13 เม.ย. 2021 เวลา 05:11 • เกม
เล่าเรื่อง "เราจะได้พบกันในที่สุด" Genshin Impact ฉากที่ 1 บทที่ 4
คำเตือน ในเนื้อหานี้จะมีการสปอยล์เนื้อหาล่าสุด ของเกม Genshin Impact
นักอ่านคนใดที่ประสงค์ที่จะอ่านบทวิเคราะห์ต่อ ผมจะไม่ห้าม แต่ถ้ายังไม่ได้เล่นหรือรับทราบเนื้อเรื่องของ Genshin Impact ในฉากล่าสุด ผมแนะนำให้หยุดการอ่านไว้เพียงเท่านี้ก่อน แล้วไปดูหรือไปเล่นกันก่อนจากนั้นมานั่งอ่านก็ยังไม่สายครับ
แต่ยังไงก็แนะนำให้ดูมาก่อนจะดีกว่า เนื้อหาภายในเกมจะเล่าละเอียดกว่าที่ผมสรุปแน่นอน
โดยผมจะวางเส้นกั้นเอาไว้ ถัดจากเส้นกั้นนี้จะเป็นเนื้อหาของ บทที่ 1 ฉากที่ 4
เรื่องราวของบทที่ 1 ฉากที่ 4 จะเริ่มต้นที่ เราและไพม่อนได้รู้ข่าวจาก Ganyu และ Lan ว่ามีพวกโจรนักล่าสมบัติใน Liyue และ Mondstadt กำลังวางแผนบุกเข้าไปยังโบราณสถานแห่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับ Abyss Order เราและไพม่อนจึงรับหน้าที่ในการตามสืบเรื่องราวเหล่านี้ ทั้งเราและไพม่อนได้เข้าไปที่โบราณสถานตามพวกโจรนักล่าสมบัติ และได้ตรวจสอบในส่วนลึกของโบราณสถาน แต่กลับพบศพของหนึ่งในโจรนักล่าสมบัติ และพบเจอกับ Statue of the Seven ในสภาพกลับหัวและถือพลังปริศนา เราและไพม่อนรู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์คราวนี้จึงตัดสินใจรีบหนีออกมาจากสถานโบราณ แต่ทว่าเราได้เจอกับ Abyss Herald เป็นครั้งแรก เราก็รู้ได้ทันทีว่า นี่คือคนที่ Dainsleif เคยกล่าวถึง และทั้งคู่ก็ได้เปิดฉากปะทะกัน Abyss Herald ที่เข้าปะทะและได้เห็นพลังของเรา ก็ทำท่าทีว่าเหมือนจะเคยรู้จักเรามาก่อน ทิ้งเป็นปมให้เราสงสัยก่อนที่เปิดประตูมิติหนีไป
เราและไพม่อนได้ออกมาจากสถานโบราณ และได้มาเจอกับ Dainsleif เข้า ซึ่ง Dainsleif ได้บอกกับเราว่า เขากำลังตามล่า Abyss Herald อยู่ ตัวเราได้ตัดสินใจที่จะเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาภายในสถานโบราณ ทั้งศพของโจรนักล่าสมบัติ รูปปั้น Statue of the Seven ในสภาพกลับหัวที่ถือพลังของ Abyss ไว้ในมือ และ การต่อสู่ของเรากับ Abyss Herald ซึ่งทั้งเราและ Dainsleif ได้ตัดสินใจที่จะตามร่องรอยของ Abyss ไปต่อ เราได้เจอกับพวก Abyss mage กลางทางและได้จัดการมันลง ก็สงสัยว่า โดนดักโจมตีรึเปล่า แต่ Dainsleif บอกว่าไม่ใช่ พวกนั้นแค่กำลังหาอะไรบางอย่างที่ซากของ Ruin Guard ของบางอย่างที่สำคัญมาก ๆ สำหรับ Abyss Order ระหว่างทาง Dainsleif คิดว่าทั้ง Abyss Order และ Ruin Guard มีอะไรที่เชื่อมกันอยู่แน่ ๆ ทั้งคู่ได้คุยกันเรื่องอาณาจักรที่ล่มสลาย Khaenri'ah