14 เม.ย. 2021 เวลา 03:22 • การศึกษา
คุณอาจจะรู้จักกับคำว่า ค่า แป๊ะเจี๊ยะ ที่เหล่าพ่อแม่ ได้ยินดีที่จะจ่าย เพื่อให้บุตรหลานของตัวเองเข้าเรียนในสถานศึกษาที่ดี และเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมเราไปซะแล้ว
แต่วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องที่คล้ายคลึงกัน แต่สเกลใหญ่กว่า และทำกันอย่างเป็นระบบ โดยเรื่องราวทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และคดีนี้ถือเป็นคดีที่ใหญ่ที่สุดที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ที่กำลังจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้มีชื่อว่า
"College Admissions Bribery Scandal 2019"
หรือ เรื่องอื้อฉาวจากการติดสินบนเพื่อการรับสมัครเข้ามหาวิทยาลัย 2019
ในปี 2019 เกิดเรื่องอื้อฉาวที่เกี่ยวกับการสมคบคิดกันก่อคดีทางอาญา ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจรับเข้านักศึกษาในระดับปริญญาตรี ของมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกาหลายแห่ง ซึ่งการสืบสวนคดีสมคบคิดครั้งนี้มีชื่อว่า "Operation Varsity Blues" มีการสอบสวนและตั้งข้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้อง และได้เปิดเผยข้อมูลนี้ต่อหน้าสาธารณะชนในวันที่ 12 มีนาคม 2019 โดยอัยการรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกา
เรื่องราวในคดีที่เกิดขึ้น มีผู้ถูกสั่งฟ้องในคดีนี้อย่างน้อย 53 คนโดยข้อหาเป็นส่วนหนึ่งของการสมรู้ร่วมคิด ผู้ถูกสั่งฟ้องจำนวนหนึ่งเลือกที่จะสารภาพผิด ซึ่งผู้ปกครอง 33 คนของเด็กที่สมัครเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาถูกกล่าวหาว่า ใช้เงินไปมากกว่า 25 ล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2011 ถึง 2018 ให้กับนาย "William Rick Singer" ผู้ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของขบวนการนี้ ได้ใช้เงินส่วนหนึ่งในการฉ้อโกงคะแนนสอบเข้า และอีกส่วนหนึ่งเพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย
1
เรื่องราวนี้เริ่มต้นอย่างไร?
เมื่อประมาณเดือนเมษายน ปี 2018 นาย Morrie Tobin นักธุรกิจชาวL.A. ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนในคดีเรื่องหุ้นซึ่งเกี่ยวกับการถ่ายโอนข้อมูล และการฉ้อโกงหลักทรัพย์ ได้เสนอข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจมากกว่า และจะเป็นคดีที่ใหญ่มากกว่าคดีของเขา เพื่อแลกกับการผ่อนปรนโทษในคดีของเขา
1
Tobin ได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ FBI ฟังว่า "Rudolph "Rudy" Meredith" หัวหน้าโค้ชฟุตบอลหญิงของมหาวิทยาลัยYaleได้เจรจาและยื่นข้อเสนอทางการเงินเป็นจำนวน 450,000 ดอลลาร์ เพื่อแลกกับการช่วยให้ลูกสาวคนเล็กของTobinได้เข้าเรียนใน Yale
1
หลังจากนั้น Tobin และ เจ้าหน้าที่ FBI ได้ร่วมมือกันสืบสวนเรื่องนี้โดยการให้ Tobinจัดฉากการเจรจากับ Meredith โดย Tobin สวมอุปกรณ์บันทึกเสียงขณะเข้าไปคุยกับ Meredith ในโรงแรมที่เมืองบอสตัน เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2018 และตามมาด้วยการเข้าจับกุมซึ่ง Meredith ได้ซักทอดเรื่องราวทั้งหมดไปที่ William Rick Singer ซึ่ง Meredith ได้ยินยอมตกลงที่จะร่วมมือกับทางการ และพาพวกเขาไปหา Singer และรับปากว่าให้ความร่วมมือในการสอบสวนคดีนี้
