11 เม.ย. 2021 เวลา 08:05 • ปรัชญา
ทำไมต้องพยากรณ์ชะตาชีวิต ?
1.ในที่มืดหากมีแสงตะเกียงให้เราเห็นอะไรบ้างก็คงดี
2.พยากรณ์ช่วงปัจจุบันไม่ต้องทายไปไกล ถ้าธนูยิงไม่เข้าเป้าระยะสั้นๆ ระยะไกลๆไม่ต้องพูดถึง
3.นักพยากรณ์ต้องศึกษาค้นคว้าตลอดไม่มีวันจบเสมือนศึกษาธรรมะ และหมอดูย่อมคู่กับหมอเดาเพราะ
หลักเกณฑ์การทำนายมีมาก ขยายความได้ทั้งแนวกว้างและลึก การเดาจึงอยู่บนแนวทางที่อาจเป็นไปได้มากบ้างน้อยบ้าง
ขึ้นกับ "แรงครู" หมอดูที่ดีจึงมักทำบุญให้ครูอย่างสม่ำเสมอ และต้องทำให้เต็มที่ตามกำลัง ต้องมีความเคารพด้วยความจริงใจ
สวดมนต์ภาวนาอุทิศให้เป็นประจำ...... หลายครั้งที่แรงครูบิดปากให้ทายออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ คนในสายโหราศาสตร์ ทราบดี
แต่...บางครั้งทำไมหมอดูที่เก่งๆจึงทายพลาดหรือไม่เข้าทั้งที่ทายตามหลักเกณฑ์การพยากรณ์ที่พิสูจน์มาแล้ว หรือท่านจะเลือกใช้จุดพยากรณ์ผิด เพราะจุดที่จะพยากรณ์และกฎเกณฑ์มีไม่น้อยในดวงชะตา
ส่วนหนึ่ง มาจาก....
ตัวหมอดูมีพฤติวัตรไม่เหมาะสม มักผิดศีล หรือมีอกุศลจิตอยู่มาก มีโลภ โกรธ หลง โทสะ โมหะ มากไป ขาดความซื่อสัตย์จริงใจ หรือไม่ก็ช่วงนั้นตัวหมอดูอาจดวงตก
อีกส่วนหนึ่งคือศึกษาหรือมีประสบการณ์น้อยไป และบางทีอาจไม่มีบุญสัมพันธ์ต่อกัน ไม่สามารถช่วยเหลือกันได้
อีกกรณีที่สำคัญคือกรรมเก่าหรือวิบากที่ส่งผลแรงมาก เกินกำลังที่ใครจะให้คำปรึกษาได้
แต่... เท่าที่ทราบมาหมอดูที่เก่งๆในอดีต เคยมีคนพูดว่า ทายไม่ถูกก็มี 5ข้อทายเข้า 2-3ข้อเอง ก็ต้องถามว่าที่ถูกบางข้อนั้นนะได้ประโยชน์แล้วมิใช่หรือ
ท่านอาจารย์มีลูกค้าแต่ละวันเยอะมากถ้าเอ่ยชื่อทุกคนแถวท่าพระจันทร์รู้จักดี (ท่านเป็นโหร..ตั้งแต่เป็นพระ ช่วงหลังท่านใช้ทักษา กาลโยคเป็นหลัก) แม่นขนาดลูกค้ามาดูเฉลี่ยวันละ10-20คน
เงินเต็มกระเป๋าทุกวัน เดิมท่านใช้โหราศาสตร์ และมาฝึกใช้ทักษา กาลโยคอยู่ 7ปี จนแน่ใจว่าใช้ได้ดีเลยตัดโหราศาสตร์ออกไป
ศิษย์ท่านหลายคนก็เดินตามท่านเพราะแม่นยำและรวดเร็วดี ไม่ไปติดกฎเกณฑ์การคำนวนมากมาย (สมัยก่อนไม่มีโปรแกรม) วิชาเด็ดขาดของท่านคือการจับยาม
เอาเรื่องพยากรณ์ก่อน
มีคนมาดูกับท่าน ท่านทายว่า หลังคาบ้านคุณรั่ว...แม่น ! ทำไมคุณเอาช่างที่ขาเป๋ขึ้นไปซ่อมหล่ะ !! ลูกค้ายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ !!! รู้ด้วยว่าช่างที่ขึ้นไปซ่อมหลังตานั้นขาเสีย !!!