ซึ่งไพม่อนสรุปว่า Abyss Order และ Ruin Guard คือสิ่งที่หลงเหลืออยู่หลังจากที่ Khaenri'ah ล่มสลาย ไพม่อนจะอธิบายเกี่ยวกับอาณาจักรนี้ให้เราฟัง แต่เรากลับมีความทรงจำนี้อยู่แล้ว และได้เล่าเรื่องราวที่จำได้เมื่อ 500 ปีก่อนให้กับ Dainsleif ฟัง ซึ่งดูเหมือนว่า 500 ปีก่อนจะเป็นครั้งแรกที่เราได้ฟื้นขึ้นมาบนโลกนี้ด้วย ด้วยความที่ Dainsleif รู้จักกับอาณาจักรนี้มากกว่าเรา เขาจึงได้เล่าเรื่องราวของอาณาจักรนี้ให้เราฟัง Khaenri'ah เป็นอาณาจักรที่ไม่มีเทพเจ้า ซึ่งไม่ใช่เพราะว่าเทพเจ้าได้ตายลง แต่เพราะไม่มีเทพเจ้าตั้งแต่แรก เป็นเมืองที่มีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรือง จนกระทั่งโดนเทพเจ้ามาทำลายจนย่อยยับ เสมือนเป็นแค่วัชพืชในสวนหลังบ้านของเทพเจ้าเท่านั้นเอง ถัดมา เราได้เจอ Abyss Mage อยู่กับ Ruin Guard ซึ่งพอมาตอนนี้ เราจะได้รู้ว่าชื่อของ Ruin Guard เป็นชื่อที่คนยุคนี้นั้นตั้งขึ้นมากันเอง ซึ่งตัวหุ่นมีชื่อดั้งเดิมอยู่แล้วนั่นก็คือ Field Tiller มันเป็นฉายา ในสมัยนั้น ชาว Khaenri'ah มักจะตั้งฉายาให้กับอาวุธ ซึ่งมีที่มาของแนวคิดคือ ที่ดินตรงนั้น ไม่ควรถูกไถด้วยเครื่องมือทำไร่ทำนา แต่ต้องใช้เหล็กและเลือดเพื่อแย่งชิงมา โดยหลังจากที่ Khaenri'ah ล่มสลาย Field Tiller พวกนี้ที่ไม่มีเจ้าของก็หลุดจากการควบคุม เร่ร่อนทั่วทั้ง Teyvat มา 500 ปี เราได้สืบเรื่องราวจนไปเจอกับ Abyss Mage ตัวหนึ่งที่มีคาถารายล้อมรอบตัวเอง Dainsleif ได้อ่านให้เราฟังประมาณว่า "นำศรัทธาของศัตรูมาเป็นเชื้อเพลิง และนำเกียรติยศมาสู่องค์ชายผู้สูงศักดิ์" "การถักทอแห่งโชคชะตา" มีแผนขั้นแรกที่จะมาเกี่ยวข้องกับ Osial เทพอสูรแห่งกระแสน้ำวน ไพม่อนคิดว่าพวก Abyss จะทำเหมือนกับที่เคยทำกับ Dvalin แต่ Dainsleif คิดว่ามันจะไม่ใช่แค่นั้น เขาคิดว่าพวก Abyss จะเปลี่ยนทั้งจิตใจของ Osial และใช้เทคนิคที่ใช้สร้าง Field Tiller มาเปลี่ยนแปลงร่างกายของ Osial ด้วย ในจดหมายได้บอกอีกว่า มันจะใช้ Defield Statue มาเป็นฐาน จากนั้นต่อแขนขาของ Osial เข้าไปเพื่อเปลี่ยนให้เป็นหุ่นยนต์เทพอสูร และสิ่งใหม่ที่จะมาแทนลูกแก้วในมือของ Statue of the Seven ก็คือ ดวงตาของ Field Tiller ตัวแรกของโลก ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครค้นพบ ว่า Field Tiller ตัวแรกของโลกไปอยู่ที่ไหนกันแน่
