16 เม.ย. 2021 เวลา 13:52 • ท่องเที่ยว
📍ยอดเขาพระสุเมรุ (เส้นทางเดินป่าเขาเหมน จ.นครศรีธรรมราช)
จากความอยากเดินป่าของคนคนเดียว ถูกกระจายต่อไปสู่คนอีก 14 คน คงต้องหาที่ไหนสักที่เพื่อให้เราได้ลองดูกันสักครั้ง ไอที่เขาว่ากันว่าเดินป่ามันสนุก ไอที่ว่ากันว่าเดินป่าแล้วจะได้เข้าถึงธรรมชาติ หรือแม้กระทั้งที่เขาว่ากันว่าไม่เอาแล้วเดินป่า จนสุดท้ายเราทั้ง14คนก็เลือกเส้นทางเดินป่า เขาเหมน จ.นครศรีธรรมราช คงเพราะเส้นทางนี้ใช้เวลาสองวันหนึ่งคืน มากับระยะทางเดินแค่ 2.40 กิโลเมตร ฟังดูยั่วยวนน่าลองสำหรับมือใหม่อย่างเรามากๆ ตกลงวันกันได้ก็จัดการโทรจองกับพี่เจ้าหน้าที่ (11-12 เมษายน 64)
จัดก่อน 1 แอ็ค
ตัวผม + 12 คนตรงหน้า + เพื่อนอีกคนที่ถ่ายรูปอยู่
“ไปเดินป่ากันไป” “ว่าจะไปเดินป่าสนใจมั้ย” ช่วง 3-4 เดือนก่อนหน้านี้เจอใครที่ดูจะหลอกไปได้ผมก็ถามแบบนี้หมด คนแรกๆ ก็คงเป็นน้องกายกับน้องแชมป์ แล้วเราก็หาสมาชิกกันไปเรื่อยๆ นอกจากสองคนนี้แล้วก็คงเป็นออฟ ที่ยังไงผมก็จะพยายามพาไปให้ได้ ชวนกันไปชวนกันมาสมาชิกล้นหลาม จนคราวนี้ เลือกกันว่าจะไปเดินป่า เขาหลวง นครศรีธรรมราช แต่เนื่องด้วยผมมัวรอคนนั้นคนนี้จนสุดท้าย เส้นทางเดินป่าของเขาหลวงเต็ม แน่นอนครับผมทำทริปล่มและได้บทเรียนจากการตั้งทริปนี้
ความล้าจากการทำค่ายอาสาและงานเลี้ยงร่ำลากลายเป็นความล้าสะสมสร้างอุปสรรคให้การเดินทางใน วันที่ 10 เมษายน ผมและเพื่อนๆเดินทางเข้าสู่ จ.นครศรีธรรมราช เข้าสู่บ้านของเฟียร์ หนึ่งในสมาชิกผู้ใจดี ให้บ้านเป็นที่พักพิงกับพวกเราในคืนแรก เลี้ยงอาหารมื้อค่ำ และเป็นจุดรวมตัว เพื่อเตรียมของขึ้นเขา อาหารการกิน เราเลือกซื้อปลากระป๋อง โจ๊ก ไส้กรอก ข้าวสาร ไข่ไก่สด และที่สำคัญน้ำเปล่าคนละ 3 ลิตร
จัดแจงของตั้งไว้เสร็จ ก็อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ตอน 22:00 น. ตั้งนาฬิกาปลุก 5:00 เพื่อให้พร้อมออกเดินทาง 6:30 น.ตามแผนที่วางไว้เราจะไปรับ หญิงสาวหนึ่งเดียวในทริปของเรา(พี่ปราย) แล้วแวะเข้า เซเว่นเพื่อซื้อของที่ขาดเหลือ กินกาแฟ แล้วไปต่อกันที่ ร้านข้าวเหนียวไก่ย่างข้างทาง เพื่อทานมื้อเช้าและห่อไปกินมื้อเที่ยงกลางป่าเขา
ถึงจุดเริ่มต้น น้ำตกคลองจัง หลังจากผ่านความวุ่นวายในการเดินทางตามหามื้อเช้าและมื้อเที่ยง พวกเราก็พากันมาถึงที่จุดสตาร์ท มาถึงก็พบกับพี่ๆนักเดินป่าอีกทีม ดูแล้วน่าเกรงขามยิ่งนักดูเป็นมืออาชีพ ของเพรียบพร้อม ไม่ใช่เด็กๆอย่างเราๆ สอบถามได้ความว่าจะเดินอีกเส้นทางนึงไม่ใช่ทางเดียวกับพวกเรา ใช้เวลา 3วัน2คืน หลังจากตะลึงสักพักก็เริ่มจัดของตัวเองจากที่จัดไว้คร่าวๆ เหลืออะไรก็ยัดลงไปให้หมด ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้เราไม่จ้างลูกหาบถึงแม้ว่าเราจะเป็นมือใหม่แต่เราก็เลือกที่จะแบกทุกอย่างเองเพราะว่าเราไม่มีตังค์55555555 แล้วก็จอดรถให้ถูกที่ถูกทาง จ่ายเงินค่าธรรมเนียมให้พี่เจ้าหน้าที่ ค่ารถไปส่งที่ตีนเขา แล้วก็ เล็ดดดดดดดดโก!!!!!!!!!