และจากการสืบสวนและสอบสวนทั้งหมด นำไปสู่การตั้งข้อหา ฉ้อโกง กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจำนวน 50 คน ในคดีอาญา เกี่ยวกับการฉ้อโกงทางไปรษณีย์โดยละเมิดกฎหมาย Title 18 United States Code มาตรา 1349 และผู้ปกครองอีก 16 คน จากผู้ปกครองที่ถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 33 คน ถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงินในการจ่ายสินบนให้กับนาย Singer โดยผ่านองค์กรการกุศลที่ Singer เป็นผู้ดูแล และองค์กรแสวงหาผลกำไรของเขา" โดยอัยการของรัฐบาลกลางในเมืองบอสตัน เป็นผู้สั่งฟ้องทั้งหมด
1
ซึ่งเอกสารทางการของศาลที่เปิดเผยในเดือนมีนาคม 2019 มีรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการที่นำโดย William Rick Singer วัย 58 ปี จะมีลูกค้าเป็นพ่อแม่ของเด็กๆที่มีฐานะร่ำรวยจ่ายเงินให้ Singer เพื่อให้ดำเนินการ และจัดการให้ลูกๆของพวกเขาได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยติดสินบนเจ้าหน้าที่ ที่ควบคุมการทดสอบ และติดสินบนเจ้าหน้าที่กรีฑาและโค้ชกีฬาต่างๆในมหาวิทยาลัย โดยมีหลักฐานเป็นการชำระเงินให้กับ Key Worldwide Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ Singer เป็นเจ้าของ และองค์กรนี้ได้รับสถานะ 501 (c) ซึ่งสถานะดังกล่าวทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงภาษีรายได้ของรัฐบาลกลาง ในขณะที่ผู้ปกครองก็สามารถนำเงินที่ให้แก่องค์กรนี้ไปหัก "เงินบริจาค" จากภาษีส่วนตัวของพวกเขาเองได้ ซึ่ง Singer ยังเสนอบริการให้คำปรึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ในนาม The Edge College & Career Network ซึ่งเป็น บริษัทจำกัด ที่มีส่วนได้เสียและรับผิด ที่จดทะเบียนในปี 2012 ที่เขาเอาไว้ทำงานเพื่อเป็นหน้าฉากการโกงทั้งหมดของเขา
เรื่องราวของ Admissions Bribery Scandal เป็นอย่างไร?
William Rick Singer ใช้เทคนิคหลอกลวง 2 อย่างเพื่อช่วยให้บุตรหลานของลูกค้าของเขา ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา คือ
1.การโกงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และ
2.การสร้างหนังสือรับรองการเป็นนักกีฬาชั้นยอด
วิธีโกงข้อสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย
ฟังดูอาจจะดูง่ายๆแต่วิธีการของ Singer นั้นค่อนข้างซับซ้อนและแนบเนียน โดยการสอบ SAT และ ACT ของระบบสอบเข้ามหาลัยฯของอเมริกา นาย Singer ได้ว่าจ้างนักจิตวิทยาเพื่อให้กรอกเอกสาร โดยระบุรายละเอียดที่จำเป็นในการรับรองบุตรของลูกค้า โดยโกหกไปว่า เด็กๆพวกนี้มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ sk