เราและ Dainsleif ได้เดินทางไปยังวิหาร Favonius ที่ Mondstadt เพื่อสอบถาม Barbara เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต (Dainsleif จะไม่ตามเราเข้าไปในวิหาร ให้เรากับไพม่อนไปคุยกันเอาเอง) เราได้ถาม Barbara ว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับ Field Tiller ตัวแรกของโลกไหม แต่ Barbara ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ไพม่อนเลยเปลี่ยนคำถามเป็น ที่โบสถ์เคยทำ Statue of the Seven หายรึเปล่า ซึ่ง Barbara ก็แปลกใจว่าทำไมเราถึงมาถามเรื่องเก่า ๆ เรื่องที่เลิกพูดถึงกันมานานแล้ว Barbara เล่าให้ฟังว่า นานมาแล้ว มี Statue of the Seven หายไปกลางดึกอย่างไร้ร่องรอย ผู้คนทั้งโบสถ์ช่วยกันหาทั้งคืน แต่ก็ไม่พบเจอ ซึ่งในบันทึกของโบสถ์ได้บันทึกเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ว่า "Statue of the Seven ที่หายสาบสูญ" นอกจากนี้ Barbara ได้เล่าเรื่องเหตุการณ์แปลก ๆ อีก 1 เรื่อง "ความเดือดดาลของเผด็จการ" โดยเรื่องนี้จะเกี่ยวกับเรื่องราวของ Mondstadt ในอดีตหรือ Stormterror's Lair มีช่วงหนึ่งที่สถานที่ตรงนั้นกลายเป็นที่ที่อันตรายมาก ถ้ามีใครไปใกล้ตรงนั้น จะมีลูกไฟหล่นจากฟ้า ผู้คนในตอนนั้นคิดว่าเป็นคำสาปของ เทพพายุ เลยเรียกมันว่า ความเดือดดาลของเผด็จการ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนานนับปี แต่ท้ายที่สุด มันก็หยุดลงไปเอง แต่ Barbara ก็ยังตั้งข้อสงสัยว่าเรียก ความเดือดดาลของเผด็จการได้หรือเปล่า เพราะปกติแล้วเทพแห่งพายุจะไม่ยิงลูกไฟแบบนี้ออกมา บางทีอาจจะมีสาเหตุอื่นก็ได้ ไพม่อนคิดว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับ Statue of the Seven ที่หายไป ทั้งคู่ได้กล่าวขอบคุณ Barbara แต่ก็ได้เจอกับแม่ชี Rosaria เข้า ซึ่ง Rosaria บอกว่าตอนนี้กองอัศวินติดภารกิจกับมอนส์เตอร์ที่กลับมาอาละวาด ในแถบ Wolvendom และจ้องจะเล่นงาน วิญญาณของ Lupus Boreas ซึ่งหัวหน้ากอง Jean ได้ไปอยู่ที่นั่นแหละ เราและ Dainsleif ได้ตามไป Wolvendom เพื่อไปดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ในตอนนี้ Abyss Order ได้เริ่มแผนการใหม่แล้ว และเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องตามไปขัดขวาง เราจะออกไปตามหา วิญญาณของ Lupus Boreas แต่ Dainsleif บอกว่าให้เราเข้าไปคนเดียว เขาไม่อยากที่จะยุ่งเกี่ยวกับ Lupus Boreas อีกแล้ว เพราะรับไม่ได้ที่ Lupus Boreas เป็นถึงเทพอสูรโบราณ แต่กลับทำงานรับใช้เทพเจ้าทั้ง 7 แบบนี้ เขายังแนะนำให้เราระวังตัวเสมอ เมื่ออยู่ใกล้กับเทพเจ้า แต่อย่าถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน ซึ่งเราและไพม่อนก็จะงง ๆ กับเรื่อง Dainsleif เตือนมา และ Dainsleif ได้เปิดเผยว่า เพราะเทพเจ้าเป็นคนทำให้ Khaenri'ah เกิดการล่มสลาย พวก Abyss Order