1
เสียดายโหรสายทักษากาลโยคนี้ อันเปรียบเหมือนฤทธิ์มีดสั้น ลี้คิมฮวง มีน้อยคนที่ได้วิชาไป
ในสายโหรนี้ก็มีจริตนิสัย ครรลองชีวิตที่หลากหลายมาก เช่น สายหลักวิชา(ตำราว่าไว้...ติดตำรา) สายเหตุผลนิยม(เน้นพิจารณาด้วยเหตุผล...ชี้ให้เห็นว่าที่ทายไปนั้นเพราะอะไร)
สายปรัชญา(พูดให้แนวคิด....ไม่มีคำตอบตายตัว)
สายอิงศาสนา(อิงหลักธรรม และหลักกรรม )
สายบำเพ็ญ(พวกนี้เน้นปฏิบัติ...มีเมตตามาก)
สายกามโลกีย์ (มักผิดศีลข้อ3....ทำไมต้องเลข3. เพราะดาว3 มักวู่วามขาดสติง่ายมั้ง :)
สายกินเหล้าเมาเบียร์...มึนๆหน่อยแล้วองค์ลง ต้องดูว่าองค์อะไรลง องค์ความรู้หรือองค์อะไร:)
บางสายก็กินอย่างเดียว...เน้นอร่อยเฮฮาประสาโหร คล้ายสายบันเทิงเน้นเฮฮา...อารมณ์ขันดีเน้นไม่เครียด
สายพิธีกรรม(เน้นขลัง.ต้องเชื่อมั่น ต้องศรัทธานำ อย่าถามหาเหตุผล เพราะความขลังขึ้นกับพลังความเชื่อ)
สายนี้ต้องดูพฤติวัตร การปฏิบัติตัวเจ้าพิธีให้ดี ถ้าดีคนก็จะศรัทธาเชื่อถือ ที่สำคัญมีบารมีพอที่จะเชิญเทวดาลงมาในพิธีได้จริงไหมเท่านั้นแหละ
สายนี้มักบำเพ็ญ ถือศีลนั่งสมาธิบริกรรมมนต์คาถาเป็นนิจ เพื่อให้คล่องปากคล่องใจอันจะทำให้เกิดสมาธิจิตเข้มแข็ง
จะมีพฤติวัตรดั่งฤษีไม่ชอบสังคมเฮฮาปาตี้อันจะทำให้ผิดศีลง่าย และต้องดูว่าเป็นสายสัมมาทิฐิหรือมิจฉาทิฐิด้วย
สายข่มขู่ให้กลัว...ลึกๆพวกนี้อาจซาดิสต์ทางอารมณ์ แต่อาจเป็นแนวตรงไปตรงมาและติดตำรามากไป (หลายตำราทำนายรุนแรงมาก)
ไม่ว่าสายไหน...ผู้รับพยากรณ์อาจถูกชี้นำไปในเรื่องการแก้กรรม ปรับดวงชะตา หรือไปเร่งวาสนา เสียเงินทองเกินเหตุ
ต้องระวังให้มาก เพราะเท่าที่ศึกษามา กรรมแก้ไม่ได้ อย่าคิดเองเออเอง หลงไปเอง เพราะกรรมไม่ดีที่ทำในอดีต มากมายแค่ไหนไม่รู้
หนักหนาสาหัสแค่ไหนเราไม่รู้ เพราะเป็นอดีตกรรม เราสั่งสมมา ถึงเวลาอย่างไรกรรมต้องส่งผล อย่าหนีหรือปฏิเสธไม่มีทาง
สำคัญที่กรรมปัจจุบันต่างหาก เรากำลังคิดชั่วทำชั่ว สร้างเหตุปัจจัยในทางอกุศลไหม เป็นมิจฉาทิฏฐิไหม หลอก ต้ม เบียดเบียน อิจฉา นินทากล่าวหาอคติใครต่อใครอยู่ไหม นี่ต่างหากที่แก้ได้ปรับได้ .....
ต้องพิจารณาให้ดี เพราะคาบเกี่ยวกันนิดเดียวระหว่างสัมมาทิฐิกับมิจฉาทิฐิ
อย่าลืมโจรก็มีเหตุผลที่จะเป็นโจร พวกนี้มักจะแฝงตัวมาทั้งในทุกวงการแม้วงการโหร วงการพระ ผู้มีปัญญาต้องมีสติพิจารณาแยกแยะได้เอง ...
1
สายวาจาพิฆาต..ไม่เน้นข่มขู่แต่คำพูดเฉือดเฉือนดีนัก บางทีก็ชอบด่า ฟังแล้วก็สนุกดีถ้าเอามันส์สะใจและมีจริตเหมือนๆกัน
ลองสังเกตถ้าปากบางๆยิ่งงุ้มลงแหลมคล้ายนกสักหน่อยจิกกัดดีนักแล
สายพาหลง ของเล่นเยอะ...แนวนี้มีแต่ความเชื่อล้วนๆ คล้ายๆสายพิธีกรรม แต่จะเน้นอาถรรพ์วิชา ยิ่งเชื่อยิ่งขลัง ทำนองไม่เชื่ออย่าลบหลู่
คาบเส้นนิดเดียวว่าจะเป็นการสะกดจิตตัวเองหรือไม่
อย่างที่บอกทุกความเชื่อความศรัทธาย่อมมีพลัง แต่เชื่อเถอะจะเบี่ยงกรรมเลี่ยงกรรมก็แค่ชั่วคราว
เหมือนคนทำผิดหนีคุก แต่สุดท้ายหลายปีผ่านไปก็โดนจับเข้าคุกอยู่ดี และมาโดนตอนแก่ชราแล้วด้วย
รู้งี้ใช้กรรมตั้งแต่หนุ่มๆสาวๆก็จบไปแล้ว..เฮ้อออ !
