11 เม.ย. 2021 เวลา 06:12 • สุขภาพ
ในวันที่ข้าพเจ้าตรวจ COVID-19
ผมตัดสินใจเดินทางไปตรวจคัดกรองเชื้อ COVID-19 เนื่องจากมีประวัติใกล้ชิดผูัป่วย
ตอนแรกผมไม่อยากตรวจนะ เพราะคิดว่าถ้าไม่ตรวจแล้วก็จะไม่รู้ และถ้าไม่รู้ก็จะไม่ติด
แต่พอไม่รู้ผมดันไม่สบายใจนี่สิ เพราะผมมีประวัติไปนั่งเล่นเกมที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ติดเชื้อ นึกภาพเมาส์เกมมิ่งเหนอะๆ ไม่รู้เปื้อนอะไรต่อมิอะไร ไหนจะคีย์บอร์ดอีก
 
ผมไปตรวจที่ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (Emergency Operation Center : EOC) คนมาติดต่อเข้าขอตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อ COVID-19 เยอะมาก ขอแนะนำสำหรับคนที่จะมาตรวจนะครับ ถ้ามาลงทะเบียนตั้งแต่ก่อน 8.00 น. จะได้รับคิวตรวจรอบ 9.00 น. ถ้ามาหลังจากนั้น จะได้คิวตรวจรอบ 14.00 น. และ 18.00 น. ตามลำดับ (ลงคิววันต่อวัน ไม่สามารถฝากผู้อื่นมาต่อคิวให้ได้)
 
เนื่องจากคนขอตรวจเยอะมาก จึงมีเจ้าหน้าที่ซักถามประวัติ และข้อมูลอย่างละเอียด ในกรณีที่เป็นผู้มีความเสี่ยงต่ำจะต้องเสียค่าบริการ(แพง) แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เคยสัมผัสผู้ป่วย หรือใกล้ชิดผู้ป่วย สามารถรับการตรวจได้ฟรี ไม่เสียค่าบริการ (ผมได้สิทธิ์ตรวจฟรี)
เมื่อตรวจคัดกรองเสร็จแล้ว ทางรพ.มทส.จะแจ้งผลทาง sms ภายใน 24 ชม. แต่หากพบว่าติดเชื้อโควิด ทางรพ.จะติดต่อไปทันที ซึ่งผลตรวจของผมออกมาแล้ว ไม่พบเชื้อโควิด-19
ในวันที่ข้าพเจ้าตรวจ COVID-19
ถอดบทเรียนจากการตรวจคัดกรองเชื้อ COVID-19
1. ผมบอกเลยระบาดรอบนี้น่ากลัว และยาวแน่ ถ้ารวมเข้ากับช่วงสงกรานต์ด้วย
จุดที่ผมไปตรวจเขาสามารถรองรับการตรวจได้เต็มที่ประมาณ 100 คน คนที่ได้รับสิทธิ์ตรวจในรอบสุดท้ายจึงมีแต่คนที่มีความเสี่ยงปานกลาง ค่อนไปทางสูง แล้วคุณคิดดูผมที่อยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นจะรู้สึกยังไง ถ้าผมยังไม่ติดเชื้อ ผมอาจจะมาติดเชื้อที่นี่ก็ได้ใช่ไหม
 
2. คนไม่กลัวติดเชื้อเท่ากลัวสังคมรังเกียจ
บทสนทนาที่ผมได้ยินจากคนที่มาตรวจ ส่วนมากเป็นไปในทำนองนี้ คือมาตรวจด้วยสภาพจำยอม อยากให้คนรอบข้างสบายใจ (ผมก็ด้วย) ไม่ได้กลัวป่วยเท่า กลัวแฟนไม่ให้เข้าบ้าน ฮาๆ
3. ขั้นตอนการตรวจเจ็บกว่าที่คิด ทั้งแหย่คอ แหย่จมูก อย่าเรียกว่าแหย่เลย เรียกว่าทิ่มดีกว่า โดยเฉพาะจมูกผม หมอทิ่มเข้าไปอย่างลึก ชนกระดูกข้างในเลย แม่งเอ้ย เจาะเลือดยังสบายกว่า ตรวจคัดกรองน่าสงสารสำหรับเด็กกับคนแก่ เพราะผมนึกภาพคนสองวัยนี้โดนทิ่มจมูกไรพวกนี้ก็สงสารละ โดยเฉพาะลูกผม ร้องจ๊ากแน่นอน
4. ไทม์ไลน์จากผู้ติดเชื้อไม่ช่วยอะไรมาก มั่วเอาทั้งนั้น มีเหตุผลร้อยแปดที่ผู้ติดเชื้อไม่อยากเผยข้อมูลส่วนตัว(และหมอก็ไม่คาดคั้นด้วย) ส่วนมากจะแต่งไทม์ไลน์ให้งงๆ เหมือนเป็นปริศนาธรรม
 