เลยจ้องจะทำลายล้างประเทศของเทพเจ้าทั้ง 7 Dainsleif ได้แยกย้ายไปจัดการกับ Abyss Order ที่เหลือ และให้เราเข้าไปหา Lupus Boreas เพียงลำพัง เราได้เจอกับหัวหน้ากอง Jean ดูเหมือนว่า เธอจะยังไม่รู้เรื่องราว ว่าทำไม Abyss Order ถึงเข้ามาโจมตี Lupus Boreas ซึ่ง Jean ก็ให้เราไปดู Lupus Boreas ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง พอเราไปถึง ก็ได้เจอกับ Razor และ Lupus Boreas ที่เหมือนว่ากำลังโดนขึงด้วยโซ่ที่มีพลังงานบางอย่าง กำลังเผชิญหน้ากับ Abyss Herald เราได้เข้าช่วยเหลือทั้งคู่โดยทันที นี่ก็คือครั้งที่ 2 ที่เราได้ปะทะกับ Abyss Herald เราเอาชนะ และช่วยเหลือทั้งคู่ได้สำเร็จ ไพม่อนได้ถามเกี่ยวกับ Field Tiller ตัวแรกของโลก ซึ่ง Lupus Boreas ไม่ได้รู้จักชื่อแต่อย่างใด แต่ก็มีหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่ทำให้เขาจำได้ไม่เคยลืม มันได้เข้ามาในสนามทดสอบ แต่มันไม่มีสมอง ทำได้แค่ต่อสู่เท่านั้น สุดท้าย หุ่นยนต์ตัวนั้นได้โดน Lupus Boreas โจมตีจนพัง ซึ่งหุ่นยนต์ตัวนี้ก็ได้หนีออกจากสนามทดสอบไป เราถามต่อว่า มันหมุนได้มั้ย Lupus Boreas ตอบกลับว่า มันหมุนได้ กระโดดได้สูงมาก และยิงลูกไฟได้ด้วย ถึงแม้จะเก่งไม่เท่าเทพเจ้า แต่ก็แกร่งกว่าคนที่มีวิชั่นเยอะมาก ถึงจะได้ข้อมูลมาเยอะแต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่านี่คือ Field Tiller ตัวแรกของโลกรึเปล่า
เราได้ออกจากสนามทดสอบมาเจอกับ Dainsleif และได้เล่าเรื่องที่เรารู้ให้เขาฟัง ซึ่ง Dainsleif ได้สรุปจากเหตุการณ์เก่า ๆ "ความเดือดดาลของเผด็จการ" ว่าหุ่นยนต์ตัวนี้คือสาเหตุ เพราะผู้คนในตอนนั้นไม่รู้จักขีปนาวุธ เลยเรียกว่ามันคือลูกไฟ หลังการปะทะกับ Wolf of the North มันได้ยิงลูกไฟออกมาหลังจากที่หนีออกจาก Wolvendom ไปยังซากโบราณสถานของ Mondstadt เก่า เพียงแค่มีคนเข้ามาใกล้ ก็จะยิงขีปนาวุธออกมา จนวันหนึ่งได้พังลง เหตุการณ์นี้เลยจบลงไป และจากสถานที่ ทำให้เราจำได้ว่าตอนนี้ Field Tiller ตัวแรกของโลกคือตัวที่นั่งอยู่ที่หอคอยนั่นเอง เรา ไพม่อน และ Dainsleif ได้เดินทางไปยัง Stormterror's Lair ซึ่งก็เจอกับซากของ Field Tiller ตัวแรกของโลก เราได้ใช้จิตสำผัสธาตุเช็คดู แต่ก็ไม่เป็นผล Dainsleif บอกว่า เช็คด้วยวิธีนั้นไม่ได้ เพราะว่าหุ่นยนต์พวกนี้ไม่ได้ทำงานด้วยพลังธาตุ Dainsleif ใช้อีก 1 วิธีที่ตรวจสอบ และเขาทำสำเร็จ ได้เจอกับสิ่งที่ Abyss Order ตามหามาโดยตลอด ดวงตาของ Field Tiller ตัวแรกของโลก พวก Ruin Guard ที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นแค่แบบจำลองของตัวนี้เท่านั้นเอง