ถ้าฝึกกรรมฐานเขาจะไม่หนีกรรม เขาจะมุ่งขออโหสิกรรม แผ่เมตตา อุทิศบุญกุศล เนื่องจากการปฏิบัติบูชามีอานิสงส์สูงสุดในพุทธศาสนา จึงเป็นบุญใหญ่
หมั่นขออโหสิกรรม อุทิศบุญกุศล ก็อนุมานได้ว่าวิบากกรรมคงเบาบางไปได้ไม่มากก็น้อย ขึ้นกับกรรมเก่าที่เราทำไว้ หลวงพ่อจรัญเคยสอนไว้
หากทำเขาไว้เกิน70เปอร์เซ็นต์ ไม่รอดแน่ ต้องใช้กรรมแน่ กรรมฐานก็เอาไม่อยู่ ต้องยอมรับ แต่ถ้ากรรมนั้นไม่หนักเกินไป ก็จะเป็นอโหสิกรรมได้
แต่.....การอโหสิกรรมเป็นเรื่องที่เจ้ากรรมนายเวรท่านเมตตาและอภัยให้เราเอง
หลวงพ่อจรัญสอนเสมอ ตายโหง ตายเพราะฆ่าตัวตาย ตายด้วยอำนาจโทสะ
ต้องกรรมฐานเท่านั้นถึงส่งบุญถึงได้ ใช้เงินทำบุญมันง่ายไม่มีพลัง การให้เงินให้ของ เขาเรียกว่าทานเป็นฐานของการปรับจิตให้เป็นผู้เสียสละคือจาคะ
และถ้าทำด้วยจิตอกุศลเต็มไปด้วยอำนาจโลภะ จะได้บุญอะไร
ขอให้ตั้งจิตให้มันถูก ..... นี่คือสิ่งที่ต้องคิดพิจารณา สำหรับคนอยากแก้ดวงแก้กรรม !
สิ่งใดก็ตามที่ทำด้วยจิตที่มีอำนาจโลภะ โทสะครอบงำ จะเป็นกุศลจิตไม่ได้เลย หลายคนจึงมักบ่นว่าทำดีไม่ได้ดี ทำบุญก็มากไม่เห็นบุญช่วยเลย
เหล่านี้เพราะไม่เข้าใจเรื่อง กรรม เรื่องการ วางจิต ให้ถูกทาง แม้บางเรื่องต้องมีศรัทธานำไปก่อน แต่สติปัญญาต้องคิดพิจารณาด้วยเช่นกัน
พึงมีสติ ถามตัวเองเสมอว่าสิ่งที่คิด ทำนั้นมีประโยชน์กับตัวเองหรือไม่ หรือเพียงแค่สบายใจ.!
แต่ละสายเขามีดีของเขา ขึ้นกับจริต บางทีศีลไม่เสมอกันหรอกแต่บุญกรรมเคยเกื้อกูลและกระทำกันมาก็มาเป็นลูกศิษย์อาจารย์กัน มาเป็นลูกค้าเกื้อหนุนกันไป
เคยไหมหมอคนนี้แม่นแต่แนะนำเพื่อนไปเพื่อนบอกไม่แม่น เคยไหมอยากให้ไปหาอาจารย์เราแต่ฟีดแบคกลับมาไม่ค่อยโอเค
สรุปว่านอกจากวิชาแล้วอาจต้องดูวาสนามีต่อกันด้วยหรือไม่...กระมัง !
เคยถามเพื่อนที่มีหมอดูประจำตระกูล ว่าในบ้านมี10คนแม่นกี่คน เพื่อนบอกแม่น7คน
ไม่ทุกคนที่แม่น ผมเองเคยไปดูกับหมอดูเก่งๆระดับประเทศ 2,000-3,000 บาทก็ไม่รู้สึกได้ประโยชน์อะไรไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่ง เขาเก่งแน่นอน
ที่ไม่รู้สึกว่าได้อะไร เพราะเราอาจเชื่อมโยงคำทำนายเขาเข้ากับตัวเราได้ไม่ชัดก็เป็นได้
อีกอย่างเขาเป็นนักโหราศาสตร์ ไม่ใช่นักจิตศาสตร์ ไม่ใช่โค้ช
โหรก็คือโหรครับ แต่โหรท่านใดมีความรู้รอบตัวดีในเชิงเป็นโค้ช เป็นที่ปรึกษา รู้หลักจิตวิทยา เข้าใจแนวคิดทางปรัชญาศาสนา น่าจะมีประโยชน์กับผู้มารับคำพยากรณ์อย่างมากทีเดียว
ดังนั้น ไม่ว่าใครจะเป็นหมอดู เป็นโหร ถ้าไต่ระดับเป็นที่ปรึกษาเป็นโค้ชได้ในยุคนี้ถือว่าทำคุณประโยชน์ได้มาก
ไม่ว่าจะสายไหน วิชาดีแค่ไหน แต่เป็นที่ปรึกษาให้เขาดีขึ้นเติบโตขึ้นไม่ได้ หรือหาทางลดความเสี่ยง ลดความเสียหายให้เขาไม่ได้ ก็เหนื่อยหน่อย
องค์ความรู้กับความจริงใจและการไม่ฉวยโอกาส การไม่หลอกลวง ไม่สร้างภาพ เป็นเรื่องสำคัญ คนซื่อไม่ซื่อ เราต่างรับรู้กันได้ไม่ช้าก็เร็ว
เหล่านี้จึงเป็นเรื่องตัวบุคคล เป็นเรื่องกลุ่มแก๊งค์ที่แฝงมาในวงการเท่านั้น ก็เหมือนกับพวกอลัชชีที่แฝงเข้ามาหาผลประโยชน์กับศาสนานั่นแหละ
สุดท้ายทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาไปทั่ว เราจึงต้องมีสติปัญญาพิจารณาอย่าเอาแต่ศรัทธาหัวเต่า หรือให้ใครเขาสนตะพายจูงไปไหนได้ง่ายเกินไป....
