EP.1 - เริ่มต้นลงทุน เปิดบัญชี
ผมขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าการลงทุนใน Blockchain (ต่อไปนี้ขอเรียกสั้นๆว่า bc นะครับ) นั้นในช่วงเริ่มต้น มันจะมี Learning curve ที่สูงมาก จะมีเรื่องใหม่ที่เราต้องเรียนรู้ คำศัพท์ใหม่ๆที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน ความเสี่ยงหลายอย่างที่นักลงทุน vi ปกติไม่เคยเจอ และอาจจะคิดไม่ถึง ขั้นตอนการซื้อขายเหรียญ การเปิดบัญชี การโอนเงิน โอนเหรียญ ภาษี ฯลฯ ทุกเรื่องเรียกได้ว่าใหม่หมด ผมลงทุนหุ้นมาเกือบ 20 ปี พอมาลงทุนใน bc ก็ยังงงๆ มึนๆ อารมณ์เหมือนไปเรียนภาษาที่ 2 ภาษาที่ 3 เลยก็ว่าได้
เรียกได้ว่าการลงทุนใน bc นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อเราผ่านจุดที่ยากในช่วงแรกไปได้แล้ว สำหรับนักลงทุน vi ที่ผ่านการลงทุนหุ้นมาพอสมควร จะพบเลยว่า บน bc นี้เหมือนเป็นสวรรค์ของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเลยก็ว่าได้ เพราะมีเหรียญดีๆ หลายเหรียญเลยที่ผมพบว่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอยู่ค่อยข้างมาก (ไอ้ที่เกินมูลค่า หรือคุณภาพห่วยๆ ก็ไม่น้อยเหมือนกัน ต้องระวังตัวกันด้วย)
เหรียญที่มีพื้นฐานดีมีการเติบโตสูงหลายๆตัว ให้ yield ได้ในระดับ 10% ขึ้นไป และถ้าเราเข้าใจวิธี farming mining แล้วจะสร้าง yield เพิ่มได้ถึงระดับ 20-100% เลย (แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วยนะครับ)
ถ้ายืมคำ Buffett มาใช้ก็ต้องบอกว่าเหมือนคนหนุ่มที่ได้มาอยู่ในฮาเรม คือเลือกไม่ถูกเลยว่าจะซื้อเหรียญไหนดี เพราะได้นู้นก็ดีไอ้นี้ก็งาม
แต่เนื่องจาก Learning curve ในช่วงต้นมันสูงมากๆๆๆๆๆๆ (คือมันยากจริงนะ) ผมเขียนบทความให้อ่านเป็นร้อยๆบทความ หรือไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับ bc หลายๆเล่มที่มีขายมาอ่าน นั่งฟังคลิป youtube มากแค่ไหน ผมเชื่อว่าเราก็จะยังไม่ค่อยเข้าใจมันได้ง่ายๆ อยู่ดี วิธีที่ดีที่สุดคือ ทดลองลงทุนด้วยเงินน้อยๆ เบื้องต้นอาจจะแบ่งมาซัก 3000-5000 บาท มาลองจริงๆเลย (จะเริ่มต่ำกว่านี้ได้มั๊ย ก็ได้เหมือนกันครับ แต่แค่ค่าโอนเหรียญออกไป exchange ต่างประเทศก็ประมาณ 20$ แล้ว ถ้าน้อยเกินไปเจอค่าโอน ค่าธรรมเนียมนู้นนี่ สุดท้ายเงินที่จะไปลองจริงๆ มันจะไม่พอเอา)
บัญชีที่เราต้องเปิดหลักๆ จะมีอยู่ 2 แบบคือ
1. Thai exchange - เพื่อเปลี่ยนเงินบาทไปเป็น crypto ซึ่งแต่ละที่ก็มีระยะเวลาเปิดบัญชีไม่เท่ากัน แนะนำให้รีบเปิดไว้ก่อนเลย เพราะพออยากจะลงทุนจริงๆ พอต้องมารอกว่าบัญชีจะเปิดเสร็จจะไม่ทันใจ