และด้วยความที่ตัวนี้เป็นต้นแบบ เลยไม่ถูกควบคุมความสามารถในการรบ พวก Abyss ต้องการดวงตานี้เพื่อมอบพลัง การโค่นล้มบัลลังค์แห่ง Celestia ให้กับเทพอสูรที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ Dainsleif จึงตัดสินใจที่จะเก็บดวงตาของ Field Tiller ตัวแรกของโลกไว้กับตัวเขาเอง เขาคิดว่าไม่ว่าจะซ่อนที่ไหน ก็จะถูกหาจนเจอ และเขาก็ไม่ไว้ใจคนของโบสถ์ด้วย นอกจากนี้ Dainsleif มีแผนที่จะทำลาย Defield Statue ในสถานโบราณด้วย เพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งหมดจึงได้กลับเข้าไปยังสถานโบราณอีกครั้งหนึ่งเพื่อตามหา Defield Statue พวกเราได้เจอกับ Defield Statue และได้เจอกับ Abyss Herald อีกครั้งหนึ่ง ตัว Abyss Herald ดูเหมือนจะรู้จักกับ Dainsleif มาก่อนอยู่แล้ว Abyss Herald เลยโชว์สกิลปากใส่ Dainsleif ไปหนึ่งที่ ก่อนจะเข้าปะทะกันในรอบที่ 3 พอเราปราบเจ้า Abyss Herald ลงได้ เจ้านี่ก็พยายามจะเปิดประตูมิติหนี แต่รอบนี้กลับไม่เป็นแบบเดิม เพราะ Dainsleif ใช้พลังของเขา ดึงตัวไม่ให้ Abyss Herald หนีแต่ก็มีฝาแฝดของเราเข้ามาขัดขวาง เราตกใจมากที่เจอฝาแฝดของเรายื่นมือมาช่วยเหลือศัตรู และศัตรูก็ให้ความเคารพเสียด้วย ฝาแฝดของเราได้ถามเราว่า ทำไมเราถึงมาอยู่กับ Dainsleif ได้ล่ะ และยังบอกเราอีกด้วยว่า ไม่ควรจะอยู่ฝั่งเดียวกับ Dainsleif เพราะชายคนนี้คือศัตรูของฝาแฝดเรา Dainsleif ได้ทักทายกับแฝดเราว่า เจอกันอีกแล้วนะ แฝดเราไม่พูดกับ Dainsleif แต่ก็เตือนเราอีกว่า อย่าขัดขวางฝาแฝด อย่าอยู่กับ Dainsleif อย่าขวางทาง Abyss และยังเฉลยเรื่องราวของ Dainsleif ด้วยว่าเขาคือ "ดาบแห่งแสงสุดท้าย" หนึ่งในองค์รักษ์ของราชวงศ์สุดท้ายแห่ง Khaenri'ah เมื่อ 500 ปีก่อน เขาไม่สามารถหยุดยั้งการล่มสลายของ Khaenri'ah ได้ Dainsleif ในตอนนั้นถูกสาปให้เป็นอมตะ และมีชีวิตร่อนเร่ในป่าเฝ้าดูผู้คนที่เขาต้องการปกป้องกลายเป็นมอนส์เตอร์ของ Abyss
แฝดเรายืนยันที่จะไม่ไปจากโลกนี้จนกว่า Abyss จะได้ครองบัลลังก์ สงครามที่เขาทำอยู่ถึงจะจบลง สุดท้ายนี้ แฝดเราบอกกับเราว่า เขาเคยเดินทางบนโลกใบนี้แล้ว และเมื่อเราเดินทางไปจนถึงจุดสิ้นสุดของการเดินทางก็จะได้เห็นความจริงของโลกใบนี้ ก่อนที่จะวาร์ปหายไปต่อหน้าเรา Dainsleif ได้วิ่งตามเข้าไปด้วย แต่เรากลับตามเข้าไปไม่ได้ ไพม่อนได้ปลอบใจเรา และช่วยเราสรุปเรื่องราวที่ได้พบเจอมา ซึ่งสรุปออกมาเป็นแบบนี้
- แฝดเราเป็นหนึ่งในผู้นำของ Abyss แต่ไม่มั่นใจว่าเป็นผู้นำสูงสุดไหม