หากหมอดูมีภูมิดี ซื่อสัตย์จริงใจที่จะให้คำปรึกษาช่วยเหลือ เชื่อเถอะช้าเร็วหมอก็จะได้รับน้ำใจจากผู้มาขอคำปรึกษาเอง
เคยเจอบางท่านซื้อบ้าน ซื้อรถให้เลยก็มี บ้างโอนเงินให้หลักหมื่นก็มี
บ้างให้เป็นที่ปรึกษาประจำบริษัทมีเงินเดือนโบนัสก็มี โดยเฉพาะสายวิชาโหงวเฮ้ง อาจารย์ผมเคยบินไปดูโหงวเฮ้งคนที่จะรับเข้าเป็นผู้จัดการสาขาที่อเมริกาใต้
อาจารย์ผมอีกท่านก็เขียนยันต์เป็นที่ปรึกษาให้เจ้าของบ่อนที่เขมร ถ้ามีภูมิจริงมีคนศรัทธาแน่
สรุปองค์ความรู้เท่านั้น(ไม่ใช่องค์...อะไรต่ออะไร) สามารถเป็นโค้ช เป็นที่ปรึกษาให้คุณลูกค้าคุณลูกศิษย์ได้นั่นแล
คือต้องทำให้ผู้มาดูได้ประโยชน์
ตัวตัดสินคือ ลูกค้ากลับมาหรือไม่ หรือว่าครั้งเดียวก็เกินพอ !
ที่ปรึกษาบนเส้นทางโหร จึงต้องมีความรู้รอบด้าน ไม่ต้องรู้มากมายแต่ต้องรู้เนื้อๆหลักๆ ไม่ว่าเรื่องดวงชะตาเพราะต้องดูวาสนา
เรื่องโหงวเฮ้งดูนิสัยพฤติกรรม ฮวงจุ้ยรู้ทิศทางสภาพแวดล้อม อาจารย์ท่านหนึ่งของผมยึดอันนี้เป็นหลัก
แต่....ยังไม่พอ เรื่องเลขศาสตร์ เบอร์โทร เสื้อผ้าหน้าผม ก็ต้องดูเป็น ลายเซ็นต์ และฤกษ์ยามก็มองข้ามไม่ได้
ดังนั้นคนในสายนี้จึงมักเรียนสารพัด ตำราเพียบ เงินกับเวลาที่ทุ่มไปไม่มีคำว่าน้อย แต่ที่ได้ผลมีไม่ถึง 10% เพราะตัวแปรสำคัญคือกัลยาณมิตร และเจอครูที่คายความจริงให้หรือเปล่า
1
หรือพาทัวร์ วนจนบางทีครูก็งงเองก็มี แต่ก็ต้องเข้าใจว่าการเลี้ยงไข้การเลี้ยงวิชานั้นมีอยู่จริง ความจริงของจริงไม่ได้มีเยอะหรือซับซ้อน
แต่การศึกษาที่แท้จริงคือการศึกษาด้วยตัวเองต้องศึกษาค้นคว้าหาประสบการณ์เองความรู้ที่แท้อยู่ที่สนามจริงไม่ใช่ห้องเรียน
ห้องเรียนครูที่สอนท่านแนะท่านให้หลักหรือจุดที่ต้องสังเกตค้นคว้าต่อเท่านั้น ติดอะไรจริงค่อยถามไถ่กัน
ครูที่แท้ยินดีให้ความรู้ศิษย์ไม่มียกเว้น ครูไม่แท้ก็มีมากมายไม่ว่ารู้หรือไม่รู้ ไม่แท้คือไม่แท้สติปัญญารู้ได้
เพราะคำตอบหรือคำอธิบายนั้นมีเหตุผลหรือแค่บ่นๆแล้วตีกรรเชียงหลบไป ความจริงใจมีไม่มีช้าเร็วรู้ได้ ที่เหนือกว่าคือจริตไปทางเดียวกันมากกว่า
บางคนหลงทาง ผิดเลนไปไกล กว่าจะกลับมาเรื่มต้นใหม่ก็ล้า ตำราดีๆก็หากันค้นกันไม่เคยขาดใครว่าดีต้องเก็บ
แต่ปัญหาคือที่ดีที่ใช้ได้มันไม่ได้รวมอยู่ในเล่มเดียวนะท่านความรู้ที่ใช้ได้จริงมันมีเล็กๆน้อยๆในแต่ละเล่ม ๆ แปลว่าท่านต้องอ่านต้องค้นหลายๆเล่ม !
ครูที่สอนท่านที่รู้จริงก็อาจไม่ปล่อยไม้เด็ดเคล็ดลับการทำนาย ให้แต่พื้นฐานวนไป ก็อย่างที่บอก กว่าจะได้อะไรมาไม่ง่ายใครเขาจะบอกหมด นอกจากโชคดีเจอครูที่เป็นครูที่แท้ !