5. หลังจากผลออกมาแล้วผมไม่ได้ไปต่อ (ไม่ได้ไปโรงพยาบาลต่อ) ผมโทรถามเจ้าหน้าที่ว่า ผมสามารถไปไหนมาไหน ทำไลฟ์สไตล์ได้เหมือนเดิมไหม (ไปทำงานได้ไหม) เขาก็บอกว่าก็คิดเอาเองนะ แล้วแต่ ป้องกันเอา ไม่ห้าม ไม่อยากให้กลัว มันไม่ติดง่ายขนาดนั้น(เหรอ?) แต่อยากให้เฝ้าระวัง 14 วัน ซึ่งตรงนี้ผมก็งงมากที่เขาให้ตัดสินใจเอาเอง เพราะตอนนี้แค่ในโคราชเขาก็ปล่อยคนคล้ายผมออกไปละ 900 กว่าละ ไม่นับรวมพวกไม่มาตรวจอีก ซึ่งเข้าพวก ไม่รู้คือไม่ติด
สรุป ก่อนที่ผมจะตรวจเชื้อ ผมยอมรับว่าผมเครียดมาก ปวดหัววิงเวียน ข้าวปลาไม่กิน จากสื่อจากข้อมูลที่รับมา ตอนนั้นผมกลัวโรคนี้มากกว่ามะเร็ง (เพราะคิดว่ามีโอกาสติดโควิดมากกว่าเป็นมะเร็ง) แต่หลังจากผ่านช่วงความเป็นความอาย 2-3 วันนี้ ผมก็พบว่าโรค COVID-19 มีความน่ากลัวคนละอย่างจากโรคอื่นๆ
ด้านร่างกาย ผมไม่กลัวโรคนี้เพราะผมยังบอยอยู่ คิดว่าผมป่วยแล้วน่าจะไม่ตาย หายเองได้
ด้านการเงิน ใครป่วยโรคนี้รัฐรักษาฟรีครับ คือถ้าป่วยโควิด แล้วเสียเงินค่ารักษาเองนี่ผมจะกลัวเลย จะกลัวทันที
ด้านสังคม ตรงนี้แหล่ะผมกลัวที่สุด ผมไม่อยากบอกใครเลยว่าผมมาตรวจ ผมคิดแล้วคิดอีกว่าผมจะเขียนบทความนี้ดีไหม เพราะพอผมบอกเพื่อนๆหรือครอบครัวว่ามาตรวจ เขาจะถามทันทีว่าทำไมถึงไปตรวจ เขามองผมเป็นบุคคลอันตรายเลย ซึ่งหลายคนจึงเลือกแอบมาตรวจ ไม่บอกใคร
ผมไม่ใช่ดารา ไม่ได้เป็นคนพิเศษที่เวลามีเหตุการณ์พิเศษ (อย่างไปตรวจเชื้อ) แล้วเขาจะรู้สึกว่า ว้าว มันเป็นเหตุการณ์พิเศษที่น่าสนใจ แต่ผมเป็นคนธรรมดาที่เวลามีเหตุการณ์พิเศษ (อย่างไปตรวจเชื้อ) แล้วเขาจะรู้สึกว่า มึงไปทำห่าอะไรมา มึงดื้อใช่ไหม การ์ดตกสิมึง….
 
ผมไปตรวจเมื่อวานซืนผมโพสบอกเพื่อน วันนี้ผลตรวจออกมาเป็นลบ ผมก็บอกเพื่อนทุกคน แล้วทดลองชวนเพื่อนกินข้าว ไม่มีใครไปกับผมสักคน นี่ล่ะสิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือ ผมกลัวสังคมรังเกียจมากกว่ากลัวโรคซะอีก คนรอบข้างยังไม่ไว้ใจ ต้องใช้เวลาเยียวยาอย่างเดียว
ตอนนี้คนไทยอยู่ด้วยความหวาดกลัว พวกที่อยู่ในสถานะเฝ้าระวัง (คือมาตรวจแล้วรอด) แบบผมเยอะมากๆครับ แต่เขาตีไปว่าคุมไม่ได้ละ เขาเน้นให้ตัวใครตัวมันแทน คนไหนของขึ้น อาการออก ค่อยไปรับเข้ารพ. ที่เหลือก็ดูแลตัวเองไป บางคนอาจจะเป็นเองหายเองแล้วก็ได้ ไม่มีใครรู้
อย่างที่ผมบอกครับ ถ้าคุณไม่ได้ไปตรวจ คุณก็คือคนที่ไม่รู้ และคนที่ไม่รู้ ก็คือคนที่ไม่ติด ผมไปตรวจมาแล้วและก็ไม่ติด แต่สังคมก็ยังไม่ไว้วางใจอยู่ดี นั่นก็ดีครับ แต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้มีคนแบบผมปะปนอยู่เยอะแล้วตามห้าง ในที่สาธารณะ ต้องดูแลตัวเองเอาครับ ตัวใครตัวมัน ออกกำลังกาย ห้ามป่วย ห้ามอ่อนแอ ในยุครัฐบาลอย่างนี้.
โฆษณา