ค่าพี่เจ้าหน้าที่นำทาง 2000 บาท
ค่ารถรับส่งเที่ยวละ 500 บาท 2เที่ยวไปกลับ พวกเราจ่าย 2000 บาท
ค่าธรรมเนียมอุทยาน คนละ 40 บาท
พวกเรา 14 คน ตกคนละ 325 บาท
**เพิ่มเติมให้นะครับ
มีบริการลูกหาบ ถ้าหากใครต้องการ 15 กิโลกรัม 1500 บาท รวมแล้วขึ้นลง
ติดต่อพี่เจ้าหน้าที่ 089-289-8324 (เป็นพี่เจ้าหน้าที่โดยตรง ชื่อพี่ถาวร) คนเดียวคนนี้สามารถช่วยเราติดต่อรถไปที่ตีนเขา ติดต่อลูกหาบ และหน้าที่หลักคือติดต่อจองการเดินป่าในครั้งนี้
แน่นอนคับจุดเช็คอิน ที่ความสูง499เมตรจากระดับน้ำทะเล
แนะนำสมาชิกของเรากันนะครับ (ซ้ายไปขวาเริ่มจากบน)
1.โอม อาจจะดูเหมือนเจ้าหน้าที่แต่ไม่ใช่ครับเพื่อนโผมมมมมเอง
2.บีช เดินนิ่งๆ ไม่บ่น ทกใบจากยาเส้นอย่างเดียว
3.พี่หลวง คนนี้ได้ MVP ช่วยขาขึ้น **ยังไงอ่านต่อไปครับ
4.พี่ตูล สนใจแค่สองอย่างคือ เล่นมุกและกล้วยไม้
5.เด็กชายจิมมี่ (พี่จิมมี่) ผู้มากับกระเป๋าผ้าสบายข้าง ดีที่ผมห้ามไว้ทัน
6.เด่น มองไกลๆ เหมือนโจโฉ เจ้าของ นิทานคางคกกับเสือ
7.น้องแชมป์ คนนี้ถึงกับถอดกระเป๋าใหม่เพื่องานนี้ แบกน้ำคนเดียวสามขวด
8.น้องแบท คนนี้บอกว่าผมสัญญาแล้วจะมาก็ต้องมา ตลกแบบสุภาพ
9.ออฟ เข้าอุทยานตั้งแต่จำความไม่ได้ ชำชองเชี่ยวชาญโชดช่วงที่สุด
10.เฟียร์ เจ้าของบ้านคืนแรก หนุ่มผมยาว
11.ผมเอง(ปลาช่อน) ... คนที่หลอกทุกคนมา 😋
12.พี่ปราย สาวสวยสุดของทริปนี้ เดินนิ่งๆไม่วอกแวก รู้แหละว่าแอบเหนื่อย
13.น้องเขตต์ ชาไทย ไอตัวนี้ขี้โม้สุด เห็นว่าจบทริปนี้จะไปซื้อของเอาจริงละ
14.น้องกาย คนนี้เอาไว้สยบน้องเขตต์เวลามันพูดมาก ทะเลาะกันอยู่สองสามคน
ปรี๊ดดดด. สามร้อยเมตรก็หม้อน้ำแตกกันแล้วครับสามร้อยเมตรนี่ไม่ใช่เล่นๆเลยนะครับสำหรับพวกผมที่ไม่เคยเดิน แบ่งของไปสิครับใครไหวก็ช่วยกันแบก คงไม่มีใครยอมให้ใครกลับก่อนกันง่ายๆหรอกครับ ยอมเหนื่อยดีกว่า ถ้าสังเกตจะเห็นว่าพี่หลวงแบกกระเป๋าสองลูกแล้ว เสียสละสุดๆ คนอื่นก็ช่วยๆกันไม่ให้กระเป๋าลูกที่สองของพี่หลวงหนักเกินไป (งดงามมากครับไม่ต้องพูดยาว)