บางท่านก็ไม่มีเคล็ดลับอะไรดังที่ผู้เรียนคาดหวังแค่ศิษย์คิดมโนไปเอง พอเรียนมากรู้มากรู้สึกเก่งแม่นดีพอใช้แล้วดันกลับมีปัญหาในการสื่อสารคำพูดเชิงพยากรณ์อีก ไม่ง่ายนะ
บางคนเป็นถึงหมอมีดีกรี เพื่อนผมไปเจอ แถววัดหัวลำโพง ดูไพ่แบบเอาเงินอย่างเดียวทายไม่ถูกสักอย่าง คำถามเกินโควต้าเพิ่มเงิน
ดูศาสตร์อื่นอีกไหมเพิ่มเงินเน้นแต่เงินๆๆและเงินพอดีเพื่อนผมเขาก็เก่งด้านไพ่ จึงงงมาก. สรุปแล้วดีกรีไม่มีความหมาย
หมอดูตัดสินที่ภูมิรู้ ความแม่นยำในเชิงประจักษ์ เป็นตัวตัดสิน พอดีเพื่อนเก่งโหงวเฮ้งเขาย่อมมองคนออก
แต่ชีวิตหมอดูก็ต้องเช็คภูมิตัวเองอยู่เหมือนกัน สุดท้ายเป็นอย่างที่คิด คนที่เขี้ยว คนหิวเงิน เอาแต่ได้ โหงวเฮ้งบอกให้เห็นได้ ไว้ให้เพื่อนผมมาเล่าให้ฟัง:)
คนเป็นโหรเขามักดูที่ดาวพุธและพฤหัสว่าเป็นอย่างไร..:)
แม้หมอดูจะเก่งแม่นแต่หากขาดความรู้ทางจิตวิทยา สื่อสารไม่เป็นแนะนำปรึกษาไม่ได้ ไม่เข้าใจอริยสัจ4 และมิติของกรรมมากพอ
ก็ถือว่าน่าเสียดาย เพราะจะว่าไปแล้วดวงชะตาวาสนานั้นก็เป็นกระจกสะท้อนบุญกรรมในชาตินี้
แต่พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้รู้ถึงกรรมที่เคยทำมาหลายภพชาติ
แต่จะเน้นถึงปัจจุบันกรรม ซึ่งสำคัญกว่ามากเพราะคนเราเลือกที่จะสร้างเหตุ...ดีหรือชั่วได้
กรรมเก่าในอดีตกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แน่
ที่แน่คือบุญกรรม กุศลอกุศลในชาตินี้ที่เราสร้างได้สั่งสมเป็นเสบียงต่อไปในภายภาคหน้าได้ นี่ต่างหากที่ต้องคำนึง
เคยแนะนำเพื่อนไปหาหมอดูดังเสียไป 2,500 ไม่รวมค่ารถแถมจิตตกอีกต่างหาก มีแต่พูดเรื่องร้ายๆ บอบช้ำมาก
เมื่อก่อนช่วงที่มีหมอดูเต็มสนามหลวงหลังจากสวดมนต์ในโบสถ์วัดพระแก้วช่วง8-9.00 ออกมาจะเจอลุงหมอดูคนหนึ่ง จะดูกะแกประจำไม่ได้คิดอะไรมาก
หวังช่วยให้แกมีรายได้ ได้ทำบุญด้วย แกคิด 50 ให้แก100 ประจำ ใช้วิชาโหราศาสตร์ราศีจักรเสียด้วย
" แรกถามแกแบบพาลๆว่า " ลุงแม่นหรือปล่าวไม่แม่นไม่จ่ายนะ...." แกก็ยิ้มๆ สรุปแกทายดีตลอด มีแต่เรื่องชมเรื่องดีทั้งน้านเรื่องไม่ดีแทบไม่พูด
ถ้าพูดก็เบี่ยงๆมากเลย แต่ฟังแล้วสบายใจ ฝีมือถือว่า ใช้ได้เคยถามแกว่าทำไมไม่ไปหาที่เช่านั่งดูหล่ะ แกบอกค่าเช่าแพง. มาดูตรงนี้ก็ได้คิดไม่แพงเพราะไม่ต้องเสียค่าเช่า
ลุงแกเล่าว่า ทางซีกนู้นก็มีหมอดูรู้จักกันเป็นครูเกษียณแม่นเหมือนกัน นึกๆแล้วก็เสียดายไม่รู้ว่าลุงๆป้าๆที่เคยนั่งดูหมอไปไหนกันหมด
แต่ลุงก็เล่าให้ฟังว่า หมอดูไม่ดีหลอกลวงต้มตุ๋นก็มีไม่น้อย เด็กนักเรียนถูกหลอกก็มี เพราะค่าดูมันถูกไง 39 บาท 50 บาท
เด็กมันก็อยากรู้อยากเห็นพอมีเงินก็อยากมาดูก็เสร็จพวกต้มตุ๋น. " มันมีทุกวงการแหละ"
ส่วนใหญ่ผมก็แวะหาลุงคนนี้ประจำแกตัวคนเดียว เช่าห้องเก่าอยู่แถวชุมชนท่าเรือข้ามฟากนั่นแหละไม่ได้เจอแกหลายปีแล้ว.
ไม่มีเหตุบังเอิญในมิติของกรรมเพราะ "กรรมเป็นเผ่าพันธุ์พวกพ้อง"
ในมิติของกรรม แม้เขาหรือใครเลี้ยงข้าวเราด้วยความเต็มใจแม้เพียงเมล็ดเดียวเราก็ต้องใช้คืนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ในเรื่องไม่ดีที่เราหรือเขาต่างกระทำก็เช่นกัน
แม้เพียงเล็กน้อยก็ถูกบันทึกเข้าไปในดวงจิต โลกของกฎแห่งกรรมเป็นธรรมทุกมิติ และเราเขาต้องชดใช้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ความทุกข์กายทุกข์ใจที่เราไปทำกับเขา ถึงแม้ว่าเขาจะอโหสิให้แต่เราก็ไม่รอดช้าเร็วเราต้องเจอสภาวะทุกข์กายทุกข์เช่นนั้นแน่นอน.
นี่คือมิติของกรรม
ดังนั้นการสร้างเหตุต้องมีสติ เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษทุกข์กับตัวเองหรือผู้อื่นหรือไม่ !!!
