8 เม.ย. 2021 เวลา 09:37 • ไลฟ์สไตล์
My Unhappy Birthday
It’s my 22nd summer. It’s pretty bad, isn’t it?
ก่อนถึงเวลาเที่ยงคืนของวันถัดมาไม่กี่นาที ในใจรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เหตุผลหลักไม่ใช่เพราะวันเกิดโดยเนื้อแท้ แต่มันถึงเวลาที่เราสามารถแชร์เพลง ๆ หนึ่งได้อย่างภาคภูมิใจว่าตรงกับความเป็นตัวเราสักที
ถ้าย้อนกลับไปสัก 8 ปีก่อน ถ้าตอนนั้นเราอายุตรงพอดี เราก็คงอยากจะแชร์เพลง 22 ของ Taylor Swift แต่คนแบบเรานี่นะ ต้องการความแตกต่างจากสังคมบ้าง บวกกับกาลเวลาผ่านไป ความอิน รสนิยม ก็เปลี่ยนไปมากโข ปีก่อนเราได้รู้จักวงนี้ และเพลงนี้ รอเวลานี้มาหลายเดือน
(ไม่แนะนำให้หาดูเอ็มวี)
เคยฟังเพลงนี้มาไม่ต่ำกว่า 10 รอบ (ซึ่งถือว่าเยอะสำหรับเรามากแล้ว) ก็ยังไม่เคยเข้าใจสิ่งที่ผู้แต่งจะสื่อ แต่เราอินกับมันได้เพราะเมโลดี้และเนื้อเพลงที่กำกวมนี่ล่ะ ได้แต่คิดในใจว่า ถ้าเราอายุ 22 ปีเมื่อไหร่คงจะอินกับมันที่สุดแน่เลย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าจริง ราวกับว่าเราเข้าใจมัน มันเข้าใจเรา ถึงแม้ความเป็นจริงเราจะไม่เข้าใจเนื้อเพลงเลยก็ตาม ขอขอบคุณเพลงนี้ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวในการรอคอยวันเกิดของเราเอง
At age 22 right now, with the memory of that day
In order to chase after your back, I’m flying
That thing you once gave to me, that holographic card
I’ll stick it to that back of yours at this very moment
ด้วยความตั้งใจของเราตั้งแต่ปีไหนก็ไม่รู้ที่เราเอาวันเกิดออกจากเฟซบุ๊ค ปิดการมองเห็นเวลาคนโพสต์บนหน้าโปรไฟล์ ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากได้รับคำอวยพรวันเกิดจากคนอื่น แต่เราคิดว่าการที่เราได้รับคำอวยพรจากคนที่จำวันเกิดเราได้ มันคงจะมีความหมาย และแอบยกให้คนเหล่านั้นเป็นคนพิเศษเสมอมา
เลยเวลาเที่ยงคืนมาเล็กน้อย มีเพื่อนหน้าเดิม ๆ ส่งข้อความมาอวยพร ถึงแม้ว่าคำอวยพรจะไม่ยาวยืด อาจจะมาแค่ hbd หรือคำอวยพรอะไรสั้น ๆ ตามธรรมเนียม แต่การได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยลืมเรื่องเล็กน้อยของเรามันทำให้เรารู้สึกถึงการมีตัวตนของตัวเองมากขึ้นแฮะ ขอบคุณจากใจจริง