ฮั่นแน่ สาวเจอสาวๆนักวิ่งเทรลเห็นเสื้อที่ผมใส่แกจำได้ว่าเป็นงานที่ผมวิ่ง 25k แกก็ทักเลยว่า “น้องวิ่งที่พัทลุง25โลใช่มั้ย พี่ก็ไปแต่พี่วิ่ง60โล” 5555555พี่เค้าหยอกแหละ ขอบคุยที่แวะพูดคุยนะครับ ยินดีที่ได้สวนทางกันนะครับ ถ้ามีโอกาสไว้ค่อยเจอกันสนามไหนสักแห่งในบ้านเรานะครับ
สภาพเส้นทาง ช่วงแรกทางดินเนินสลับเรียบนิดๆ ค่อยๆไต่ขึ้นไปพอถึงกลางๆ ทางจะเรื่อยชัน และมีหินก้อนใหญ่ๆให้ปีนป่าย ชันมาก พอถึงประมาณ500เมตรสุดท้าย เป็นผาให้ให้เดินเลยครับ เสียวดี ไม่ดูแล้วก็ไม่ได้อันตรายมากเกินความสามารถ พอถึงจุดกางเต็นท์ก็เป็นเนินดิน กับหญ้าเตี้ย โล่ง วิวสวยมาก และเราได้สัมผัสกับก้อนเมฆ เป็นระยะๆ อุณหภูมิก็ต่ำลงเรื่อยๆ จนช่วงพระอาทิตย์ตก อ่านอุณหภูมิจากนาฬิกาได้ ประมาณ25องศาเซลเซส
ด้านหลังคืนจุดกางเตนท์ เวลาประมาณบ่ายสาม
เดินมายังจุดชมวิวห่างจากจุดกางเต็นท์ 200เมตร
พอถึงที่หมายจัดแจกกางเต็นท์ พักผ่อนให้หายเหนื่อย พี่เจ้าหน้าที่ก็พาขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกและบอกทางสำหรับไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ขึ้นไปถ่ายรูปสักพักก็กลับลงมา ไม่ได้เห็นหรอกครับพระอาทิตย์ตก ฟ้าไม่เปิด เมฆเยอะมาก แต่ๆๆๆๆๆ ที่ผมชี้นั่นก็คือที่เขาเรียกว่าเขาหลวง สถานที่เดินป่าที่เราจัดทริปล่ม แต่ผมไม่ยอมครับ ผมจะไปแก้มือ ผมเรียกคนอื่นมาดูและบอกว่าจะไป ก็ไม่มีใครห้ามนะ แต่ก็ไม่รู้ใครจะไปด้วยรึป่าว 😂😂 เดินครั้งนึงก็ 2-3คืน น่าคิดอยู่น้าาาาา
เขาหลวงงงงงงงงง
ลงมาที่จุดกางเต็นท์ ก็ทำกับข้าวกันเลยครับ พวกเราเลือกเมนูคือ ยำปลากระป๋อง ไข่ทอด(ตอกไข่ใส่ขวดแบกขึ้นมา) ข้าวสวยมาหุงด้านบน และไส้กรอกที่นำมาย่างกับกะทะ
สองทุ่มบางคนก็เริ่มเข้านอนแล้วจากความเหนื่อยล้า บางคนก็ผิงไฟคุยกัน บางคนก็แยกกันไปนั่งดูดาว จังหวะนั้นแล้วแต่สะดวกเลยครับ เราทุกคนถนัดไม่เหมือนกันในการสร้างความสุข บางคนแค่ได้ฟังคนอื่นก้มีความสุข บางคนนั่งเงียบๆเสพธรรมชาติก็มีความสุข บางคนได้พูดแล้วทำให้คนอื่นยิ้มแล้วมีความสุขส่วนผม มีความสุขที่ทำให้ทริปนี้เกิดขึ้นนะครับ 🥰
หนาวเป็นบ้า มองไม่เห็นอะไรเลย