คนที่มีศีลมีธรรม มีสติ มีหิริโอตัปปะ นั่นแหละจึงไม่เผลอไปล่วงเกิน ต่อว่า อิจฉาริษยาใคร ไปโกรธ ไปทำร้ายใคร รู้อภัย และมักจะอดทน
อันเป็นขันติบารมีที่ควรสั่งสมไว้ ชีวิตก็จะพ้นภัย และความเดือดเนื้อร้อนใจจะลดลงง่ายขึ้น
การเข้าใจโลกและชีวิตตามที่มันเป็น พยายามอยู่เหนือทั้งสุขและทุกข์ ผัสสะที่มากระทบเป็นเรื่องที่ต้องมีสติ
เรื่องดีดีที่ชุ่มชื่นใจก็ต้องรู้ว่าไม่เที่ยงผันแปรได้ เรื่องที่บั่นทอนจิตใจก็ต้องอดทนอดกลั้น สั่งสมขันติบารมีเข้าไว้
ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง จิตมนุษย์ย่อมผันแปรไปตามเหตุปัจจัย. จิต..ที่เป็นกุศล. จิต...ที่เป็นอกุศล. ล้วนนำพาเราไปทำเหตุที่ดีและไม่ดี
ทุกคนล้วนมีเรื่องทั้งดีและไม่ดีเป็นธรรมดาโลก
แต่เมื่อเราเข้าใจเรื่องกรรม กรรมนี้มีผลทั้งดีและไม่ดีต่อเราและคนที่เรารัก เราย่อมทำเรื่องดีมากกว่าไม่ดีมากขึ้นๆ
เรื่องไม่ดีต่าง คิดไม่ดี อิจฉาริษยา เอาชนะทิฐิมานะ ขาดเมตตา ไม่รู้การอภัยไม่ถือสา เอาถูกผิดขาวดำเป็นหลักยึด
ไม่คำนึงถึงความรู้สึกใคร คิดเอาแต่ใจตน อัตตาตัวตนโป่งพองตลอดเวลา ไม่ต้องพูดถึงการหลอกลวง ต้มตุ๋น ..... :)
ทีนี้ลองมาดูเกร็ดโหรโบราณกันบ้าง....เขาพูดไว้อาจเห็นอะไรบางอย่างประกอบจริตนิสัย แต่เป็นคำโบราณนะต้องตีความให้ตามยุคสมัย...
ท่านให้สังเกตดาวพฤหัส ถ้าอยู่ราศีเมษ-โหรปราดเปรื่อง. คือรู้ลึก รู้จริง เช่นอาจารย์สมพงษ์ อาจารย์ชัยเมศ ฯ พฤษภ-เรื่องความมั่น.(เรียนรู้อะไรช้าแต่แน่นอนมั่นคง)
มิถุน-ท่านอวดรู้.(อาจชอบคุยชอบเล่า คล้ายๆอวดภูมิแล้วมีความสุขยังไงก็ไม่รู้:) แต่ไม่ใช่เขาไม่รู้นะรู้ดีทีเดียวทำนองมีดีก็ต้องอวดกันบ้าง:)
กรกฎ-ครูแยบยล...ครูผมเอง เรียนอะไรก็ลึกซึ้งสอนอะไรก็ง่ายต่อการเข้าใจ :)
สิงห์-ผลขัดข้อง ไม่ค่อยได้ยังใจมั้งหงุดหงิดติดขัดไปโหม้ด....มีอุปสรรคไม่ราบรื่นเอาเสียเลยกว่าจะเรียนกว่าจะรู้จริง
กันย์-ครูหมอผี นอกจากเป็นโหรแล้วยังมีความรู้ทางไสยเวทย์ เป็นทั้งโหรและจอมขมังเวทย์กันเลยทีเดียว:)
1
ตุลย์-ครูหนีเข้าซ่อง. ชัดอยู่แล้วว่าสนใจทางสูติ ถ้าศึกษาทางโหงวเฮ้งยิ่งชัดชอบดูผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ชอบไปนั่งตามสถานเริงรมย์ จิบชาที่อาบอบนวด จิบเบียร์ตามแหล่งที่มีหญิงว่างั้นเถอะ สรุปถ้าศึกษาลายมือโหงวเฮ้งก็จะสนใจศึกษา คนกลางคืนมากหน่อยเท่านั้นเอง
พิจิก-ครูคะนองวิญญาณ ชัดอยู่แล้วถ้าได้ยินเรื่องนี้หูผึ่งทันที ใกล้เคียงครูหมอผี
ธนู-ชาญเชิงรบ นี่ก็ชัดที่ทะเลาะกันง่าย. ไม่ใคร่ยอมคน ทั้งครูด้วยกันบ้างลูกศิษย์บ้าง เรียกว่าสายเดือด
มกร-สบแดนโจร อันนี้มักต้องไปเกี่ยวข้องหรืออยู่ในแวดวงเรื่องผิดศีลผิดธรรมผิดกฎหมายได้ง่ายหรือมักรู้จักฉกฉวยโอกาสเก่ง
กุมภ์-โหรล่องลอย คือศึกษาไม่รู้จบ ไม่หยุดอยู่กับที่ ผันแปรไปตามจิตอารมณ์
มีน-พญาน้อยชมตลาด น่าจะชอบช้อปปิ้งเดินทาง สนุกสนานกับแสงสี อยู่ที่ไหนนานไม่ได้เบื่อ
...ลองไปสังเกตดูครับ :)
สรุป....คนที่เก่งพยากรณ์มักจะสั่งสมมาแต่อดีตชาติแล้วส่วนหนึ่ง ศึกษาค้นคว้าเพิ่มต่ออีก เจอครูอาจารย์ที่ใช่เสริม และมีพฤติวัตรปฏิบัติไม่ย้อนแยังกับครูโหรโบราณ
ดังนั้นไม่ได้มีบทสรุปว่าสายไหนแม่นยำ เพราะตัดสินที่บุญกรรมสัมพันธ์กันมา
ตัวเขามีวิชาสั่งสมมานานแค่ไหน. และผู้ดูได้รับคำแนะนำที่ได้ประโยชน์หรือไม่มากกว่า !
