นพิเศษ )
แถม ! ! !
คนเกิดปีฉลู (วัว) จะเป็นมิตรกับคนเกิดปีจอ(หมา) และคนเกิดปีระกา (ไก่)
ตามตำราเขาว่ามาอย่างนั้น
ซึ่งพอไปเห็นกับตา เออก็จริง สิ่งมีชีวิตทั้งสามชนิดนี้ชอบอยู่ด้วยกัน ….
…..
ถาม ?
บทความนี้มีประโยชน์อะไร กับใครไหม
ถ้าโควิดมันจะใจร้ายขนาดนี้ กลับไปเลี้ยงวัวที่บ้านเรากันไหม
บทความโดย : Lucky review
เพลง มหาลัยวัวชน :
อ้างอิง : จากชีวิตจริง