หกโมงเช้าตื่นปุ้ปผมก็กดนาฬิกาดูอุณหภูมิ อยู่ที่ 20 องศา ถึงว่าทำไมหนาวจัง ตัวผมล้นถุงนอน จะคลุมไหล่ก็ไม่ได้ โอ้โห สุดๆ ผมว่าผมหนาวนะ เพราะผมไม่เคยนอนที่ไหนหนาวขนาดนี้เลยในภาคใต้
ปลุกทุกคนให้ตื่น แล้วเราก็ต้องเดินขึ้นไปด้านบนเพราะนัดกับคุณพระอาทิตย์ไว้ตอน 6:14 ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นสักหน่อย แต่เจอเมฆบังหมดแถมด้วยลมแรงๆกระแทกหน้า โอ้โห สั่นกันได้ไม่นานก็ลงมาด้านล่าง ชงกาแฟ ปิ้งขนมปัง ทำโจ๊ก เก็บข้าวเก็บของ
มื้อเช้าผมเก็บภาพไว้ได้แคนี้
พอเก็บของทุกอย่างเสร็จ ก็เอากระเป๋าขึ้นหลังหามุมถ่ายรูปด้านบน พี่ตูลดูไว้แล้วว่าต้องเรียงแถวถ่ายกัน
แหม ขาดผมกับบีชไปเพราะเป็นคนถ่าย
ขาลงเดินได้เร็วกว่าขาขึ้น ไม่ค่อยกินแรง แต่ก็กินกล้ามเนื้อหน้าขาใช้ได้ ตัวผมเองมีอาการเจ็บขาจากการซ้อมวิ่งก่อนหน้านี้ ทำให้เดินห้อยหลังมาตลอด ค่อยๆก้าวค่อยๆก้าว จนมาถึงครึ่งทาง น้องแชมป์ถามว่าวิ่งมั้ย รอไรละครับ ลืมไปเลยว่ากลัวเจ็บ ช่วงครึ่งหลังก็วิ่งๆหยุดรอทีมงาน1 ครั้งแล้วก็วิ่งต่อ มันส์สุดๆ กับการวิ่งแบกกระเป๋าหนัก12-13 kg ปกติเคยวิ่งแบกแค่เป้น้ำ 1-2 kg
จังหวะ 100เมตรสุดท้ายฝนตก ใส่สุดแรง พวกบ้าทั้ง5คนไม่เปียกฝนครับ 55555
นี่อาจเป็นจุดจบของการเดินป่าแต่ในทางของความรู้สึกที่ผมนั่งคิดทบทวนหลังจากทริปผ่านไปหลายวัน เป็นอะไรที่งดงามมากๆ
เพื่อให้ข้อความที่เขียนก่อนหน้านี้ไม่ตกค้างไว้นาน จึงขอโพสก่อน แล้วค่อยมาปรับปรุงส่วนที่เหลือให้นะครับ
พรุ่งนี้เดินทางไปฝึกงงานแล้ว
ไม่รู้จะมีเวลามาแก้ไข บทความตอนไหน
ก็นะ คนหนึ่งคนมันมีหลายความฝัน ☀️
โปรดติดตามฉบับแก้ไข (ไม่มีกำหนด)
**เหมือนเดิมนะครับ ไม่แต่งภาพ พยายามให้เหมือนจริงที่สุด
ในเรื่องของอาหารที่พาขึ้นไป
อันดับแรกเลยคือ ข้าวสารที่จะเอาไปหุงด้านบน ผมไม่กลัวอะไรเพราะออฟมันหุงข้าวตั้งแต่เกิด หยอกก ความจริงคือผมเคยใช้หม้อสนามของออฟหุงข้าวมาก่อนหน้านี้แล้ว(มีขีดข้าวขีดน้ำไว้แล้ว)ก็เลยค่อนข้างมั่นใจว่าข้าวจะได้กิน แต่พอเอาเข้าจริง พี่เจ้าหน้าที่ ก่อไฟ ตักน้ำ และควบคุมการหุงข้าว ข้าวออกมาเวรี่กู้ดดดด อดโชว์เลยครับบบบ