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้บุตรหลานของลูกค้าพวกเขา สามารถได้สิทธิพิเศษในการสอบ SAT และ ACT เช่น เวลาที่เพิ่มเข้ามาพิเศษในขณะที่กำลังสอบ Singerได้สารภาพว่า เขาสามารถขอรายงานความพิการฉบับปลอมแปลงนี้ ได้จากนักจิตวิทยาในราคา 4,000 ถึง 5,000 ดอลลาร์ ต่อฉบับ และรายงานดังกล่าวยังสามารถนำมาใช้ซ้ำ เพื่อให้เด็กคนนั้นได้รับผลประโยชน์พิเศษอื่นๆในมหาวิทยาลัยอีกด้วย
1
เมื่อเอกสารเสร็จสมบูรณ์ Singer จะบอกให้ลูกค้าคิดค้นแผนการขึ้นมา โดยให้สมมุติว่าเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผุ้เข้าสอบเดินทางผิดพลาด เพื่อให้มีการย้ายสถานที่เข้าทดสอบของบุตรหลานพวกเขาไปยังศูนย์ทดสอบที่อยู่ภายใต้การควบคุมของSinger ไม่ว่าจะใน West Hollywood หรือ Houston ซึ่งผู้ปกครองอาจจะได้รับคำแนะนำให้สร้างสถานการณ์ต่างๆขึ้นมาในครอบครัว ที่อาจทำให้เป็นเหตุผลเพื่อนำไปอ้างให้บุตรหลานของพวกเขาได้ทำข้อสอบ SAT, ACT หรือการทดสอบอื่นๆ ในสถานที่ส่วนตัว ที่ๆซึ่งนาย Singer สามารถเข้าควบคุมกระบวนการทดสอบได้อย่างสมบูรณ์
2
ในบางกรณี ก็ใช้วิธีให้ผู้อื่นสวมรอยเป็นนักเรียนเพื่อเข้าทำการทดสอบ ตัวอย่างเช่น นาย Mark Riddell ศิษย์เก่าของ Harvard และผู้อำนวยการเตรียมการสอบเข้าวิทยาลัยที่ IMG Academy เป็นหนึ่งในผู้สวมรอยปลอมตัวเป็นบุตรหลานของลูกค้าและเข้าสอบมากกว่า 24 ครั้ง ซึ่งในคดีนี้เขามีความผิดในข้อหาสมคบคิดหนึ่งกระทง และฉ้อโกงทางไปรษณีย์ และการฟอกเงิน อีกหนึ่งกระทง อัยการกล่าวว่าเขาได้รับค่าจ้าง 10,000 ดอลลาร์ต่อครั้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ครอบครัวที่ร่ำรวยทั้งหมดได้เปรียบจากแผนการเหล่านี้ พวกเขาได้รับการขยายเวลาในการทำข้อสอบ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พวกเขาจะทำคะแนนได้ดี ซึ่งจากเอกสารของเด็กพวกนี้เหมือนจะมีปัญหาเกี่ยวกับความพิการ แต่จริงๆแล้วเด็กๆเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหา แต่พวกเขาได้เวลามากกว่าคนอื่นๆ อีกทั้งยังได้สนามสอบที่พิเศษซึ่งไม่ยุติธรรมสำหรับเด็กๆคนอื่นๆทั่วไปที่ต้องเข้าสอบ
การสร้างข้อมูลของผู้สมัครให้เป็นนักกีฬา
นอกจากวิธีโกงการสอบแล้ว Singer ยังใช้วิธีอีกอย่างหนึ่งคือ ติดสินบนเจ้าหน้าที่ด้านกรีฑาและโค้ชกีฬาต่างๆของมหาวิทยาลัย ในมหาวิทยาลัยบางแห่ง บุคลากรเหล่านี้สามารถส่งรายชื่อนักกีฬาจำนวนหนึ่งไปยังหน่วยงานที่รับสมัครนักศึกษา โดยที่เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานพวกนี้ จะเลือกนักกีฬาตามลิสต์ที่โค้ชส่งมาให้ผ่านทางใบสมัครเหล่านี้
ซึ่งนาย Singer ใช้ Key Worldwide Foundation ของเขาในการดำเนินการฟอกเงินเพื่อจ่ายสินบนให้โค้ชสำหรับการติดฉลากบนใบสมัครของลูกค้าของเขาให้เป็นนักกีฬา นอกจากนี้เขายังสร้างโปรไฟล์หลอกๆขึ้นมาให้เด็กๆเหล่านี้ดูเหมือนเป็นนักกีฬาที่ยอดเยี่ยม
1
และในบางกรณีถึงขั้นใช้ซอฟต์แวร์แก้ไขภาพ (อย่างเช่น Photoshop) เพื่อแทรกภาพถ่ายใบหน้าของเด็กๆที่เป็นลูกค้า แปะลงบนภาพถ่ายของบุคคลอื่นที่กำลังเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาต่างๆ เพื่อเป็นRecord ว่าพวกเขาเหล่านี้ เป็นนักกีฬาที่ยอดเยี่ยม ทั้งๆที่ในชีวิตจริง พวกเขาไม่ได้เข้าใกล้กับคำว่า นักกีฬาใดๆเลย