2. Offshore exchange - เนื่องจากตลาดไทยมีเหรียญให้ลงทุนอยู่ไม่กี่เหรียญ และสภาพคล่องก็ยังต่ำกว่าตลาดต่างประเทศมาก ถ้าอยากลงทุนปริมาณเยอะ ต้องไปต่างประเทศอย่างเดียว ค่า commission ก็ต่ำกว่าตลาดไทยพอสมควร
หมายเหตุ link ของแต่ละ exchange ที่ผมใส่เอาไว้เป็น referral link ซึ่งผมจะได้ส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมบางส่วน (สำหรับ Binance คุณจะได้ส่วนลด 10% ด้วย) เป็นการช่วยสนับสนุนเพจนะครับ
Thai exchange
สำหรับรายย่อยที่เงินลงทุนไม่มากนัก แนะนำ 2 ที่นี้ครับ (จริงๆ อยากแนะนำ bitkup เพราะสภาพคล่องดีกว่า กลต. เพิ่งอนุญาติให้รับลูกค้าใหม่แล้ว แต่ตอนนี้ผมก็ยังเปิดบัญชีไม่ได้เลย คิวน่าจะยาวมาก)
1. Satangpro
หรือใช้ referal code : ST11WTAZ
3. Bitazza - สำหรับรายใหญ่ที่มีโอกาสจะลงทุนเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป แนะนำเจ้านี้
หรือใช้ referal code: 1G2B1B
รายนี้จะต่างจากรายอื่นๆ ตรงที่เค้าได้ license broker ด้วย ซึ่งแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ ตรงที่ เจ้าอื่นเค้าจะมีกระดานเทรดเป็นของตัวเอง ส่วนเจ้านี้มีกระดานเป็นของตัวเองด้วย แต่สำหรับรายการซื้อขายที่มากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไปจะสามารถทำผ่าน OTC ได้ซึ่งเค้าจะไปรวบรวมเหรียญที่เราต้องการจาก Exhcange ทั่วโลกมาขายให้เรา ซึ่งเท่าที่ผมลองมา เรทจะดีกว่ามาซื้อเองเยอะครับ แล้วถ้าปริมาณมากๆ มาซื้อเองในกระดานมันต้องเคาะหลายช่องมากๆ ราคาที่เราได้ก็จะแพง และเสียเวลามานั่งทำเอง
Off-shores exchange
1. Binance - เป็น exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หรือใช้ referal code : BC14S39Q
สมัครผ่าน link หรือ code คนที่เทรดจะได้ส่วนลดค่าคอม 10% ด้วยครับ
2. Kucoin - เป็น exchange ที่เล็กกว่า Binance พอสมควร แต่ที่แนะนำให้เปิดด้วย เพราะมันมีขายเหรียญ ust เป็น stable coin ตัวหนึ่งที่เดี๋ยวจะแนะนำต่อในบทความต่อๆไปว่ามันเอาไปทำอะไรได้บ้าง (เด็ดกว่า stable coin ตัวอื่นๆเยอะ)
หรือใช้ referal code : rJ8VLD9
เวลาจะเปิดบัญชีทุกอัน จะต้องทำ KYC หรือ know your customer เค้าทำขึ้นมาเพื่อป้องกันการทำธุรกรรมที่ผิดกฏหมาย หรือการฟอกเงิน ซึ่งเค้าจะให้เราถ่ายรูปบัตรประชาชน ให้ถ่ายเซลฟี่ ซึ่งถ้าเราต้องการเทรดเป็นจำนวนที่เยอะขึ้น เค้าก็จะมีการทำ KYC หลาย level สำหรับรายใหญ่ก็แนะนำให้ทำระดับสูงๆไปเลย ซึ่งมันจะมีการขอหลักฐานเพิ่มอีกหลายอย่าง เช่น bank statement หลักฐานการเสียภาษี ใบเสร็จค่าน้ำค่าไฟ (อันนี้เพื่อยืนยันที่อยู่ของเรา สมมติทำผิดกฏหมายจะได้ตามมาจับได้ถูกตัว :b)
- 54
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