ตั้งใจว่าจะให้ของขวัญตัวเองโดยการขี้เกียจหนึ่งวัน เอาเวลาไปอยู่กับตัวเองบ้าง จบลงที่เราได้ใช้เวลาในวันครบรอบนี้ไปกับการอ่านหนังสือการ์ตูน สิ่งที่ทำให้เราสบายใจ สิ่งที่พาเราหนีออกจากโลกความเป็นจริงได้ชั่วขณะ ณ สถานที่ที่ไม่มีใครอยากจะไปด้วย การเดินทางคนเดียวท่ามกลางแดดอ่อน ๆ ตอนเย็น ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าคิดถึง เราคิดในใจว่าเราพอใจกับของขวัญตัวเองมากเลยล่ะ
แต่เมื่อหมดเวลาเหล่านั้น กลับสู่ความเป็นจริงที่ไม่อาจหลุดพ้น เรากลับพบว่าเราโดดเดี่ยว โดดเดี่ยวกว่าวันอื่น ๆ เสียอีก หรือเรากำลังหลอกตัวเองว่ากำลังมีความสุขอยู่กันแน่ เราสุขใจกับการอ่านหนังสือคนเดียวก็จริง แต่การที่ระหว่างวันไม่ได้รับการแจ้งเตือนคำอวยพรสักอันเดียว เรายอมรับมันได้จริงหรือเปล่า ในใจเราคาดหวังให้ใครสักคนส่งข้อความยาว ๆ มาหาใช่มั้ย ทำไมมันเศร้ากว่าที่คิด เศร้ากว่าวันปกติ เข้าใจแล้วว่าวันเกิดทำให้เราตัวเล็กลงตามที่เพลงบอกไว้ยังไง
คำอวยพรอื่น ๆ นอกจากครอบครัวที่จำได้เป็นปกติตั้งแต่ปีที่เราเกิดแล้ว ยังมีคนรู้จัก เพื่อนที่ไม่สนิทมาก รุ่นพี่ ส่งมาบ้างประปราย แต่ปีนี้นับว่าน้อยสุดตั้งแต่มีชีวิตมา อย่างที่เขาว่ากันว่า จำนวนคนรู้จักในชีวิตสวนทางกับเลขอายุ ยิ่งเติบโตยิ่งโดดเดี่ยว ทำคนหล่นหายระหว่างทางไปเท่าไหร่ไม่รู้ ไม่สามารถดึงใครให้อยู่ต่อได้เลย ยิ่งย้ำเตือนว่าเราเป็นเพียงจุดหนึ่งที่ไม่ได้สำคัญกับใครบนโลกนี้
จากวันที่ตั้งตาคอย วันแห่งความสุข วันที่คิดว่าสำคัญสุดในทุก ๆ ปี การได้ตกตะกอนความคิดในปีนี้กลับทำให้วันนี้เป็นวันที่เราไม่อยากให้มาถึงที่สุด จากที่ตอนแรกเราแค่ไม่อยากมีอายุที่เพิ่มขึ้น รู้เสมอว่าตัวเองกลัวการเติบโต แต่ความคาดหวังว่าคนอื่นจะมายินดีกับเราก็น่ากลัวเช่นกัน มันทำให้เรายิ่งสมเพชชีวิตไร้ค่าของตัวเองหนักกว่าเดิมอีก วันพิเศษที่ว่านี้คงหลอกหลอนเราไปอีกปีนึง
What a pathetic day
I don't like this day
It makes me feel too small
ตามธรรมเนียมสากลของวันเกิด ต้องมาคู่กับการเฉลิมฉลองและเค้ก ประชดชีวิตตัวเองด้วยการซื้อเค้กชิ้นเล็ก ๆ จากร้านสะดวกซื้อมานั่งกินคนเดียวพร้อมดูซีรี่ส์เกี่ยวกับแก๊งค้ายา ตอกย้ำความธรรมดาของวันนี้ให้สาแก่ใจ ที่ตลกร้าย ตอนที่เราอิ่มกายอิ่มใจกับทุกอย่างที่ประเคนมาให้ตัวเอง และปลงกับความไร้มิติของวันนี้แล้ว มีเพื่อนมาเคาะห้องพร้อมซื้อเค้กแบบเดียวกัน จากร้านสะดวกซื้อเดียวกัน แถมซื้อรสชาติที่เราไม่ได้โปรดปรานมาให้เนื่องในโอกาส “วันพิเศษ” นี้
หรือเราควรกลับมาตั้งความหวังกับวันบ้า ๆ นี่อีกที?
โฆษณา