ด้วยการโกงจากการสร้างโปรไฟล์ปลอมๆเหล่านี้ มีหลายๆเหตุการณ์ ที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่ามีความผิดจริง ยกตัวอย่างเช่น Michael Center โค้ชเทนนิสชายของ University of Texas หรือ (UT) ได้รับเงินประมาณ 100,000 ดอลลาร์ เพื่อเลือกเด็กๆที่เป็นลูกค้าของ Singer ได้รับคัดเลือกให้ติดทีมเทนนิส Texas Longhorns (ทีมประจำมหาวิทยาลัย) และมีการโกงในรูปแบบเดียวกันใน Yale ซึ่งขณะนั้น "Rudolph "Rudy" Meredith" (ที่ได้เล่าไว้ตอนต้นๆ) หัวหน้าโค้ชทีมฟุตบอลหญิงของมหาวิทยาลัย Yale ก็ถูกกล่าวหาว่ารับสินบน 450,000 ดอลลาร์เพื่อเลือกนักกีฬาโปรไฟล์ปลอมๆเข้าทีมมหาลัย
Donna Heinel ผู้อำนวยการกีฬาอาวุโสของ University of Southern California หรือ USC และโค้ชโปโลน้ำ Jovan Vavic ถูกกล่าวหาว่าได้รับเงิน 1.3 ล้านดอลลาร์และ 250,000 ดอลลาร์ตามลำดับ สำหรับการฉ้อโกงที่คล้ายๆกันกับข้างต้น
2
อีก 2 รายการคือโค้ชฟุตบอลชายของ University of California, Los Angeles หรือ UCLA นาย Jorge Salcedo และโค้ชเรือใบของสแตนฟอร์ด John Vandemoer ถูกตั้งข้อหารับสินบน ซึ่งนาย Vandemoer ยอมรับว่าเขายอมรับเงิน 270,000 ดอลลาร์เพื่อจัดกลุ่ม นักกีฬาจอมปลอมที่เป็นลูกค้าของ Singer 2 คนในฐานะลูกเรือในอนาคต และตกลงที่จะสารภาพผิดในข้อหาสมคบคิดฉ้อโกง อดีตโค้ชเทนนิสของ Georgetown University อย่าง Gordon "Gordie" Ernst ถูกกล่าวหาว่าอำนวยความสะดวกให้กับเด็กนักเรียนมากถึง 12 คนด้วยวิธีการฉ้อโกงโดยรับเงินสินบนสูงถึง 950,000 ดอลลาร์
เรื่องนี้ยังลามไปถึงวงการบาสเก็ตบอลของอเมริกา เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2019 University of San Diego หรือ USD เปิดเผยว่า Lamont Smith อดีตหัวหน้าโค้ชบาสเก็ตบอลชายได้ถูกทางมหาลัยฯกล่าวหาว่าเขาก็เคยรับเงินสินบนด้วยเช่นกัน และไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีการเปิดเผยเรื่องราวนี้ออกไป Smith ก็ลาออกจากตำแหน่ง ณ ตอนนั้น ที่เค้ารับงานเป็นผู้ช่วยโค้ชที่ University of Texas at El Paso โดยทันที ซึ่งสืบทราบว่าจากเรื่องนี้ มี 2 ครอบครัวจากซานดิเอโก ถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงินไปมากถึง 875,000 ดอลลาร์ เพื่อเข้าร่วมโครงการของ Singer
และยังมีอีกเยอะที่เป็นถึงลูกหลานของคนดังไฮโซของ อเมริกาที่มีข้อครหาและโดนดำเนินคดีกับเรื่องเหล่านี้
1
บุคคลที่ร่วมมือและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดโดนสั่งฟ้อง
มีผู้ถูกตั้งข้อหาและสั่งฟ้องรวมทั้งหมด 50 คนในการสอบสวน ในจำนวนนี้รวมไปถึงผู้ปกครอง 33 คนจากเด็กที่เข้าสมัครในมหาวิทยาลัย และโค้ช 11 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่อยู่ในระบบทางการกีฬาจากมหาวิทยาลัย 8 แห่ง ยังมีมหาวิทยาลัยเพิ่มเติมอีก 3 แห่งที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีการระบุชื่อสถานศึกษานั้นโดยตรง หรือ ถูกพิสูจน์อย่างชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นมหาวิทยาลัย Stanford, Harvard และ Northwestern.
