#โพไซดอน2M39_ซุปเปอร์อาวุธล้างโลกของรัสเซีย
#สหรัฐเตรียมเล็งล็อคเป้าฐานทัพรัสเซียที่ขั้วโลกเหนือ
หนาวสะท้านทั้งโลกกันหล่ะคราวนี้ เมื่อรัสเซียเดินหน้าการทดสอบหัวรบรุ่นใหม่ ที่เหนือชั้นระดับ Super Weapon ในดินแดนทุ่งน้ำแข็งที่เป็นความหวังอันริบหรี่ของนักสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เขตมหาสมุทรอาร์คติค หรือ ขั้วโลกเหนือนั่นเอง
สุดยอดอาวุธตัวใหม่ ที่กำลังเป็นที่เกรงขาม ในนิยามที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เป็นตอร์ปิโดที่มีพลังทำลายล้างสูงมาก ขับเคลื่อนด้วยอัตโนมัติด้วยพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งทางรัสเซียตั้งชื่อตอร์ปิโดรุ่นนี้ว่า Poseidon 2M39
ตอร์ปิโดรุ่นนี้ วิ่งได้เร็วมากใต้พื้นทะเล โจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และหากพุ่งชนเป้าหมายแล้ว มันจะปลดปล่อยพลังนิวเคลียร์ออกมาทำลายล้างดั่งคลื่นทสึนามิ ซัดทุกอย่างที่ขวางหน้า ทำลายทุกชีวิตทั่วบริเวณชายฝั่ง และใต้พื้นน้ำราบคาบพณาสูร ที่กว่าจะฟื้นสภาพคืนมาได้ดังเดิม อาจใช้เวลานานหลายสิบปีทีเดียว
ซึ่งประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ได้อนุมัติให้มีการทดสอบตอร์ปิโดรุ่นนี้ และอาวุธรุ่นใหม่ล่าสุดอื่นๆในเขตอาร์คติค เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีข่าวว่าอาจมีการทดสอบซ้ำ เพื่อย้ำผลในขั้นสุดท้ายก่อนนำไปติดตั้งเพื่อใช้จริงต่อไป
แต่จะเอาไปใช้กับใครนั้น ก็สุดที่จะคาดเดา
แต่ทั้งนี้ ทางรัสเซียก็ออกมาบอกว่า การทดสอบอาวุธรุ่นใหม่ ไม่ได้หวังคุกคามใคร เป็นแค่การเคลียร์เส้นทางเพื่อการขนส่งใหม่ที่กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งเส้นทางหลักเชื่อมต่อระหว่างเอเชีย และยุโรป
ถึงจะฟังดูแถๆ แต่เหตุผลเรื่องเส้นทางเดินเรือใหม่ที่ทางรัสเซียยกมา ก็ไม่ใช่เรื่องโกหก เนื่องจากเส้นทางเดินเรือขั้วโลกเหนือ เป็นเส้นทางลัด ตัดจากมหาสมุทธแอตแลนติค ไปเข้าช่องแคบแบริ่ง ที่กั้นระหว่างแผ่นดินรัสเซีย และรัฐอลาสก้าของสหรัฐ ออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิคได้เลย ซึ่งเรียกว่าเส้นทาง Northwest Passage ที่ช่วยประหยัดเวลามากกว่าเดินเรือผ่านคลองปานามา หรือคลองสุเอซถึง 40%
เส้นทางนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีหลายคนพยายามใช้มาแล้ว แต่ทำไม่ได่ เพราะสภาพอากาศที่ขั้วโลกเหนือเต็มไปด้วยพื้นน้ำแข็ง ไม่สามารถนำเรือผ่านได้โดยง่าย หากไม่ใช้เรือตัดน้ำแข็งนำร่อง
แต่เพราะภาวะโลกร้อน มีส่วนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายเร็วมากจนบางพื้นที่เห็นเป็นแผ่นดินที่ไม่เหลือน้ำแข็งแล้ว จนในที่สุดเรือขนส่งก็สามารถผ่านได้โดยไม่ต้องพึ่งเรือตัดน้ำแข็ง
และเรือขนส่งลำแรกที่สามารถฉายเดี่ยวเส้นทางนี้ได้ก็คือเรือขนส่ง MV Nunavik จากแคนาดา ในปี 2014 ได้ใช้เส้นทางนี้ขนส่งแร่นิกเกิล ออกจากท่าเรือควิเบก ไปลงที่ท่าเรือป้าหยูชวน ในมณฑลเหลียวหนิง ใช้เวลาเพียง 26 วันก็ถึงจุดหมาย หากเทียบว่าต้องใช้เส้นทางคลองปานามา อาจใช้เวลาถึง 41 วัน
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าน้ำแข็งขั้วโลกเหนือจะละลายไม่เร็วทันใจพระเดช พระคุณท่านป๋าปูตินหรืออย่างไร ถึงจัดส่งระเบิด หัวรบนิวเคลียร์ไปซ้อมยิงกันที่ขั้วโลกเหนืออีก ไม่เกรงใจน้องเกรต้า ธุนเบิร์ก นักสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมวัยใสจากสวีเดนเอาซะเลย 😑
ไม่ว่าคำกล่างอ้างของรัสเซียในเรื่องนี้ จะเป็นแค่การยกเหตุผลมาแค่กลบเกลื่อน หรือตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่เรื่องนี้หาได้พ้นหู พ้นตาสับปะรดทั้งในโลก นอกโลกของสหรัฐอเมริกาไปได้
เพราะสหรัฐได้แอบใช้ดาวเทียมส่องรัสเซียมานานหลายปีแล้ว และพบว่ารัสเซียได้ขยายฐานทัพ และสิ่งปลูกสร้างที่เชื่อได้ว่าเป็นฐานทดสอบอาวุธ หลายแห่งตลอดริมชายฝั่งของตนในเขตอาร์คติก
และไม่ใช่แค่แอบขยายฐานทัพอย่างเดียว รัสเซียยังจัดส่งเครื่องบินขับไล่ขีปนาวุธหลายลำ มาประจำการในเขตแบร์ริ่ง ใกล้ชายแดนสหรัฐที่รัฐอลาสก้าอีกด้วย
แต่ตอนนี้ฝ่ายกลาโหมสหรัฐออกตัวชัดว่ากำลังจับตาการเคลื่อนไหวของรัสเซียในแถบชายฝั่งอาร์คติกอย่างใกล้ชิดมากๆ มีข้อมูลดาวเทียมล็อคเป้าทุกจุด และเตรียมส่งกองกำลังไปประจันหน้าที่ฐานทัพในอลาสก้าแล้ว รุ่มร่ามล้ำเส้นมาเมื่อไหร่ สวนได้ทันที
เรื่องนี้สร้างความกังวลใจเป็นอย่างมากในกลุ่มชาวรักษ์โลก ที่มองว่าตอนนี้สภาพแวดล้อมบริเวณขั้วโลกเหนือก็วิกฤติจนฟื้นสภาพได้ยากแล้ว แถมยังจะเอามาใช้เป็นพื้นที่ทดสอบอาวุธซุปเปอร์ เอาเดินเรือขนส่งมาวิ่งทะลวงแนวน้ำแข็ง แล้วยังจะเอามาเป็นสนามเผชิญหน้ากันของประเทศมหาอำนาจอีก น้ำแข็งดึกดำบรรพ์หาย น้ำแข็งไม่ก็คงไม่มีโอกาสได้เกิดหล่ะคราวนี้
โลกเรายังต้องใช้อยู่กันอีกหลายปี เบาได้เบาหน่อย ลูกพี่!
แหล่งข้อมูล
- 52
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