หมอดูทุกท่านเขาต้องมีอุปนิสัยสั่งสมมาต้องศึกษาค้นคว้ามาไม่มากก็น้อย
วิชาของเขาก็ต้องไม่ธรรมดา แม้แต่กราฟชีวิตที่คนมองว่าเป็นวิชาระดับประถมผมก็เคยเจอมาแล้วว่ามีความแม่นยำมากในตัววิชาเอง
ทุกวิชาไม่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง ต้องเข้าใจตรงนี้ แต่ละวิชามีจุดเด่นมีลีลาของเขาเอง
แต่....แต่ บังเอิญท่านไปเจอพวกมือถือสากปากถือศีล พวกสร้างภาพก็เป็นกรรมของท่าน
เป็นเรื่องปกติไม่ว่าสายไหน ลัทธิไหน ใครเป็นเจ้าสำนัก ไม่ว่าสายขาวสายเทา
ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์พวกพ้อง บางคนหลงไปกับกลุ่มนี้ กลุ่มนั้น เจ้าสำนักนั้นบ้างนี้บ้าง
พอถึงเวลาหมดบุญหมดกรรมที่ไปอุปถัมภ์รับใช้ ก็จะบ๊ายบายออกมากันเอง.:)
เราจึงอาจแปลกใจทำไมคนที่ไม่น่าใช่กลับมีสาวกมีคนอุปถัมภ์มากมาย และมีในทุกวงการ แต่เชื่อเถอะ...กรรมกำหนดไว้แล้ว
เขาเหล่านั้นย่อมสั่งสมบุญมาไม่น้อยเช่นกันและหลายคนที่มีบุญมีกรรมกับเขาไว้ย่อมมาสัมพันธ์เกื้อหนุนเขาบ้างเท่านั้นเอง...ถึงเวลาก็ลากันไปจากที่กล่าวมา
จิต...แต่ละคนจะผันแปรไปตามเหตุปัจจัยของอำนาจบุญกรรม ไม่มีอะไรเที่ยง
เพียงหวังว่า...เรื่อง กรรม และอริยสัจ4 จะเป็นเรื่องที่วงการหมอดูควรศึกษาเรียนรู้เข้าใจให้มาก....
มิฉะนั้นจะพาคนหลงทางไปเสียเท่านั้น ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ
แค่เป็นแนวทาง เตือนสติ ไม่ประมาท ไม่หลงลาภยศในช่วงนั้นๆ ถ้ามีควรใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ตนและคนทั่วไป
ถ้าดวงตกต้องอดทน ต้องทำใจ ต้องบำเพ็ญ ต้องรู้จักหยุด รู้จักถอย รู้จักวางใจให้เป็นอุเบกขา ปล่อยวาง ในช่วงนั้นๆ
เรื่องจิตนี่.....สายไพ่ หรือผู้ปฏิบัติธรรมจะเข้าใจดี. ขนาดตั้งใจมาปฏิบัติแท้ๆยังร้อนรุ่มอยู่ไม่ได้ ออกจากวัดไปให้รถชนตายก็ยังมี
บางทีเปิดไพ่มาพูดไม่ออกบอกคำทำนายไม่ได้เลยยิ่งฝืนทายยิ่งเพี้ยนต้องยุติ หากยังฟื้นพยากรณ์ไปอีกตัวหมออาจล้มป่วยได้...
อาจมีคำถามว่าทำไมก็เห็นมีไม่น้อยเจริญรุ่งเรืองดีมีคนอุปถัมภ์ มีสาวก ก็ต้องตอบในแนวพุทธว่า
ทุกคนได้สั่งสมบุญกรรมกันมาหลายภพชาติ บ้างก็มาใช้คืนบ้างๆก็เสวยบุญเก่า
เราจึงเห็นไม่ว่าคนเก่ง หรือคนรวย หลายคนก็ยังมีพฤติกรรมที่ผิดศีลผิดธรรม ใจแคบ และมักมีอัตตาตัวตนสูง บ้างก็จ้องเอาแต่ประโยชน์ตน....
บ้างถึงขั้นดูหมอให้คนกลัวและแนะทางแก้ที่ย่ำแย่เสียเงินทองหนักเข้าไปอีก !
สรุปหมอดู เป็นที่ปรึกษาให้กับทุกคนได้ในบริบทของผู้มีความรู้ด้านโหราศาสตร์ ประโยชน์นั้นมีแน่ เพราะเป็นศาสตร์ที่เป็นทั้งความเชื่อและวิทยาศาสตร์ผสมผสานกัน
ทุกสายวิชาทุกเจ้าสำนักล้วนมีดีในตัวเอง ขึ้นกับจริตและบุญกรรมสัมพันธ์
ไม่มีสายไหนวิชาไหนแม่นร้อยเปอร์เซ็นต์ ช่วยคนได้เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ลิขิตจากดวงดาวหรือกรรมเก่าส่งผลมาแล้ว50 กรรมปัจจุบันเราทำเอง50
ยิ่งปัจจุบันกรรมเราสร้างเหตุที่ดี มีคุณธรรม ชีวิตย่อมดีขึ้นนอกจากวิบากกรรมเก่าที่แรงส่งมาถึงก่อนส่วนคนที่สร้างที่ชั่ว ไร้ศีลธรรม
ชีวิตอาจยังไม่พบความวิบัติเพราะแรงบุญเก่าหนุน
แต่เมื่อบุญเก่าอ่อนกำลังลง ผลกรรมชั่วจากอดีตมีอำนาจสูงขึ้น กรรมชั่วใหม่ๆที่ทำตั้งรับรออยู่เมื่อนั้นหายนะก็จะมาถึง และ.....