กับข้าวในใจผมคิดแค่ว่าอะไรก็ได้ที่กินแล้วเหลือเศษน้อยที่สุดหรือให้ดีไม่เหลือเศษเลย ยำปลากระป๋องก็ลอยขึ้นมาทันที แต่เอ๊ ดันลืมคิดถึงบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกระป๋อง มันเก็บยาก ต้องแยกถุงกลับลงมาทิ้งด้านล่าง ดังนั้นปลากระป๋องที่เป็นกระป๋อง ส่วนตัวผมว่าไม่เหมาะกับการเดินป่า นอกจากว่าเราจะเทใส่ถุงไป อีกอย่างคือไส้กรอก ผมว่ากินง่ายดีนะ แต่ดูดีๆตอนซื้อผมกดันหยิบแบบที่มีพลาสติกหุ้ม ต้องมานั่งแกะทีละชิ้น วิธีทำใส่กรอกก็แค่เอามาย่างบนกะทะ ถ้าอยากได้อารมณ์หรือความลำบากก็ย่างกองไฟละกัน ทีเด็ดอีกอย่างคือ ไข่ไก่สด 10ฟอง ตอกใส่ขวดน้ำขวดใหญ่ไป รอบหลังใส่ขวดเล็กแล้วแบ่งกัน อันนี้คิดสดเลยว่าจะใส่ขวด แต่พี่ๆคนอื่นที่เขาเดินป่าเขาคงใช้วิธีนี้มานานแล้วแหละ
มาถึงมุมอาหารเช้าและกาแฟกันบ้าง ตอนจัดกระเป๋านี่ เครื่องบดกาแฟเอย แอโร่เพรสเอย เม็ดกาแฟเอย ยัดเข้าไป ยัดจนคิดในใจ”เอ๊ กินหรูไปมั้ยเนี่ย” ก็เลยเอาออกหมด แล้วจบที่ดริปแบคของคาเฟ่อเมซอน 1กิโลเหลือ1ขีด อ้อสุดท้ายขนมปังย่างด้วยกะทะ ทาด้วยแยมสตอเบอร์รี่ คนละ1คู่
ที่เล่ามานี่คือกองกลางนะครับ ส่วนตัวผมพกข้าวปั้น 2 ชิ้น(จาก 7-11แหละ) กินง่าย แล้วก็เป็นเมนูที่กินอยู่ประจำตอนทำอะไรแบบนี้ เห็นคนอื่นเขาก็พก แซนวิซบ้าง เจลลี่บ้าง ลูกอมบ้าง แต่ถ้าใครสายในจากตะโกนเรียกบีชได้เลยครับ แซวเล่น55555
อ้อต้องพูดถึงเรื่องนี้ด้วย จุดกางเต็นท์ หมูบ้านของพวกเรามี 6 หลัง พื้นที่ค่อยข้างแคบ จากที่เราแบ่งกันยังกางเตนท์สองคนได้อีก 1หลัง พื้นเอียงมากครับทำใจเลย พื้นไม่เรียบด้วย แต่กรณีพื้นไม่เรียบนี่ผมจัดการแล้วครับ ถ้าใครอ่านบทความตอนไป ผาหินดำจะรู้ว่าผมอยากได้แผ่นรองนอน ใช่แล้วครับทุกคน ผมซื้อแผ่นรองนอนแล้ว (Decathlon ไม่เข้าผมเข้าเองก็ได้ แงๆ) แค่นี้แหละที่อยากมาโม้ให้ฟัง
กลางคืนอากาศหนาว ลมแรงอยู่ตลอด นั่งผิงไฟเติมไฟก็พอจะอุ่นๆอยู่นะ แต่พอลมแรงไฟมันก็หมดเร็ว ออกล่าหาฟืน สับท่อนไม้กลางดึกปลุกคนทั้งหมู่บ้าน 5555 ทำไงได้ละครับก็เด็กชายจิมมี่ของเราหนาวนี่ครับ เติมไฟเสร็จ แปปเดียวผมก็แปรงฟันเข้านอน ไม่ต้องหวังอาบน้ำนะครับสำหรับเขาลูกนี้เพราะว่าไม่มีแหล่งน้ำพอกับการอาบ แต่มีพอสำหรับล้างหน้าล้างตา ผมเข้า
โฆษณา