ส่วนนาย Mark Riddell ศิษย์เก่าของ Harvard และอดีตผู้อำนวยการการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ IMG Academy Riddell ได้รับเงินจากSinger เพื่อให้เข้าทำการทดสอบโดยหลอกลวงแอบอ้างเป็นลูกของลูกค้า นอกจากนี้เขายังจ่ายเงินให้คณะกรรมการของมหาวิทยาลัย (ซึ่งพัฒนาและบริหารแบบทดสอบ SAT และการทดสอบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง) เพื่อให้บริการทดสอบทางการศึกษา และจ่ายเงินให้กับหน่วยงานที่จัดการสอบ ACT ในการจงใจให้เกิดการทดสอบที่ผิดพลาด เขาถูกไล่ออกจากสถาบัน IMG และยอมรับความผิดที่ก่อเอาไว้
1
ผลกระทบที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาต่อเรื่องนี้
จากเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นไปทั่วสหรัฐฯ National Collegiate Athletic Association (NCAA) ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองของกีฬามหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศแผนการที่จะทบทวนข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น "เพื่อกำหนดขอบเขตที่อาจละเมิดกฎของ NCAA"
วุฒิสมาชิกของสหรัฐฯกำลังปรับปรุงและแก้ไขบทกฎหมายใหม่ โดย อาจจะมีแผนให้มีการรับเงินสนับสนุนหรือเงินบริจาคให้แก่เหล่าสถานศึกษาต่างๆ หากผู้บริจาคมีบุตรที่ต้องการเข้าเรียนหรือสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นๆ และจะรื้อฟื้นกฎหมายปี 2017 ที่กำหนดโทษปรับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่มีสัดส่วนนักศึกษาที่มีรายได้น้อย ในสัดส่วนที่น้อยที่สุด
ในวันที่ 26 มีนาคม 2019 Yale กลายเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ยกเลิกการรับนักศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวครั้งนี้ ต่อมาวันที่ 2 เมษายน Stanford ประกาศว่าพวกเขาได้ไล่นักเรียนที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงนี้ออกไปจากรั้วมหาลัยฯ ในเดือนมิถุนายน 2019 Grand Canyon University ได้ประกาศยุติความสัมพันธ์กับ Singer ลงทันที
2
และรวมไปถึงเหล่าคนดังต่างๆที่ เมื่อโดนสั่งฟ้องในคดีนี้ ก็ได้รับผลกระทบกันอย่างหนักหน่วงมากมาย เช่น Hallmark Channel สถานีโทรทัศน์ชื่อดังของอเมริกา ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์กับ Lori Loughlin ดาราสาวของรายการ Garage Sale Mystery และ When Calls the Heart หลังจากที่เธอเป็นหนึ่งในผู้ปกครองที่ถูกสั่งฟ้องในข้อกล่าวหานี้ และ Netflix ก็ได้ตัดสินใจปลด Loughlin ออกจาก Fuller House ด้วยเช่นกัน และยังลามไปถึง Olivia Jade ลูกสาวคนเล็กของเธอก็สูญเสียงาน จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ TRESemmé และเครือผลิตภัณฑ์ความงามของ Sephora และทาง University of Southern California ยังประกาศให้เธอเป็น "disruptive individual" หรือแปลง่ายๆว่า เป็นบุคคลที่ก่อความวุ่นวาย ซึ่งจะส่งผลให้เธอถูกห้ามไม่ให้เข้า - ออกจากวิทยาเขตต่างๆและ พื้นที่ของมหาวิทยาลัยไปตลอดชีวิต
2
เรื่องราวทั้งหมดนี้ ถือเป็นเรื่องที่อื้อฉาว และเลวร้ายที่สุด ที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนให้เห็นเรื่องค่านิยมของบรรดาเหล่าไฮโซ ที่พร้อมจะจ่ายเงิน เพียงเพื่อให้บุตรหลานของพวกเขาได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย หรือสถานศึกษาชั้นนำของประเทศ แต่คนส่วนใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ ไม่ได้มีแต่ครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยเท่านั้นที่พร้อม "จ่าย" เพื่อชื่อเสียงของมหาลัยฯ
เพราะในความเป็นจริงแล้ว การรับสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำบางแห่งก็เลือกที่จะรับเงินบริจาคที่มีจำนวนมากๆมาพิจารณาก่อน ซึ่งบางครอบครัวอาจจะต้องบริจาคเงินมากถึง 10 ล้านดอลลาร์ เพียงเพื่อให้คณะกรรมการของสถานศึกษานั้นๆหันมามองบุตรหลานของเขา ในการพิจารณาเข้ารับการศึกษาของสถาบัน ซึ่งจะมองมาหรือไม่ก็ไม่มีใครการันตีได้ แต่วิธีการลงทุนผ่านนาย Singer นั้นมีความแน่นอนมากกว่าว่าบุตรหลานของพวกเขาจะได้เข้าเรียนในสถาบันที่พวกเขาต้องการ และไม่ต้องจ่ายเยอะขนาดนั้น
ส่วนใครที่อ่านแล้วอยากเห็นภาพให้ชัดเจนมากกว่านี้ ทาง Netflix ก็ได้เปิดตัวสารคดีเรื่อง "Operation Varsity Blues: The College Admissions Scandal" ในปี 2021 นี้โดยส่วนใหญ่เน้นไปที่เรื่องราวของนายSinger ที่รับบทโดย Matthew Modine
#Obsoletearticles
โฆษณา