ศาสตร์พยากรณ์นี้จะไม่มีประโยชน์เลยถ้าคนดูอยากฟังแต่เรื่องดีๆเพื่อให้สบายใจ
แม้แต่นักธุรกิจระดับโลกหลายคนยังต้องจ้างทีมงานให้มาจับผิดหรือชี้ถึงจุดอ่อนในสินค้าเขาก่อนที่คู่แข่งจะเอาจุดอ่อนนั้นมาทำลายเขา
คิดบวกนั้นดี แต่..หลุมพลางการคิดบวกก็มีให้เห็น การคิดลบคือการระแวงระวัง
รู้ถึงความเสี่ยง รู้ว่าช่วงเวลาไหนที่จะต้องระวั. การรู้ทำให้เราวางกลยุทธ์
ลดความเสี่ยงลงได้ แผนสำรองจะวางได้ตรงจุด. และนี่คือประโยชน์ของโหราศาสตร์ !
หมอดู โหราจารย์ ที่ปรึกษาฯ. ล้วนมีต้นทุนสูงมากก่อนที่จะมาเป็นที่ปรึกษาหรือหมอดูประจำตัวกับท่าน
มีทั้งอ่านมากค้นคว้ามากเสียเวลามากในการศึกษาค้นคว้า....ต้องลุ่มหลงรักจริงเพราะใช้เวลามาก หลายคนท้อเลิกไปก็เยอะ
แต่ละคนตำราเต็มบ้าน. แสวงหาครูบาอาจารย์เจอที่ดีก็ดีไปเจอที่ดีไม่จริงก็หลงกันไป
แต่ละตำราแต่ละครูก็มีเกร็ดที่ใช้ได้จริงบ้างไม่ได้บ้างสุดท้ายต้องศึกษาพิจารณาค้นคว้าเองเป็นสำคัญ
ทุกคนอยากเป็นหมอดูที่เก่งและแม่น แต่อย่างที่บอก ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เขาให้เป็นแนวทาง ให้เป็นแนวคิดไปพิจารณาต่อในบริบทของตัวผู้ดูเองไม่ได้ให้เชื่อไปทั้งดุ้น
ศาสตร์นี้เกิดจากผู้มีปัญญา คนใช้ก็ต้องพิจารณาด้วยปัญญาจึงจะมีประโยชน์
พอมาเป็นหมอดูผู้คนก็คาดหวังจะเป็นหมอดูเทวดารู้เห็นทุกอย่างโดยไม่ต้องบอกข้อมูลอะไร
ใครทายแม่นดังตาเห็นก็จะอึ้งทึ่งและจะพากันไปหาความมหัศจรรย์นั้น ซื่งมีอยู่จริง
แต่สภาวะแบบนี้หาเที่ยงไม่ เพราะเกินหลักวิชา. อาศัยบารมีเก่าเช่น อภิญญา....ซึ่งมีสภาวะเสื่อมได้ไม่แน่นอน
.....สิ่งเหล่านี้มันเสื่อมได้ตามเหตุปัจจัย ในมุมมองผมเอาหลักวิชาเอาเหตุเอาผลแล้วผู้รับคำพยากรณ์นำคำพยากรณ์ไปเชื่อมโยงกับรายละเอียดชีวิตตนเองจะมีประโยชน์มากกว่า
โหราศาสตร์เป็นศาสตร์โบราณเป็นศาสตร์ของผู้มีสติปัญญา เป็นศาสตร์ที่กุนซือที่ปรึกษาไม่อาจมองข้าม....
ดังนั้นผู้จะได้ประโยชน์จึงมักเป็นผู้มีปัญญา มีเหตุมีผล มีสติรู้เป็นแนวทาง เป็นข้อมูลแนวคิดทางโหราศาสตร์เท่านั้น
มิใช่ต้องลุ่มหลงและเชื่อแบบไม่ไตร่ตรอง...
กฎของดวงดาวสะท้อนบุญกรรม อยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมทั้งสิ้น แต่...กรรมปัจจุบันสำคัญกว่า !
สร้างเหตุที่ดีเข้าไว้ ทาน ศีล ภาวนา ต้องเอา เพื่อทอนวิบากกรรมให้เบาบาง ที่เป็นกรรมเล็กๆน้อยๆก็จะจบและผ่านพ้นได้เร็วขึ้น
อย่าสร้างเหตุแห่งความเสื่อม อย่าขาดซึ่งหิริโอตัปปะ อย่าผิดศีลธรรมอันดี
คบหาแต่กัลยาณมิตร ใครอะไรที่บั่นทอนจิตใจให้ถอยออกมา แตงโมคือแตงโม
อย่าคิดกลายพันธุ์มันเหนื่อยนอกจากจำเป็น ขึ้นกับสถานการณ์
ปัญหาคือเรามองคนไม่ออกว่าเขาเป็น องุ่น ไม่ใช่ขนุน เท่านั้นเอง :)
โฆษณา