- แฝดเราบอกว่า การครองบัลลังก์และการต่อสู้กับกฎแห่งสวรรค์ ฟังดูเหมือนต้องการจะทำลายเทพเจ้าทั้ง 7 และประเทศทั้ง 7 เลย
- Monster ของ Abyss Order ก็คือชาวเมืองของ Khaenri'ah ในตอนที่อาณาจักรล่มสลายแล้ว
- Dainsleif คือชาวเมืองของ Khaenri'ah แต่ไม่ได้กลายเป็นมอนส์เตอร์ และเข้าต่อสู้กับ Abyss Order มาโดยตลอด เพราะแบบนี้ แฝดเราก็เลยมองว่า Dainsleif คือศัตรู
- มีข้อสงสัยที่ไพม่อนตั้งเอาไว้ว่า ถ้ามอนส์เตอร์ของ Abyss คือชาว Khaenri'ah ที่ Dainsleif ต้องปกป้อง ถ้าแบบนั้นทำไมเขาถึงต้องเป็นศัตรูกับ Abyss Order ด้วย
- ทำไมแฝดเราที่ไพม่อนช่วยตามหามาตลอดถึงเข้าร่วมกับ Abyss Order
จนตอนนี้ข้อมูลเหล่านี้ก็ยังไม่พอ เราและไพม่อนตัดสินใจที่จะออกเดินทางกันต่อไปในอนาคตเพื่อหาความจริงเหล่านี้ว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตอนนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ตัวละครหลักได้เจอกับฝาแฝดเป็นครั้งแรกเนาะ เนื้อหาถัดจากนี้ ผมจะมาวิเคราะห์สั้น ๆ ว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง เนื้อหาในอนาคตอาจจะออกมาไม่ตรงกับบทวิเคราะห์ตรงนี้นะครับ
จากเนื้อเรื่องที่เล่นมา จะแบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายด้วยกัน เทพ, Abyss และ Dainsleif ซึ่งตอนนี้ก็หาคำตอบไม่ได้ว่าใครถูกผิด แต่ดูจากที่ Abyss พยายามที่จะทำลายเทพเจ้า และประเทศของเทพเจ้า น่าจะทำให้รู้ว่า Abyss มีความโกรธแค้นกับเทพเจ้ามาก ๆ อย่างแน่นอน แต่ว่าเทพเจ้าที่ลงมาทำให้เมือง Khaenri'ah ล่มสลาย อาจจะไม่ใช่เทพองค์เดียวกับปัจจุบัน ณ ตอนนี้มีแค่ Zhongli คนเดียวที่เป็นเทพที่อยู่ตั้งแต่รุ่นแรก และน่าจะกุมความลับตรงนี้เอาไว้อยู่ ส่วน Venti เป็นเทพรุ่นที่ 2 แล้วซึ่งผมเดาว่า Venti ไม่น่ามีส่วนในเหตุการณ์ครั้งนั้น ต้องรอดูในอนาคตว่าจะมีเทพเจ้าองค์ไหนออกมาอีกบ้าง
อีกส่วนที่ผมคาดเดา แต่ว่าความเป็นไปได้มันก็ยาก นั่นก็คือ Fatui อาจจะอยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือ Abyss อยู่ จาก Abyss Herald ที่ออกมา รูปลักษณ์ของเขามันไปคล้ายคลึงกับ Agent ของ Fatui มาก ๆ แต่ก็เป็นความคิดที่ปัดตกไปเพราะยังไม่มีข้อมูลอะไรมากเท่าไหร่ครับ
ตอนนี้ฝั่งเทพจะเริ่มมีกลิ่นละ ว่าดีจริงหรือเปล่า แต่อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป อาจจะมีอะไรพลิกล็อคมากกว่านี้ ยังไงตอนนี้ผู้เขียนก็รอติดตามเนื้อเรื่องหลักถัด ๆ ไปอยู่ครับ
ขอบคุณทุก ๆ คนจริง ๆ ที่ตามอ่านจนจบ นักอ่านคนใดที่อยากรู้เรื่องราวเนื้อเรื่องย่อยตรงไหน สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นได้เลยนะ
โฆษณา